ความฉลาดของลูกเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยค่ะ ส่วนหนึ่งมาจากพันธุกรรมและการเตรียมความพร้อมของคุณพ่อคุณแม่ก่อนการตั้งครรภ์ เช่น การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ เพื่อหาโรคทางกรรมพันธุ์และความเสี่ยงต่างๆ หรือการรับประทานอาหารและวิตามินที่มีประโชยน์ รวมถึงการผ่อนคลายความเครียดในระหว่างครรภ์ ซึ่งส่งผลให้ลูกมีความพร้อมที่จะเรียนรู้โลกภายนอก
นอกจากกรรมพันธุ์ที่เป็นพื้นฐานตั้งแต่แรกเกิดแล้ว การเลี้ยงดูและการส่งเสริมของคุณพ่อคุณแม่เพื่อกระตุ้นให้ลูกฉลาดก็สำคัญค่ะ เราลองมาดูกันว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่ช่วยกระตุ้นและส่งเสริมให้ลูกฉลาดได้อย่างต่อเนื่องและเห็นผล
1.เลือกหนังสือให้เด็กอ่าน
ผลวิจัยใหม่ที่ได้ข้อมูลจากการสแกนสมองของเด็กวัย 3-5 ขวบด้วย functional MRI พบว่าสมองซีกซ้ายมีการตื่นตัวในหลายตำแหน่งเมื่อเด็กฟังเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่หรืออ่านหนังสือ ซึ่งบริเวณของเนื้อสมองที่ว่านี้เกี่ยวข้องกับความจำ,ความคิดและความเข้าใจศัพท์
เรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร Pediatrics โดยพบว่าเด็กที่มาจากครอบครัวรักการอ่านหรือเล่านิทานให้กันฟังจะมีกิจกรรมในสมองส่วนนี้สูงกว่าซึ่งจะช่วยในการเรียนรู้ของเด็กในอนาคต
หนังสือดีๆ เพื่อลูกรัก ได้ที่ : www.raklukeselect.com/landing
2.เป็นอาจารย์ด้านภาษาศาสตร์
คุณพ่อคุณแม่คือครูที่ใกล้ชิดลูกได้ดีที่สุด การรู้ภาษาที่ช่วยสมองเด็กนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นภาษาต่างชาติเสมอ แต่สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่เก่งนั้นสามารถนำเอาภาษาไทยนี่เองมาช่วยสร้างสมองให้เด็ก ด้วยการเช็กสเปลลิ่งหรือเล่นเกมสะกดคำจากวรรณคดีไทย
อย่างพระอภัยมณี หรืออิเหนา ที่เอามาเล่าสนุก เพิ่มสีสันด้วยการวาดกราฟฟิกลงบนแท็บเล็ตก็ได้ ดังในการศึกษาที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ 2 ภาษาพบว่ามันช่วยไปถึงเนื้อสมองในการเรียนรู้ต่อไปในอนาคตทั้งรูปธรรมและนามธรรม
3.อย่าขาดการเล่นให้เหมาะกับเพศ
การให้เด็กผู้หญิงเล่นตุ๊กตาและเด็กผู้ชายเล่นรถนั้นถือเป็นการเล่นแบบช่วยสมองได้ เพราะมันช่วยใส่ความรู้สึกประทับใจลงในหัวใจที่ยังเยาว์ ให้เข้าใจบทบาทแต่ละเพศเมื่อเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเหมาะสม
มีรายงานถึงการเพิ่มระดับ "ฮอร์โมนรัก" หรืออ็อกซิโทซินจากสมองของเด็กหญิงที่สมมติตัวเองเป็นแม่แล้วดูแลตุ๊กตาดุจลูกน้อย ซึ่งอ็อกซิโทซินนี้จะช่วยให้เด็กหญิงเติบโตขึ้นเป็นสาวที่ "รู้จักรัก" อยากมีลูกและถนอมครอบครัวไว้ได้อย่างเป็นสุข
4.ใช้เพจออนไลน์ให้เป็นประโยชน์
โทษของเพจออนไลน์กับจิตใจเด็กนั้นมีมาก หากใช้ไม่ถูก! แต่ถ้าอยากปลูกฝังสิ่งดีให้ในยุคนี้ก็ไม่ต้องหนีสื่อออนไลน์ แต่ขอให้รู้จักใช้ให้เหมาะ เช่น ถ้าลูกจะดูคลิปต่างๆ อย่างช่องของดาราหรือว่าคลิปแรงๆหนักๆก็ขอให้คุณพ่อคุณแม่คุณครูช่วยใส่ความรักลงไป
อย่าให้เขาคล้อยตามไปกับแอดมินเพจรุนแรง เพราะจะทำให้เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าวเป็นผลลัพธ์ดังงานวิจัยจาก Ohio State U ได้ศึกษาไว้ ให้เราคอยสอนว่าถ้านำเสนออย่างนี้อาจมีคนเข้ามาดูแต่หนูก็จะไม่ใช่คนน่ารักในสายตาของโลกโซเชียลเสมอไปเพราะความรุนแรงมันไม่ใช่ของยั่งยืนและจะได้รับผลร้ายตอบเป็นต้น
5.โปรดใช้วาจาเมตตาและให้อภัย
ถ้าอยากให้ลูกดีมีวิธีเริ่มที่ง่ายที่สุดคือคุณพ่อคุณแม่เริ่มวันใหม่ด้วยการคุยกันอย่างพูดหวานขานเพราะมีครับมีค่ะลงท้าย แม้คุยกับแม่บ้านหรือพนักงานเสิร์ฟอาหารก็เอ่ยปากกับเขาอย่างให้เกียรติไม่มีเลือกปฏิบัติอย่างนี้จะจัดระเบียบให้สมองของเด็กพัฒนาไปในทางดี
แม้จะมีพ่อแม่รุ่นใหม่คิดว่าคุยกันด้วยภาษาห้าวอย่างไรก็ได้ไม่มีใครเขาถือแล้ว แต่ขอให้รู้ว่าคำพูดที่เพราะนั้นมันมีผลกับจิตใจเด็กมาก ด้วยวลีที่เอ่ยเป็นบวกนั้นมันจะประทับลงในจิตใจของทั้งผู้พูดและผู้ฟังให้อ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว และเมื่อทำไปบ่อยๆเข้าจนติดเป็นนิสัยก็จะทำให้กลายเป็นคนอ่อนโยน ข้อสำคัญคือทำให้เด็กนั้นโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่หาความสุขให้หัวใจได้ง่ายขึ้น
สิ่งสำคัญที่สุดในการเลี้ยงลูกในปัจจุบันไม่ใช่แค่เพียงความฉลาดค่ะ แต่ลูกเรายังต้องประสบความสำเร็จอย่างมีความสุข รู้จักช่วยเหลือผู้อ่าน และสามารถเอาตัวรอดในสังคมได้เป็นอย่างดี แม้ลูกเราจะไม่เป็นที่หนึ่งในทุกๆ เรื่อง ขอเพียงแค่เขาสามารถใช้สิ่งที่เรียนรู้และได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้อง เขาก็เป็นเด็กฉลาดแล้วล่ะค่ะ
ที่มา : นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์ชะลอวัย