เป็นเรื่องราวเตือนใจคุณพ่อคุณแม่ในการเลี้ยงลูกนะคะ เมื่อเฟซบุ๊ก
J.s. Park ได้แชร์เรื่องราวของหนูน้อย วัย 2 ขวบ 2 เดือน ป่วยเป็น
โรคเนโฟรติก ซินโดรม หรือ
โปรตีนรั่ว ลงในกลุ่ม HerKid รวมพลคนเห่อลูก โดยได้โพสต์ในกลุ่มดังนี้ค่ะ...
อยากแชร์ครับ
น้องอายุ 2 ขวบ 2 เดือน เป็นโรคเนโฟรติก หรือ โปรตีนรั่ว
พฤติกรรมการกินที่ทำให้เกิดก็คือ น้องจะกินขนมตามหลานๆ คนโต
1. ขนมจำพวกที่มีเครื่องปรุงเค็ม
2. ขนมที่มีซอสจิ้มขนมจะจิ้มดูดกินแต่ซอส
3. เวลากินไข่ต้มจะชอบจิ้มดูดกินแต่ซอส
4. เครื่องปรุงอาหารที่มีโซเดียมควรใส่ปริมาณน้อยที่สุดพอมีรสชาติ
5. บวกกับน้องเป็นคนดื่มน้ำน้อยควรระวังนะครับ
เราก็เห็นเค้ากินได้เราก็เลยให้เค้ากิน ซึ่งเราก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีผลกับเด็ก
#ตอนนี้น้องอาการดีขึ้นแล้วครับ
จากกรณีดังกล่าว เราจะพาพ่อแม่มารู้จักโรคเนโฟรติก หรือ โปรตีนรั่ว กันค่ะ
เนโฟรติก เป็นโรคไตที่พบบ่อยในเด็กอายุ 2-6 ปีเกิดจากการรั่วของโปรตีนชนิดอัลบูมิน (ไข่ขาว) ในปัสสาวะปริมาณมาก ทําให้อัลบูมินในเลือดตํ่าลงจึงเกิดอาการบวมส่วนใหญ่ไม่พบสาเหตุของการเกิด โรคแต่เด็กบางคนเกิดอาการร่วมกบโรคเอสแอลอีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ การกินยาบางชนิด หรือเกิดจากโรคมะเร็งบางชนิด เด็กบางคนเกิดจากการความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเป็นโรคเนโฟรติก
อาการที่สําคัญ คือ
บวมทั่วตัว เริ่มจากบวมบริเวณหนังตาภายหลังตื่นนอน บวมที่ขาทั้งสองข้าง ท้องบวมหรือมีนํ้าในช่องท้อง อวัยวะเพศบวม ร่วมกับสังเกตว่าปัสสาวะมีฟองปน
โรคเนโฟรติกรักษาอย่างไร
ในกรณีที่เป็นเนโฟรติกชนิดไม่ทราบสาเหตุผู้ป่วยจะได้รับการรักษาด้วยาสเตียรอยด์หาก ตอบสนองต่อการรักษาดีโปรตีนในปัสสาวะจะลดลงจนเป็นปกติ อาการบวมจะหายไป ก็จะสามารถลดปริมาณยาที่รับประทานหรืออาจหยุดยาได้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา ไม่ควรลดหรือหยุดรับประทานยาเองและติดตามการรักษาอยางสมํ่าเสมอในช่่วงที่มีอาการบวม ผู้ป่วยต้องจํากดอาหารรสเค็มแต่ควรรับประทานอาหารที่มีโปรตีนให้เพียงพอ เช่น ไข่ขาว นม เนื้อสัตว์เป็นต้น
เมื่อเด็กรับประทานยาสเตียรอยด์จะมีอาการอย่างไรและควรดูแลอย่างไร
เด็กที่รับประทานยาสเตียรอยด์จะมีอาการกินจุ อารมณ์แปรปรวนง่าย อาจสังเกตว่ามีแก้มป่องขึ้้นแต่อาการเหล่านี้จะดีขึ้นเมือได้รับการลดขนาดยา ยาสเตียรอยด์ยังมีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกนโรคของเด็กด้วย ดังนั้นอาจทําให้เด็กติดเชื้อโรคได้ง่ายกวาปกติ จึงควรหลีกเลี่ยงการไปที่คนแออัด ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
ต้องรักษาสุขอนามัยของร่ายกาย ควรรับประทานอาหารที่สุก สะอาด หากเด็กมีอาการผิดปกติเช่น ไข้อาเจียน ถ่าย อุจจาระเหลว ควรรีบมาพบแพทย์ นอกจากนี้หากเด็กยังอยูในช่่วงอายุที่ต้องได้รับวัคซีน ต้องงดวัคซีน เช่น หัดหัดเยอรมันคางทูม (MMR) อีสุกอีใส (Varicella) ไข้สมองอักเสบชนิดเชื้อเป็น(Lived-JE) เป็นต้น จึงควรแจ้งแพทย์เมื่อไปฉีดวัคซีนวาผู้ป่วยรับประทานยาสเตียรอยด์่
พอรู้แบบนี้แล้ว ต้องระวังเรื่องอาหารการกินของเด็กๆ ให้มากขึ้น อาหารเด็กต้องปรุงให้น้อย หากจะให้ลูกกินขนมต้องเหมาะสมกับวัย และดื่มน้ำให้เยอะๆ นะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
พญ. อรอัชฌา ศิริมงคลชัยกลุ คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ผศ.นพ.ขวัญชัย ไพโรจน์สกลคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดีุมหาวิทยาลัยมหิดล
รูปและเนื้อหาได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองเด็กแล้ว