1. ทลายตัวปิดกั้นสติปัญญา คือ ขจัดอาการเครียด ท้อแท้ คาดหวัง กับวิชาเรียน คาดหวังกับเกรด ด้วยการ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารดีๆ ทำจิตใจให้ผ่อนคลายมากๆ ดูหนัง ฟังเพลง ทำสิ่งที่ชอบ แต่ก็ควรทำแต่พอประมาณนะคะ อย่าหมกมุ่นจนเกินไป
2. เมื่อรู้สึกว่าปลอดโปร่ง สดชื่น โล่งสบายทั้งกายและใจ แล้ว ก็เริ่มตั้งสติ ให้ลูกทบทวนตัวเองดูว่าสามารถควบคุมตัวเองให้มีสติ ได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าน้อยก็ฝึกให้มากขึ้น เช่นนั่งสมาธิ เล่นเกมที่ฝึกให้นิ่งสงบ จดจ่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
3. เมื่อควบคุมสติได้แล้ว ให้ตั้งใจในเวลาเรียน ตั้งใจฟังอาจารย์ เมื่อสงสัยก็ให้ถาม อย่าเก็บความสงสัยไว้ เพราะจะทำให้สะสม กรณีนี้คุณพ่อคุณแม่เช็กลูกได้จากการชวนลูกคุยหลังจากลูกกลับจากโรงเรียน หรือเวลาไปรับที่โรงเรียน ถามว่าวันนี้ที่โรงเรียนเป็นอย่างเรียน เรียนยากมั้ย คุณครูสอนอะไรบ้าง เป็นต้น
4.แบ่งเวลาให้ชัดเจน ว่าแต่ละวันจะทำอะไร ในส่วนที่เหมาะสมกับสถานภาพปัจจุบันของตัวเอง เช่น อยู่ในวัยเรียน ก็ต้องให้เวลากับการเรียน การทบทวน การค้นคว้า รวมถึงให้สมดุลกับการเล่น การกิน การออกกำลังกายด้วย
5.กำหนดเป้าหมาย ในแต่ละวันให้ลูก หรือจะให้ลูกเป็นคนกำหนดเองว่าจะทำอะไรบ้าง แล้วหก่อนนอนให้คุณพ่อคุณแม่เป็นผู้ทบทวนกับลูกว่าทำได้ตามเป้าหมายหรือไม่ หากไม่ได้วันต่อไปต้องทำอย่างไร เพื่อให้ลูกรู้จักการแก้ปัญหา และรู้ว่าเมื่อมีปัญหา โดยเฉพาะเรื่องการเรียนเขาสามารถปรึกษาพ่อแม่ได้
วิธีสร้างพลังแห่งการเรียน
การเรียนควรเริ่มต้นจากการสำรวจว่า ตนเองชอบเรียนอะไร เก่งวิชาไหน อ่อนวิชาไหน เมื่อรู้จุดอ่อนของตัวเองแล้วก็ค่อย ๆ ปรับปรุงแก้ไข การเรียนโดยไม่อ่านหนังสือเรียนก็เปรียบเสมือนการว่ายน้ำโดยไม่อบอุ่นร่างกายก่อน การอบอุ่นร่างกายก่อนลงน้ำจะทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิของน้ำได้ เช่นเดียวกับการอ่านหนังสือเรียนก่อนเข้าเรียน จะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาและส่วนสำคัญของบทเรียนได้เร็วขึ้น
การเรียนควรเข้าใจเนื้อหาในหนังสือเรียนให้ลึกซึ้ง เราต้องอ่านหนังสือเรียนก่อนจึงจะรู้ว่าควรทบทวนเรื่องอะไร และทำให้รู้แนวข้อสอบ แต่มีนักเรียนจำนวนมากที่ให้ความสำคัญกับการตอบคำถูกเพียงอย่างเดียว โดยไม่สนใจว่าคำถามนั้น ๆ มีที่มาที่ไปอย่างไร ดังนั้นหากวิเคราะห์เนื้อหาในหนังสือเรียน ลองตั้งคำถามหรือเก็งข้อสอบแล้วตอบคำถามด้วยตนเอง จะช่วยให้การเตรียมตัวสอบได้ผลดี