"ฮือ ฮือ.... แงๆๆ !!!" ได้ยินเสียงนี้มาเมื่อไร เป็นเรื่องใหญ่
เมื่อวันก่อนขึ้นรถไฟฟ้าเพื่อหลีกหนีมลภาวะที่จะทำให้หงุดหงิด แต่จนแล้วจนรอด เจ้าหนู (ของคนอื่น) เกิดวีนขึ้นมาบนรถไฟฟ้า คุณแม่ก็เอาใจไม่ถูกไม่รู้จะทำอย่างไรดี ปลอบก็แล้วขู่ก็แล้ว เอาใจสารพัด น่าเห็นใจคุณแม่เสียเหลือเกินค่ะ
"ฮือ ฮือ.... แงๆๆ !!!" ได้ยินเสียงนี้มาเมื่อไร เป็นเรื่องใหญ่ เกิดในบ้านยังพอทำเนาแต่ถ้าคุณอยู่ ณ ภัตตาคารมีระดับ หรืออยู่ระหว่างพาลูกไปเที่ยวเพื่อนๆ อยู่ แล้วคุณจะทำอย่างไร?
เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องลักษณะนิสัยหรือการตามใจอย่างเดียวนะคะ แต่เป็นเรื่องของพัฒนาการของเด็กวัยเตาะแตะที่จะยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ถ้าอยากได้หรืออยากทำอะไรก็จะไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา หรือไม่ได้อยากได้อะไรแต่เกิดจะงอแงซะอย่างนั้น อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ บทจะดีก็น่ารักน่าเอ็นดู พอวีนขึ้นมาก็เป็นเหมือนวายร้ายตัวเล็กที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่ปวดเศียรเวียน เกล้าเสียเหลือเกิน
หนูๆ เผยความในใจ
- ก็หนูเป็นแค่เด็กน้อยธรรมดาคนหนึ่ง เรื่องที่จะมีอารมณ์เสียใจ โกรธ โมโห หรือที่ฝรั่งเขาเรียกว่า ช่วง Tantrum จึงเป็นเรื่องไม่แปลกประหลาอะไร ฉะนั้นพ่อแม่จ๋า..อย่าโกรธหนูเลยนะจ๊ะ ก็หนูยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่เก่ง ก็แหม เป็นมือใหม่เพิ่งเริ่มหัดได้ไม่ถึง 3 ปี เรื่องอย่างนี้ต้องเข้าใจและให้เวลากันบ้างนะจ๊ะ
- คือ...ตอนนี้หนูยังทำอะไรเองไม่ค่อยได้ เวลาหนูเห็นแม่พับผ้าห่ม หรือคนอื่นๆ ยืนบนรถไฟฟ้ามันดูเหมือนง๊ายง่าย หนูก็เลยอยากลองทำบ้างแต่ก็ยังทำไม่ได้ซะที บางทีแม่ก็ห้ามไม่ให้หนูทำ รู้ไหมว่ามันทำให้หงุดหงิดแค่ไหน บางทีหนูก็อดปล่อยโฮ ร้องกรี๊ดออกมาไม่ได้เหมือนกันนะ
- เชื่อไหม เวลาหนูโมโหอออกฤทธิ์ออกเดชหรือว่าวีนแตกทีไร ไม่พ่อหรือแม่ก็จะต้องเข้ามาเอาอกเอาใจหนูไปซะทุกที แล้วอย่างนี้จะไม่ให้หนูๆ ติดใจใช้วิธีนี้บ่อยๆ ได้อย่างไร อีกอย่างเวลาหนูจะเอาอะไร มันก็พูดไม่ค่อยออกบอกไม่ค่อยจะถูก วิธีนี้แหละเด็ดสุด ไม่พอใจเมื่อไร ร้องเมื่อนั้น ถ้ายังไม่หันมาอีกล่ะก็ได้เวลาดีดดิ้นแสดงลีลาแล้ว
- เอาน่า...แต่พ่อกับแม่อย่าเพิ่งท้อเบื่อหนูไปก่อนนะคะ หนูจะเป็นๆ หายๆ อยู่อย่างนี้สักพักหนึ่ง ซึ่งแล้วแต่เวลาเหมือนกันนะ บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะหายเมื่อไร แต่พอสัก 3 ขวบก็เริ่มอาการป่วนก็คงน้อยลงมากแล้ว หนูเริ่มมีเหตุผลมากขึ้น กลายเป็นเด็กดีน่ารักของพ่อกับแม่เหมือนเดิมแล้วล่ะ
- อีกอย่างหนึ่งที่ขอบอกให้รู้ไว้ คือว่าหนูไม่สนใจหรอกนะว่าคนอื่นข้างนอกบ้านเขาจะมองอย่างไร หนูสนใจแต่เรื่องระหว่างหนูกับพ่อหรือแม่เท่านั้น ฉะนั้นคำขู่ที่ว่ามีคนมองอยู่ คงใช้กับหนูไม่ได้หรอก
แนะกลเม็ดพ่อแม่รับมือ
- ถึงคุณพ่อคุณแม่ ก่อนที่จะควบคุมลูก คุณต้องควบคุมอารมณ์ตนเองให้เป็น และอยู่หมัด เพราะเคยได้ยินข่าวมาว่าแม่วัยรุ่นที่ยังมีวุฒิภาวะไม่เพียงพอ ก่อเหตุฆาตกรรมลูกเพียงเพราะว่า ลูกร้องไห้อาละวาดอย่างหนัก พูดก็แล้วตีก็แล้วลูกก็ไม่ฟัง อยากให้ลูกหยุดเสียที ด้วยอารมณ์พาไปจึงใช้วิธีที่ผิดพลาดขนาดนี้ ควบคุมอารมณ์ให้ดีแล้วทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง
- เด็กแต่ละคนจะมีวิธีการรับมือที่ได้ผลแตกต่างกันไป ตามลักษณะนิสัย เช่น บางคนหากเข้าไปกอดอาการก็จะสงบลง หรือพยายามเบี่ยงประเด็นให้ลูกสนใจอย่างอื่นจนลืมเรื่องที่อาละวาดไป ถ้าลูกวีนในร้านอาหาร ลองอุ้มพาเขาไปดูปลาหรือกุ้งเป็นๆ ที่ว่ายน้ำอยู่หน้าร้าน เบี่ยงเบนความสนใจ รับรองว่าลูกจะสงบลงได้อย่างรวดเร็ว หรือพ่อแม่บางคนใช้วิธีวางเฉยให้ลูกร้องไปให้พอ โดยพาไปในที่ที่ไม่รบกวนคนอื่น เช่น ลานจอดรถห้าง หรืออุ้มเข้าไปในห้องนอน ร้องเสร็จแล้วค่อยคุยกัน
- ยามเจ้าหนูร้องไห้เพราะอยากได้นั่นอยากได้นี่ อย่าให้เป็นอันขาด เพราะคุณกำลังบ่มเพาะนิสัยที่ร้ายกาจให้ลูกเลยทีเดียว ครั้งหน้าถ้าลูกอยากได้อะไร เขาจะไม่มีเหตุผล แต่เขาจะร้องไห้อย่างเดียว เพราะรู้ว่ายังไงๆ พ่อแม่ก็ต้องสรรหามาให้เขาจนได้
- สร้างกิจวัตรหนูให้เป็นเวลาอันนี้ช่วยได้ เพราะเราจะได้ประเมินพฤติกรรมลูกได้คร่าวๆว่าลูกจะหิว ขับถ่าย หรือง่วงนอนเวลาไหน จะได้เตรียมรับมือทัน
- สร้างความรู้สึกให้ลูกคิดว่าตนเองมีอิสระ เปิดโอกาสให้ลูกมีส่วนในการเลือกและตัดสินใจอะไรให้ตัวเองได้ เช่น ทาขนมปังของลูกด้วยแยมสตรอเบอร์รี่หรือเนยถั่วดีจ้ะ หรือรื้อของเล่นได้ตามสบายแต่สัญญาว่าจะเก็บด้วยกันนะ
- ระลึกอยู่เสมอว่าสิ่งที่ลูกเป็นตอนนี้ คือการแสดงออกของพัฒนาการ ที่ต้องการความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น และหนทางแก้ไขระยะยาวคือการฝึกให้ลูกพูด เช่น เวลาออกไปข้างนอกลูกต้องสามารถพอจะพูดได้ว่า หิวน้ำ เมื่อย เพื่อพ่อหรือแม่จะได้ช่วยหนูได้ ถ้าหนูร้องพ่อแม่ก็ไม่รู้ว่าหนูจะอยากได้อะไร
แม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจดีแล้วว่าอาการดื้อ วีน ร้องไห้กระจองงอแงนี้ เป็นเรื่องของพัฒนาการ แต่ก็ไม่ควรวางเฉยนะคะ ควรทำความเข้าใจกับลูกตั้งแต่เล็กๆ ว่าเราควรวางตัวอย่างไรในสถานที่แบบไหน แม้ลูกจะยังทำไม่ได้ 100% ปลูกฝังไว้ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะของแบบนี้มันซึมซับ เมื่อโตขึ้นเขาก็จะควบคุมอารมณ์และรู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดีเลยค่ะ เรียกว่าพาไปไหนไม่อายใครแน่นอน
โมโหกลั้นหายใจ...อันตราย
เจ้าหนูบางคนปลดปล่อยอารมณ์ออกมาไม่เป็น กลั้นหายใจตัวเองจนหน้าแดงหน้าเขียว ปล่อยไว้นานลูกมีสิทธิ์ช็อกหมดสติหรือชักได้ ควรเรียกสติลูกด้วยการตบที่หน้าลูกแรงพอประมาณ เมื่อลูกตกใจจะสูดหายใจเข้าไปเอง อาการนี้เด็กเป็นไม่บ่อยนักค่ะ
อนาคตของเจ้าหนูขี้วีน
อย่าปล่อยให้วีนถาวร เพราะมันอันตรายมาก แม้จะเป็นพัฒนาการแต่คุณก็ต้องแก้ไข ลูกไม่ได้อยู่กับเราตลอดชีวิต เราให้อภัยลูกเราได้แต่คนอื่นๆ ล่ะ ดังนั้นเราจะต้องรู้จักป้องกันไม่ให้เขาระเบิดอารมณ์ออกมา เช่น หากโกรธเดินเข้ามาบอกพ่อนะ หนูกรี๊ดพ่อไม่รู้ว่าหนูโมโหอะไร
เนื่องจากเมื่อลูกโตขึ้น สังคมจะตีกรอบว่าลูกสามารถทำอะไรได้แค่ไหน แต่อารมณ์ที่ยังค้างและไม่ได้รับการแก้ไขในวัยเด็กมันเหมือนคลื่นใต้น้ำ ถ้าหากมีโอกาสมันก็จะระเบิดออกมากระทบคนที่ด้อยกว่าตัวเขาได้ค่ะ