ปัจจุบันมีแนวโน้มเด็กเป็นโรคสมาธิสั้นมากขึ้น ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุข พบว่าเด็กไทยป่วยสมาธิสั้นกว่า 1 ล้านคน และกว่าครึ่งจะมีปัญหาสุขภาพจิตตามมา โรคสมาธิสั้นเรียกย่อๆ ว่า ADHD มาจากชื่อในภาษาอังกฤษว่า Attention deficit/hyperactivity disorder
โรคสมาธิสั้นมักพบในเด็กอายุก่อน 7 ปี และมีอาการต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน โดยสาเหตุหลักมาจาก
พันธุกรรม โรคสมาธิสั้นสามารถถ่ายทอดภายในครอบครัวได้ถึงร้อยละ 57
ความผิดปกติทางสมอง เมื่อสารสื่อประสาทไม่สมดุล ทำให้สมองส่วนหน้าส่วนที่ทำหน้าที่ควบคุมเรื่องสมาธิ การจดจ่อ การยับยั้งชั่งใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกาย ทำงานน้อยกว่าปกติ จึงทำให้เด็กไม่มีสมาธิ วอกแวกง่าย อยู่ไม่นิ่ง
การดูแลตั้งแต่ในครรภ์และการเลี้ยงดู แม่สูบบุหรี่ ดื่มสุราระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากทำให้ลูกเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด มีน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่าปกติแล้ว ก็มีโอกาสทำให้ลูกสมาธิสั้นได้ด้วย รวมถึงการเลี้ยงดูที่พ่อแม่ปล่อยปละละเลย ตามใจลูกจนขาดระเบียบวินัย ปล่อยให้อยู่กับจอ เช่น โทรทัศน์ ไอแพด แท็บเล็ต มือถือ เป็นเวลานานๆ
โรคสมาธิสั้นนั้นหากไม่ได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ อาจส่งผลต่อพัฒนาการต่างๆ เช่น มีอาการซุกซน ไม่อยู่นิ่ง ควบคุมตัวเองได้ยาก หุนหันพลันแล่น มีปัญหาเกี่ยวกับการคิด การวางแผน และการจัดลำดับสิ่งต่างๆ จนส่งผลต่อการเรียนรู้และการทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อถึงวัยเข้าโรงเรียนก็จะส่งผลกระทบต่อการเรียน การมีปฏิสัมพันธ์กับเด็กคนอื่นด้วย ซึ่งอาจติดตัวไปจนถึงวัยรุ่นและวัยผู้ใหญ่
เมื่อสังเกตพบว่าลูกมีแนวโน้มเป็นเด็กสมาธิสั้น ซึ่งจะแสดงอาการ วอกแวก เหม่อลอย จดจ่ออะไรนานๆ ไม่ได้ ขี้ลืม ขี้เบื่อ ไม่ค่อยรอบคอบ ไม่ชอบทำงานที่ต้องอาศัยสมาธิ ยุกยิกตลอดเวลา ชอบคุยเสียงดังๆ เล่นกับเพื่อนแรงๆ ใจร้อน วู่วาม หุนหันพลันแล่น ชอบพูดแทรก รอคอยอะไรไม่ค่อยได้ ให้รีบปรึกษาแพทย์และพาลูกเข้ารับการรักษาทันทีค่ะ
การรักษาโรคสมาธิสั้นด้วยยา แพทย์จะจ่ายยาที่ช่วยเพิ่มสมาธิ เป็นยาในกลุ่มที่มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท เช่น Methylphenidate ซึ่งตัวยาเข้าไปกระตุ้นให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทเพิ่มขึ้น ช่วยลดอาการสมาธิสั้นต่างๆ ได้
การรักษาด้วยการปรับพฤติกรรม คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกได้ดังนี้
โอเมก้า 3 คือกรดไขมันที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย และต้องได้รับจากการกินอาหารเท่านั้น ซึ่งโอเมก้า 3 นี้เป็นตัวช่วยให้เซลล์ประสาทและสมองของลูกทำงานเป็นปกติ พัฒนาจอประสาทตา แถมยังเป็นสารตั้งต้นในการผลิต DHA ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาท ระบบสายตา และทำงานเกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาท ทำหน้าที่ในการสร้างปลอกหุ้มใยประสาท ส่งผลให้เซลล์สมองส่งกระแสไฟฟ้าถึงกันและกันได้รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพ ทำให้ลูกมีพัฒนาการการเรียนรู้ ความคิด และความจำที่ดีนั่นเอง
หากคุณแม่สนใจ อยากหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ OMEGA3 & DHA หรือเรื่องสมาธิสั้นของเด็กๆ สามารถดูข้อมูลเพิ่มได้ที่ https://www.facebook.com/sevenseasthailand/
#SevenSeasThailand #บำรุงร่างกายให้ลูกน้อย #Omega3และDHAจากน้ำมันตับปลา