facebook  youtube  line

Policy

Term of Service

ข้อตกลงการใช้งาน

การนําเสนอข้อมูล ข่าวสาร บทความ หรือข้อความอื่นใดทั้งหมดในเว็บไซต์ เป็นเพียงการให้บริการ รวบรวมข้อมูล ความรู้ ฐานข้อมูลทางวิชาการ และความรู้ด้านต่างๆ เท่านั้น บริษัท รักลูก พลัส จำกัด ไม่รับรองความถูกต้องสมบูรณ์ของข้อมูล ข่าวสาร บทความ การเชื่อมโยงเว็บไซต์ รูปภาพ และข้อมูลอื่นๆ ในเว็บไซต์ และสื่อต่างๆ ของบริษัท และบริษัทไม่รับผิดชอบในความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการนําข้อมูลดังกล่าวไปใช้ในทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น ในกรณีที่เกิดข้อพิพาทใดๆ ในทางกฎหมาย ท่านตกลงสละสิทธิเรียกร้องในการดำเนินคดีใดๆ ไม่ว่าทางแพ่งหรืออาญาต่อบริษัทและกรรมการบริษัท

ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้แก่เว็บไซต์ ท่านยอมรับและตกลงว่าบริษัทสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวได้ ซึ่งบริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว

ในกรณีที่ท่านได้รับความเสียหาย อันเกิดจากความสูญหาย หรือเสียหายของข้อมูลส่วนบุคคล หรือเกิดจากเหตุใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จํากัดเฉพาะ เกิดจากการถูกจารกรรม โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (Hack) หรือเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น บริษัทขอสงวนสิทธิ ในการปฏิเสธ ความรับผิดจากเหตุดังกล่าวทั้งหมด และบริษัทไม่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหาย สูญหายใดๆ ที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น

ลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย (Copyrights)

บริษัทขอแจ้งให้ผู้ใช้บริการทั่วไปทราบว่า ข้อความ ภาพ เสียง เนื้อหา ส่วนประกอบใดๆ ที่ปรากฎบนเว็บไซต์ ของบริษัท เป็นงานอันได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ของไทยโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว

บริษัทสงวนสิทธิที่จะแก้ไข ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงข้อความทางกฎหมายนี้ได้ตลอดเวลา ตามที่บริษัทเห็นสมควร โดยไม่ต้องบอกกล่าว

  • Hits: 128206

Privacy Policy

นโยบายการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล

1. จุดประสงค์

บริษัท รักลูก พลัส จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักถึงความสำคัญของการให้ความเคารพต่อความเป็นส่วนตัวของบุคคลและความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล (ตามนิยามด้านล่าง) โดยเหมาะสมและเป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย ดังนั้น บริษัทจึงได้ประกาศออกนโยบายการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับบุคคลภายนอกฉบับนี้ (“นโยบาย”) เพื่อปกป้องสิทธิต่างๆของบุคคลภายนอกที่อาจเข้ามาเกี่ยวข้องกับบริษัท ที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ตามนิยามด้านล่าง) และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัท และจะปฏิบัติตามมาตรการต่างๆที่จำเป็นและเหมาะสมทั้งหมดเพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายและกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล (โดยรวมให้เรียกว่า “กฎหมาย”) กำหนด

2. ขอบเขตการใช้งาน

2.1 นโยบายฉบับนี้ให้มีผลบังคับใช้ ณ วันที่ 1 มิถุนายน 2564 แต่อาจได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม บริษัทจะทำการพิจารณาถึงประสิทธิผลของนโยบายนี้เป็นครั้งคราว

2.2 นโยบายฉบับนี้ให้บังคับใช้แทนที่นโยบายและวิธีปฏิบัติงานอื่นทั้งหมดของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประกาศมาก่อน (ในกรณีที่มี) เว้นแต่จะได้รับการยกเว้นเป็นอย่างอื่นโดยบริษัท

2.3 นโยบายฉบับนี้ให้บังคับใช้ร่วมกับเอกสารแบบฟอร์มความยินยอม กรุณาทำการศึกษาเอกสารแบบฟอร์มความยินยอมสำหรับผู้เข้าชมเว็บไซต์โดยละเอียด เพื่อให้เข้าใจถึงรายละเอียดของการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานความยินยอม

3. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

3.1 ข้อมูลส่วนบุคคลและการใช้งานประเภทต่างๆ

ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใดเกี่ยวกับบุคคลหนึ่ง ที่สามารถถูกใช้เพื่อบ่งชี้ถึงตัวบุคคลนั้น ไม่ว่าด้วยตัวข้อมูลชิ้นนั้นเองหรือเมื่อพิจารณาหรือใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นที่มีอยู่ สำหรับการประมวลผลข้อมูลใด 

การประมวลผลข้อมูล” และคำอื่นที่มีความหมายคล้ายคลึงกัน หมายถึง การปฏิบัติในรูปแบบใดต่อข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงการเก็บ โอน เปิดเผย ใช้ และการปฏิบัติในรูปแบบอื่นๆ

ตารางต่อไปนี้รวบรวมรายละเอียดของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ใช้หรืออาจใช้ในอนาคต และจุดประสงค์ในการใช้และรายละเอียดอื่นๆที่เกี่ยวข้อง กรุณาศึกษาตารางนี้โดยละเอียดเพื่อให้เข้าใจถึงวิธีที่บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ตารางข้างล่างนี้ไม่ถือว่าเป็นตารางที่ครบถ้วน ถึงแม้บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ในการรวบรวมรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว

เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

วัตถุประสงค์
และการประมวลข้อมูล

ข้อมูลส่วนบุคคล

ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูล

ผู้เข้าชมเว็บไซต์

เพื่อสำรวจความนิยมในการใช้บริการ อันจะเป็นประโยชน์ในการนำสถิติไปใช้ ในการปรับปรุงคุณภาพ ในการให้บริการเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย ทำให้ท่านสามารถใช้งานได้ตรงกับพฤติกรรมของท่าน

เพื่อสนับสนุนการส่งมอบบริการ โฆษณา สิทธิพิเศษ กิจกรรมด้านการตลาด
ที่ตรงกับความต้องการของท่าน ผ่านช่องทางส่วนบุคคลที่ท่านยินยอมให้เรา

  • หมายเลขไอพี (IP Address)
  • ชนิดของโปรแกรมค้นผ่าน (Browser Type)
  • โดเมนเนม (Domain Name)
  • บันทึกหน้าเว็บ (Web page) ของเว็บไซต์ที่ผู้ใช้เยี่ยมชม
  • เวลาที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ (Access Times)
  • เว็บไซต์ที่ผู้ใช้บริการเข้าถึงก่อนหน้านั้น (Referring Website Addresses)

15 วัน
นับจากเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์

บุคคลภายนอก

เพื่อวัตถุประสงค์ทางการบริหารจัดการกิจกรรมต่างๆ ของบริษัท ซึ่งกระทำการภายใต้ฐานสัญญา และ/หรือ ความชอบธรรม และ/หรือ ความจำเป็นทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้:

เพื่อนำเสนอขายผลิตภัณฑ์และบริการ จัดสัมนาความรู้และฝึกอบรม งานกิจกรรมภาคประชาชนและเอกชน งานกิจกรรมที่จัดร่วมกับภาครัฐ และกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัท การจ่ายเงินสำหรับค่าตอบแทน และค่าบริหารจัดการต่างๆ การออกจดหมายยืนยัน และใบประกาศ การติดต่อบุคคลต่างๆ ในกรณีฉุกเฉิน การเก็บรูปภาพและวิดีโอสำหรับงานต่างๆ
การบริหารจัดการรายงาน เอกสารภายในของบริษัท และเอกสารอ้างอิงอื่นๆ ของบริษัท  การเปิดเผยข้อมูลตามที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาตหรือกำหนด การกระทำเพื่อบังคับใช้สิทธิของบริษัท หรือเพื่อกระทำตามสัญญา หรือข้อกำหนดของกฎหมาย  การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบภายในบริษัท และการกระทำอื่นที่จำเป็นและเกี่ยวข้อง

  • ชื่อและนามสกุล
  • อายุ
  • เพศ
  • เลขบัตรประชาชน (ยกเว้นข้อมูลเกี่ยวกับศาสนา และ กรุ๊ปเลือด)
  • ที่อยู่
  • อีเมล
  • หมายเลขโทรศัพท์
  • รายได้ครอบครัว
  • อายุบุตร (รวมถึงกำหนดคลอด)
  • จำนวนบุตร
  • รูปภาพ
  • วิดีโอ
  • บันทึกและประวัติการทำงานต่างๆ
  • บันทึกและประวัติเกี่ยวกับการศึกษา
  • บันทึกเกี่ยวกับประสิทธิผลในการทำงาน และการประเมินผลการทำงาน

10 ปี
หลังจากการติดต่อกันครั้งสุดท้าย

3.2 รูปแบบการใช้งาน

บริษัทอาจเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในรูปแบบเอกสารอีเล็คทรอนิค หรือในรูปแบบอื่น ตามที่บริษัทจะเห็นสมควร  บริษัทจะดำเนินการโดยดีที่สุดที่จะเก็บรักษาไฟล์ข้อมูลและเอกสารต่างๆ ด้วยระบบความปลอดภัยที่เหมาะสม 

3.3 ความยินยอมและการยกเลิกความยินยอม

(i)  บริษัทจะทำการเก็บความยินยอมจากท่าน (ผ่านเอกสารแบบฟอร์มความยินยอม) ก่อนที่จะทำการเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งต้องใช้ฐานความยินยอม  

(ii)  ท่านอาจเพิกถอนความยินยอมของตนได้ (แต่ไม่อาจเพิกถอนความยินยอมย้อนหลังได้) ด้วยการแจ้งแก่บริษัทเป็นหนังสือล่วงหน้าอย่างน้อย 14 วัน  การสื่อสารจากท่านถึงบริษัทสำหรับการเพิกถอนความยินยอมนั้นจะต้องส่งตรงถึงเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท (Data Protection Officer) ตามรายละเอียดด้านล่าง  อย่างไรก็ตาม ท่านพึงตระหนักว่าการเพิกถอนความยินยอมนั้นอาจส่งผลต่อการดำเนินงานบางอย่าง ซึ่งบริษัทจะทำการพิจารณาและจะแจ้งแก่ท่านก่อนการเพิกถอนนั้นจะมีผลบังคับใช้หรือโดยเร็วที่สุดหลังการเพิกถอนมีผลบังคับใช้  บริษัทจะหยุด (และจะดำเนินการให้บุคคลอื่นที่ดำเนินการแทนบริษัทหยุด) การเก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้น เว้นแต่ในกรณีที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามหรือมีอำนาจกระทำการได้ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

3.4 การเพิ่มเติมและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล

(i)  ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่จะส่งมอบให้แก่บริษัทต้องเป็นข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับท่านเองหรือบุคคลอื่นที่มีความเกี่ยวข้องกับท่าน ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงใดต่อข้อมูลส่วนบุคคล ท่านจะต้องบอกกล่าวต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือบุคลากรอื่นใดที่ได้ถูกมอบหมายให้ดำเนินงานเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ภายใน 7 วันหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลส่วนบุคคลนั้น   

(ii)  บริษัทจะทำการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยเร็วที่สุดและจะแจ้งแก่ท่านเมื่อได้ดำเนินการแก้ไขสำเร็จลุล่วงแล้ว และในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขได้ภายใน 30 วัน หลังจากที่ได้รับคำร้องขอจากท่าน บริษัทจะแจ้งแก่ท่านถึงระยะเวลาที่บริษัทจะทำการแก้ไขให้สำเร็จลุล่วง

3.5 การโอนและแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

(i) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเปิดเผยต่อบริษัทในเครือของบริษัทหรือบริษัทอื่นที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลก เพื่อจุดประสงค์เดียวกันตามที่กล่าวข้างต้นหรือตามที่กฎหมายใดกำหนดไว้หรือตามความจำเป็นทางธุรกิจ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงแค่ การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในด้านธุรกิจ กฎหมาย หรือข้อกำหนดอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานต่างๆของบริษัท ในกรณีดังกล่าว มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ถูกโอนไปนั้น จะสูงเท่ากับมาตรฐานของบริษัท

(ii) บริษัทอาจโอนข้อมุลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ให้บริการนอกเครือข่าย เพื่อให้ผู้ให้บริการเหล่านั้นดำเนินกิจกรรมบางอย่างแทนบริษัท เช่น การจัดงาน การประมวลผลข้อมูล และการให้ความช่วยเหลืออื่นๆ ซึ่งในกรณีนั้นกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าบริษัทต้องทำหรือบริษัทมีฐานความชอบธรรมในการดำเนินงาน ในกรณีดังกล่าว มาตรฐานความปลอดภัยสำหรับการดูแลข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้ถูกโอนไปนั้น จะสูงเท่ากับมาตรฐานของบริษัท

(iii) สำหรับการโอนข้อมูลไปยังต่างประเทศและการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศ ตามที่ได้กล่าวข้างต้น ถ้าบริษัทมีฐานสัญญา บริษัทจะใช้ฐานนี้ในการโอนและการประมวลผลดังกล่าว อย่างไรก็ดี สำหรับการโอนและการประมวลผลภายใต้ฐานอื่นนอกเหนือจากฐานสัญญา บริษัทจะใช้ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้ภายใต้แบบฟอร์มความยินยอมสำหรับบุคคลภายนอก (ถ้ามี)

3.6 ช่วงเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

(i) บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามเท่าที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ทางกฎหมาย และ/หรือ ธุรกิจ และบริษัทจะเลิกเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทันทีที่บริษัทได้พิจารณาแล้วว่าไม่มีจุดประสงค์ใดในการเก็บข้อมูลนั้นต่อไปอีก และการเก็บรักษานั้นไม่ได้อยู่ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมาย และ/หรือ ความจำเป็นทางธุรกิจ ในปัจจุบันนโยบายของบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปอีก 10 ปีหลังจากการติดต่อกันครั้งสุดท้าย ซึ่งจะเป็นไปตามนโยบายการเก็บรักษาและทิ้งเอกสาร และกฎหมายและกฎระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง

(ii) บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบในกรณีที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งไม่เป็นไปตามนโยบายฉบับปัจจุบัน หรือเนื่องจากเป็นกรณีที่ท่านควรต้องรับรู้เป็นกรณีพิเศษ

4. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

รายละเอียดของเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท เป็นดังต่อไปนี้: ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

5. สิทธิของท่าน

5.1 สิทธิที่จะได้รับการบอกกล่าว: ถ้าหากบริษัทต้องการที่จะเก็บ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ไม่ว่าในรูปแบบใด ที่เกินกว่าขอบเขตของความยินยอมที่ท่านได้เคยให้ไว้ หรือขอบเขตที่ได้เคยแจ้งแก่ท่านแล้วในเอกสารนโยบายฉบับนี้ บริษัทจะแจ้ง และ/หรือ ขอความยินยอมล่วงหน้าจากท่านสำหรับขอบเขตการใช้งานที่เพิ่มขึ้นนั้น

5.2 สิทธิเข้าถึง: ท่านอาจร้องขอเมื่อใดก็ได้ที่จะเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองเพื่อตรวจสอบ และสามารถร้องขอให้บริษัทบอกถึงแหล่งที่มาและวิธีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของตนเหล่านั้น

5.3 สิทธิในการทำซ้ำ: ท่านอาจร้องขอให้บริษัททำซ้ำข้อมูลส่วนบุคคลของตน โดยทำซ้ำลงบนสื่อที่บริษัทสามารถจัดหาให้ได้เป็นการทั่วไป

5.4 สิทธิการโอนข้อมูล: ท่านอาจร้องขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้แก่บุคคลหรือองค์กรใด ภายใต้รูปแบบที่เหมาะสมและที่ผู้รับข้อมูลสามารถรับและจัดการได้

5.5 สิทธิการแก้ไขข้อมูล: ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงในข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยมากขึ้น ท่านมีหน้าที่ต้องแจ้งแก่บริษัทเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้อง ทันสมัย ครบถ้วน และไม่ก่อให้เกิดความงุนงง โดยการแจ้งเพื่อร้องขอให้บริษัทแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้วิธีปฏิบัติที่บริษัทจะได้ประกาศขึ้น หน้าที่ของท่านนี้ให้ถือเป็นสิทธิของท่านด้วย

5.6 สิทธิที่จะยกเลิกความยินยอม: ท่านอาจยกเลิกความยินยอมเมื่อใดก็ได้ บริษัทอาจไม่ยอมรับการยกเลิกนี้เฉพาะในกรณีที่กฎหมายหรือสัญญาที่มีอยู่ไม่อนุญาตให้ยกเลิกความยินยอมได้ การยกเลิกความยินยอมของท่านจะไม่มีผลกระทบต่อการเก็บ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในอดีต  ถ้าหากการยกเลิกความยินยอมนั้นจะมีผลกระทบต่อข้อมูลส่วนบุคคล สิทธิ และผลประโยชน์ใดของท่าน บริษัทจะทำการแจ้งแก่ท่านถึงผลกระทบนั้นก่อนการยกเลิกความยินยอมจะมีผลในกรณีที่ทำได้ หรือโดยเร็วที่สุดที่จะทำได้หลังการยกเลิกความยินยอมในกรณีอื่น

5.7 สิทธิที่จะขอให้ลบข้อมูล: ท่านอาจร้องขอให้บริษัทลบหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของตนเป็นข้อมูลนิรนามภายใต้สถานการณ์ดังต่อไปนี้: (ก) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่มีความจำเป็นต่อจุดประสงค์เดิมแล้ว (b) ท่านได้ยกเลิกความยินยอมแล้วและบริษัทไม่มีสิทธิอื่นใดตามกฎหมายที่จะเก็บ เก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอีกต่อไป (ค) ท่านคัดค้านการเก็บ เก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและบริษัทไม่มีเหตุผลอันชอบธรรมที่จะปฏิเสธการคัดค้านนั้น หรือ (ง) ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ถูกเก็บ เก็บรักษา หรือเปิดเผยโดยผิดกฎหมาย อย่างไรก็ดี บริษัทอาจปฎิเสธการร้องขอของท่านถ้าหากการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทได้ถูกกระทำสำหรับจุดประสงค์ที่กฎหมายอนุญาตให้ทำได้ ซึ่งรวมถึงการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจุดประสงค์ด้านการทำวิจัยด้านสถิติที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ หรือเพื่อสร้างสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกระทำการใดตามสิทธิทางกฎหมายหรือเพื่อป้องกันต่อสู้คดีความ

5.8 สิทธิที่จะระงับการใช้งาน: ท่านอาจร้องขอให้บริษัทระงับการใช้งานข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในสถานการณ์ดังต่อไปนี้: (ก) ในขณะที่ท่านกำลังตรวจสอบเพื่อแก้ไขหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้องทันสมัย (ข) เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านกำลังอยู่ในระหว่างการถูกลบทิ้ง แต่ท่านเลือกที่จะระงับการใช้งานแทน (ค) เมื่อไม่มีความจำเป็นที่บริษัทจะต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไป แต่ท่านร้องขอให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลต่อไปเพื่อสร้างสิทธิร้องเรียนทางกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกระทำการใดตามสิทธิทางกฎหมายหรือเพื่อป้องกันต่อสู้คดีความ หรือ (ง) เมื่อบริษัทอยู่ในระหว่างการตรวจสอบความชอบธรรมของบริษัท ซึ่งทำเพื่อปฎิเสธการคัดค้านของท่าน หรือเพื่อการเก็บ เก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับจุดประสงค์ต่างๆซึ่งรวมถึงการทำวิจัยด้านสถิติตามที่กฎหมายอนุญาต

5.9 สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล: ท่านอาจคัดค้านการเก็บ เก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้สถานการณ์ดังต่อไปนี้: (ก) ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บสำหรับจุดประสงค์ (i) ผลประโยชน์สาธารณะ (ii) การที่บริษัทจะทำตามข้อบังคับของหน่วยงานภาครัฐ หรือ (iii) ความชอบธรรมของบริษัทหรือองค์กรอื่น (ซึ่งบริษัทอาจคัดค้านคำขอประเภทนี้ ถ้าหาก (กก) การคัดค้านของท่านจะก่อให้เกิดการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย หรือ (ขข) การกระทำนั้นเกี่ยวข้องกับการสร้างสิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือกระทำการใดตามสิทธิตามกฎหมายหรือเพื่อป้องกันต่อสู้คดีความ (ข) ในกรณีที่บริษัทได้เก็บ เก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อจุดประสงค์ในการทำการตลาดแบบตรง หรือ (ค) ในกรณีที่บริษัทได้เก็บ เก็บรักษา ใช้ หรือเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อจุดประสงค์การทำวิจัยต่างๆที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งรวมถึงเพื่อจุดประสงค์ทางสถิติ

  • Hits: 109296