รถหัดเดิน ไม่ใช่รถหัดเดินอีกต่อไป เพราะนอกจากจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้บ่อยครั้งแล้ว ยังไม่ใช่การส่งเสริมพัฒนาการเด็กเรื่องการใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ การเดินได้อย่างถูกต้องด้วยค่ะ พญ.สินดี จำเริญนุสิต จะมาไขข้อเท็จจริงเรื่องรถหัดเดินไว้ในบทความนี้ค่ะ
เด็กจะเริ่มทรงตัวขณะนั่ง ยืน พยุงตัวเองกับกำแพงหรือสิ่งของต่าง ๆ เพื่อดึงตัวเองขึ้นมายืนได้ตอนอายุประมาณ 7-9 เดือนแล้วค่ะ ซึ่งเด็กบางคนอาจจะคลานก็ได้ ไม่ถือว่าผิดปกติ และควรจะเดินได้ภายในอายุ 18 เดือน การกระตุ้นพัฒนาการการเดินของลูกให้เร็วมากขึ้นนั้น ขึ้นกับการที่พ่อแม่ให้โอกาสลูกได้เคลื่อนไหวตามธรรมชาติ ได้ล้มลุกคลุกคลานในพื้นที่ที่ไม่อันตราย ประกอบกับพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ของตัวเด็กเอง พื้นอารมณ์ของเด็ก รวมไปถึงโภชนาการที่ถูกต้องค่ะ
กรณีลูกอายุเกิน 12-15 เดือน แล้วแต่ยังไม่ยอมยืนเอง หรือยังไม่พยายามพยุงตัวลุกขึ้นยืนสักที กรณีนี้น่าเป็นห่วงแล้วค่ะ ต้องรีบพาเจ้าตัวเล็กไปหาคุณหมอเพื่อตรวจความผิดปกติของร่างกาย ปรึกษาขอคำแนะนำจากคุณหมอว่าต้องทำอย่างไร เพื่อให้ลูกมีพัฒนาการสมวัยนะคะ
ไม่จริงค่ะ: รถหัดเดินจะเข้าไปรบกวนท่าเดินที่เป็นพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็ก และเวลาที่ลูกนั่งลงไปบนรถ เท้าทั้งสองข้างจะหย่อนลงพื้น ทำให้สะโพกและหัวเข่าของเด็กได้รับน้ำหนักผิดท่า และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเดินของเด็ก บางครั้งอาจก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสะโพกได้ในระยะยาว รถหัดเดินสอนให้เด็กไถไปบนพื้นโดยใช้นิ้วเท้า ซึ่งไปสร้างความแข็งแกร่งให้กล้ามเนื้อขาที่ผิดที่ค่ะ พฤติกรรมเหล่านี้อาจมีผลต่อการทรงตัวและพัฒนาการของข้อต่อและกล้ามเนื้อโดยทั่วไปของเด็ก รวมทั้งสร้างปัญหากับเท้าและข้อเท้าในระยะยาวอีกด้วยค่ะ
ไม่จริงค่ะ: รายงานการแพทย์ของต่างประเทศบอกว่า การใช้รถหัดเดินไม่ได้มีความเกี่ยวโยงใด ๆ กับการนั่งหรือการยืนของลูกค่ะ รายงานยังพบว่า ร้อยละ 10.8 ของเด็กที่ใช้รถหัดเดินเป็นประจำจะมีพัฒนาการด้านการเดินได้ช้ากว่าเด็กที่ไม่ได้ใช้ โดยหากรวมเวลาที่เด็กอยู่รถหัดเดินแต่ละครั้ง เมื่อรวมได้ 24 ชั่วโมงก็เท่ากับว่า เด็กจะหัดเดินช้าออกไปอีก 3 วัน และทำให้หัดยืนช้าออกไปอีกเกือบ 4 วันค่ะ
รถหัดเดินจะประคองให้เด็กอยู่ในท่าตั้ง แต่ไม่ได้สอนให้เด็กรู้จักการทรงตัว หรือการเริ่มต้นการเคลื่อนไหว เช่น การคืบคลาน การเกาะยืน เป็นต้น ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานของการเริ่มเดิน เด็กที่อยู่ในเก้าอี้หัดเดินจะหมดโอกาสได้เรียนรู้ทักษะการเคลื่อนไหว และการกะระยะ
สรุปแล้ว รถหัดเดินไม่ได้ทำให้เด็กเดินได้เร็วขึ้นเลย แต่พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวกลับล่าช้าลงด้วย เพราะการเคลื่อนไหวของเด็กขณะที่นั่งในรถหัดเดินนั้นไม่ใช่ลักษณะการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติ เด็กไม่ได้เรียนรู้การคืบคลาน การประคองตัวเพื่อยืน และเพื่อก้าวเดิน ทำให้เมื่อเด็กจะหัดเดินจริง ๆ หลังจากตั้งไข่แล้วจะไม่เข้าใจ เพราะตามหลักแล้ว การเดินที่ถูกต้องคือเด็กต้องก้าวเท้าออกก่อน และเอาส้นเท้าลงก่อนปลายเท้าค่ะ
ในต่างประเทศได้มีการห้ามจำหน่ายรถหัดเดิน ส่วนในประเทศไทย สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคได้ประกาศให้เปลี่ยนชื่อเรียกจาก รถหัดเดิน เป็นรถพยุงตัว และให้มีคำเตือนว่าเป็นอุปกรณ์ไม่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการการเดิน และผู้ดูแลเด็กต้องอยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา ดังนั้น พ่อแม่ควรหลีกเลี่ยงหรือเลิกใช้รถหัดเดิน เพื่อไม่ให้เป็นการขัดขวางพัฒนาการที่ดีของเด็ก ให้เขาได้เติบโตเต็มที่ตามศักยภาพ ภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นและปลอดภัย
รักลูก Community of Tche Experts
พญ.สินดี จำเริญนุสิต
กุมารเวชศาสตร์พัฒนาการและพฤติกรรม