โรคเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ในเด็กนั้น ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุ 1-3 ปี แต่ก็เคยมีกรณีพบในเด็กอายุเพียง 5 เดือน ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่ของโรคเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ที่เกิดในเด็กนั้น มักเกิดจากการระคายเคืองของเนื้อเยื่อในโพรงลำไส้ ซึ่งต่างจากผู้ใหญ่ที่เนื้องอกเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม อาหารการกิน สูบบุหรี่ เป็นต้น
“สำหรับความผิดปกติของเนื้อเยื่อในลำไส้นั้น เกิดเป็นเนื้องอกหรือติ่งเนื้อต่อมาอาจเกิดเป็นภาวะแทรกซ้อนทำให้มีอาการลำไส้กลืนกัน ซึ่งทำให้มีการอุดตันของลำไส้เป็นภาวะฉุกเฉิน หรือมีเลือดออกในทางเดินอาหารซึ่งจะหาสาเหตุและรักษาได้จากการส่องกล้องลำไส้ใหญ่”
แม้ว่าเนื้องอกที่เป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ในเด็ก จะพบได้ไม่มากนัก แต่คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรชะล่าใจค่ะ หากเกิดอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างทันท่วงที
1.ถ่ายเป็นมูกเลือด
2.ท้องเสียบ่อย
3.นํ้าหนักลดลง หากเกิดอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอย่างทันท่วงที
1.รับประทานอาหารที่สะอาด ถูกหลักอนามัย และหลากหลาย อาหารที่เด็กควรทานหลัก ๆ คือ แป้ง โปรตีน และไขมัน โดยคำนึงถึงปริมาณไม่ให้มากเกินไป เลือกประเภทที่ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเสริมสารอาหารอื่นๆ ควบคู่
2.เน้นการฝึกขับถ่ายให้เป็นปกติ จะได้ไม่มีอุจจาระตกค้าง
3.คุณพ่อคุณแม่จะต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี เพื่อให้ลูกปฏิบัติตาม เช่น เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่เครียด ออกกำลังกาย เป็นต้น
การเสริมสร้างร่ายกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็งลำไส้และโรคต่าง ๆ ได้ โดยจะต้องฝึกนิสัยการกินให้ถูกต้องกินอาหารให้ครบหมวดหมู่ในปริมาณที่พอดี เหมาะสมกับแต่ละคน สร้างพฤติกรรมให้ถูกสุขลักษณะตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่จะต้องเป็นต้นแบบและปลูกฝังพฤติกรรมที่ดีให้แต่เนิ่นๆ เมื่อเขาเติบโตขึ้น จะได้ใช้ชีวิตอย่าปลอดภัย และเสี่ยงต่อโรคมะเร็งลำไส้น้อยลงเช่นกัน
อาจเป็นที่น่าตกใจว่าโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดได้ในคนอายุน้อยลงทุกที แต่หากหมั่นสังเกตอาการ ตรวจสุขภาพอย่างสมํ่าเสมอ หลีกเลี่ยงปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่กระตุ้นให้เกิดโรคก็สามารถลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคได้ อีกทั้งการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นตั้งแต่เด็กๆ และปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมไปตามช่วงวัยและสภาพร่างกายของเด็กแต่ละคนคือสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองควรทำมากกว่า
ศาสตราจารย์แพทย์หญิง บุษบา วิวัฒน์เวคิน ผู้เชี่ยวชาญโรคทางเดินอาหาร และโรคตับในเด็ก โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นเนล