เด็กชายเป็นเยอะมาก! ปัญหาอัณฑะลูกชายผิดปกติ พ่อแม่ควรรู้ว่าแบบไหนที่ไม่ปกติ
เคยสังเกตไหมคะ ว่าอัณฑะของลูกชายมีลักษณะอย่างไร บางครั้งดูเหมือนจะมีอัณฑะข้างเดียว แต่บางครั้งก็เห็นทั้ง 2 ข้างอยู่ในถุงอัณฑะ บางครั้งก็ไม่มีอัณฑะเลย แบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ พ่อแม่ควรรู้ก่อนจะเกิดอันตรายนะคะ
เด็กชายเป็นเยอะมาก! ปัญหาอัณฑะลูกชายผิดปกติ พ่อแม่ควรรู้ว่าแบบไหนที่ไม่ปกติ
ลูกอัณฑะในเด็กชาย แบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ
- ภาวะลูกอัณฑะพลุบ ๆ โผล่ ๆ (Retractile testis)
ลูกอัณฑะพลุบ ๆโผล่ ๆ เพราะลูกอัณฑะจะมีสายยึดลูกอัณฑะที่มีการยืดหดได้ดีพอควร ทำให้เวลาที่ตื่นเต้น หรืออากาศเย็น ก็มีการหดตัวของสายห้อยลูกอัณฑะดึงให้ลูกอัณฑะข้างนั้นขึ้นมาอยู่สูงที่บริเวณขาหนีบ แทนที่จะลงมาอยู่ในถุงอัณฑะเหมือนเวลาปกติ ซึ่งภาวะนี้เป็นสิ่งที่พบได้บ่อย ๆ และไม่ได้มีผลกระทบต่อการเจริญพันธ์ใด ๆ
วิธีสังเกตลูกชาย ว่าลูกอัณฑะผิดปกติหรือไม่
วิธีสังเกตว่าลูกอัณฑะได้ลงมาอยู่ในถุงหรือไม่ ให้ลูกชายยืน หรือในตอนที่อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นสบาย จะช่วยให้มีการผ่อนคลาย และจะพบว่าสายยึดลูกอัณฑะจะหย่อนให้ลูกอัณฑะลงมาอยู่ในถุงอัณฑะได้มากขึ้น ซึ่งเมื่อลูกชายโตขึ้นเป็นหนุ่มก็จะไม่พบปัญหานี้ และลูกอัณฑะจะอยู่ในถุงอัณฑะในตำแหน่งปกติ โดยไม่ต้องการการรักษาอะไร และไม่มีข้อต้องวิตกอะไรเลย
- ลูกอัณฑะข้างเดียว (ไข่ทองแดง)
ในเด็กผู้ชายลูกอัณฑะควรจะลงมาอยู่ในถุงอัณฑะ ให้ตรวจคลำได้ตั้งแต่แรกเกิด บางครั้งก็จะพบว่ามีลูกอัณฑะในถุงอัณฑะเพียงข้างเดียว บางครั้งอาจไม่พบทั้ง 2 ข้าง ซึ่งโดยทั่วไปจะเรียกว่า “ไข่ทองแดง”
เมื่ออายุเกิน 1 ปีไปแล้วยังไม่พบลูกอัณฑะทั้ง 2 ข้างในถุงอัณฑะ ก็เรียกว่าผิดปกติ เพราะจะไม่พบว่าลูกอัณฑะจะเลื่อนตัวลงมาได้เองอีก มักจะเป็นข้างขวา และส่วนใหญ่จะคลำพบได้ที่บริเวณขาหนีบเป็นก้อน แต่ในบางรายก็อาจจะคลำไม่พบ เพราะว่าลูกอัณฑะอาจจะไม่มีมาตั้งแต่กำเนิด หรือว่ายังคงค้างอยู่ในช่องท้องไม่ได้เลื่อนลงมาในช่องบริเวณขาหนีบก็ได้
ภาวะไข่ทองแดงนี้ เชื่อว่าเกิดจากการที่มีระดับฮอร์โมนที่ไม่ปกติ หรือจากการที่สิ่งอื่นมาปิดกั้นการเคลื่อนตัวของลูกอัณฑะ เช่น การมีไส้เลื่อน หรือส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ
วิธีการรักษาภาวะไข่ทองแดง
ส่วนใหญ่จะรอจนอายุเกิน 1 ปี เพื่อให้เวลาที่ลูกอัณฑะจะเคลื่อนตัวลงมาอยู่ในถุงอัณฑะเอง ในบางรายอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ทางด้านฮอร์โมนต่อมไร้ท่อ เพื่อตรวจดูว่ามีปัญหาด้านความไม่สมดุลของฮอร์โมนหรือไม่ และเนื่องจากการที่ลูกอัณฑะไม่ลงมาอยู่ในถุงอัณฑะอาจมีผลในระยะยาวเกี่ยวกับการเจริญพันธ์ และอาจเกิดปัญหามะเร็งของลูกอัณฑะข้างนั้นได้
จึงมีการพิจารณาทำการผ่าตัดเพื่อนำลูกอัณฑะที่อยู่ผิดที่ให้ลงมาอยู่ในถุงอัณฑะอย่างที่ควรจะเป็น (Orchipexy) เพื่อทำให้ลูกอัณฑะนั้นยังสามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ เมื่อเด็กโตขึ้น ซึ่งระยะเวลาที่เหมาะสมในการทำผ่าตัดก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ผ่าตัดก่อนที่ลูกอัณฑะนั้นจะเริ่มมีการเสื่อมสภาพ และไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างปกติ จึงควรปรึกษาแพทย์ถ้าลูกของคุณมีปัญหานี้ ไม่ควรรอจนเด็กโตมากแล้ว เพราะถึงตอนนั้นลูกอัณฑะอาจจะไม่มีสภาพที่จะทำงานได้อย่างเดิม
ขอบคุณข้อมูลจาก
น.พ.ประสงค์ พฤกษานานนท์