เมนูคุณหนู...คุณแม่เพลินทำ คุณลูกหม่ำสนุก
เดือนแม่มาถึงแล้ว คิดถึงแม่...คุณยายของหลานๆ เหมือนแม่สีบ้างมั้ยคะ เมื่อเราระลึกถึงแม่ แม่คือคนๆ แรกของลูกเสมอ ไม่ว่าจะเป็นครูคนแรก เป็นหมอประจำบ้าน เป็นเพื่อนที่รู้ใจ รวมทั้งเป็นแม่ครัวฝีมือเยี่ยมอีกด้วย ขอก้มลงกราบที่เท้าของแม่...ด้วยรัก และขอบพระคุณอย่างสูงที่ดูแลลูกๆ จนเติบใหญ่แข็งแรงทั้งกายและใจจนทุกวันนี้
ในวาระพิเศษนี้ จึงขอมอบเมนูอาหารเสริมเด็กอร่อยเด็ดทั้ง 12 เมนูสำหรับลูกน้อยขวบปีแรก เพื่อเป็นของขวัญสำหรับคุณแม่คุณพ่อมือใหม่(รวมทั้งมือเก่า)ทุกท่านค่ะ เคล็ดลับสำคัญนั้นอยู่ที่ว่า คุณแม่ยิ่งเพลิดเพลินกับการปรุงอาหารเท่าใด ลูกน้อยก็ยิ่งหม่ำสนุกเท่านั้นแหละค่ะ
.....................
อาหารเสริมมื้อแรกๆ ของลูกรักวัย 4 เดือนถึง 1 ขวบปีมีความสำคัญมากทีเดียว นอกจากต้องเป็นอาหารที่ดีมีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายแล้ว ยังต้องเป็นอาหารที่ผู้ปรุงเอาใจใส่ คอยบรรจงปรุงแต่งรสชาติให้ถูกปากน้อยๆ และสนุกเพลิดเพลินกับการจัดแต่งอาหารให้มีรูปร่างหน้าตาน่ารักน่ากินด้วย อาหารเด็กธรรมด๊าธรรมดาที่แปลงกายเป็นอาหารคุณหนูที่สุดสวยและยิ้มหวานอย่างนี้นี่เอง ที่จะช่วยเชิญชวนให้เด็กน้อยสนุกหม่ำและหม่ำได้เยอะค่ะ
ที่สำคัญการที่ลูกมีความรู้สึกที่ดีกับอาหารที่คุณแม่ปรุงอย่างสุดฝีมือ จัดแต่งอย่างสุดหัวใจในช่วงแรกเริ่มจะทำให้เด็กๆ รักและรับรู้ถึงคุณค่าในอาหารมื้อต่อๆ ไปด้วย ช่วยลดปัญหากวนใจเรื่องลูกกินยาก ลูกไม่กินผัก และสารพันปัญหาเรื่องกินๆ ไปได้เยอะทีเดียว
อาหารกายว่าสำคัญแล้ว อาหารใจก็มีความสำคัญไม่แพ้กันเชียวล่ะค่ะ
สำหรับลูกน้อยวัย 4 เดือนขึ้นไป
1.ปลาน้อยหม่ำผัก.............(ข้าวบดผักตำลึงกับปลาช่อน)
2.ข้าวตุ๋นนางฟ้า................(ข้าวโอ๊ตตุ๋นนมสดผสมบลูเบอร์รี่)
3.พระจันทร์อมยิ้ม............ (คัสตาร์ดฟักทอง)
สำหรับลูกน้อยวัย 7 เดือนขึ้นไป
4.ไข่ตุ๋นป๊อปอาย................(ไข่ตุ๋นผักโขมเต้าหู้อ่อน)
5.หอยสังข์ลงทะเล.............(ผัดมะกะโรนีกุ้งกับบร๊อคโคลี่)
6.วุ้นสายรุ้ง.......................(วุ้นน้ำองุ่น วุ้นน้ำแตงโม วุ้นน้ำส้มเช้ง วุ้นน้ำแอปเปิ้ล)
สำหรับลูกน้อยวัย 9 เดือนขึ้นไป
7.แกงจืดเจ้ากลมๆ............. (แกงจืดสาคูทรงเครื่อง)
8.ข้าวนุ่มนิ่มกับหมูส้ม.........(ข้าวนึ่งนมราดหน้าหมูอบน้ำส้มคั้น)
9.ขนมปังตาหวาน..............(ขนมปังโฮลวีทน้ำผึ้งสอดไส้ต่างๆ ไส้แยมสตรอเบอร์รี่ ไส้เนย น้ำตาล ไส้บลูเบอร์รี่ ไส้สังขยาใบเตย)
ั
เมนูของลูกค้า
10.ข้าวบดจ๊ะเอ๋........................(ข้าวบดผักกับตับไก่ห่อไข่)
11.กุ๊กไก่กับกวางตุ้ง.................(อาหารเสริมจากธัญพืชสูตรไก่ 6% ใส่เนื้อไก่กับกวางตุ้ง)
12.เมฆน้อยกับเพื่อนเกลอ.........(เต้าฮวยนมสดฟรุ๊ตสลัด)
...............................................................
สำหรับลูกน้อยวัย 4 เดือนขึ้นไป
ถึงเวลาที่ลูกน้อยวัย 4 เดือนควรได้รับอาหารเสริมเพิ่มเติมจากนมเพียงอย่างเดียวแล้วสิคะ อาหารเสริมมื้อแรกควรเริ่มต้นด้วยอาหารที่ย่อยง่าย เป็นน้ำ หรือบดละเอียด (ไม่ควรปรุงรสและไม่ควรใส่ผงชูรสเลย) โดยให้อาหารเสริมทีละอย่างคราวละน้อยๆ ก่อนคะ
ส่วนอาหารเสริมของลูกวัย 5 เดือนยังต้องบดละเอียดอยู่และเริ่มให้อาหารที่เป็นเนื้อมากขึ้น เช่น เนื้อปลา ควรเป็นปลาเนื้อนิ่ม ผักที่เคยกินแต่ผักใบเขียวต้มจนเปื่อย เอาแต่น้ำ ให้ปรับมาเป็นการยีผักต้มให้ละเอียด และควรเติมฟักทองลงไปด้วย
เมื่อลูกเข้าเดือนที่ 6 ลักษณะของอาหารเสริมควรหยาบขึ้นบ้าง เพื่อฝึกให้ลูกเคี้ยวและกลืน และนอกจากอาหารเสริม 1 ถ้วยแล้ว ควรให้ผลไม้ที่รสไม่เปรี้ยวจัด นุ่ม ย่อยง่ายเสริมเข้าไปอีก เช่น มะละกอ มะม่วงสุก องุ่น เป็นต้น
1.ปลาน้อยหม่ำผัก............(ข้าวบดผักตำลึงกัปลาช่อน)
เครื่องปรุง
ข้าวสวย 2 ช้อนโต๊ะ
ผักตำลึง(เอาแต่ใบอ่อนๆ)หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 1-2 ช้อนโต๊ะ
(อาจเปลี่ยนจากผักตำลึงเป็นผักบุ้ง หรือผักกาดขาวแทนได้)
เนื้อปลาช่อนสับละเอียด (เอาหนังออกและระวังก้าง) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2-2 1/2 ถ้วยตวง
วิธีปรุง
1.ต้มข้าวสวย ผักตำลึง และเนื้อปลาช่อน จนกระทั่งผักนิ่ม ข้าวและเนื้อปลาสุก อาจเติมน้ำมันพืชและเกลือไอโอดีนแต่เพียงเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ
2.นำมาบดด้วยหลังช้อนให้ละเอียด
คุณค่าทางโภชนาการ : ผักตำลึง มีเบต้า-แคโรทีนซึ่งเป็นสารตั้งต้นของวิตามิน A ที่ทำให้สายตาและระบบการมองเห็นเป็นไปด้วยดี ตำลึงยังประกอบด้วยเส้นใยที่มีความสามารถในการจับไนเตรทช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งและหัวใจขาดเลือด นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ ที่มาช่วยให้สุขภาพของเด็กน้อยแข็งแรง
2.ข้าวตุ๋นนางฟ้า................(ข้าวโอ๊ตตุ๋นนมสดผสมบลูเบอร์รี่)
เครื่องปรุง
ข้าวโอ๊ต 1-2 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 1 ถ้วยตวง
น้ำนมที่ลูกกิน 1/2 ถ้วยตวง
บลูเบอร์รี่บดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.นำนมและน้ำใส่หม้อตุ๋น ต้มด้วยไฟปานกลางจนเดือดแล้วจึงใส่ข้าวโอ๊ต ควรคนตลอดเวลาไม่ให้ข้าวติดก้นหม้อจนข้าวโอ๊ตสุก
2.ก่อนยกลงใส่บลูเบอร์รี่บดละเอียด คนเร็วๆ แล้วยกขึ้นจากเตา
คุณค่าทางโภชนาการ : ข้าวโอ๊ต เป็นธัญพืชที่มีโปรตีนสูง ในข้าวโอ๊ต 100 กรัมมีโปรตีนถึง 12 กรัม ขณะที่ข้าวขาว 100 กรัมมีโปรตีนเพียง 7 กรัม ข้าวโอ๊ตยังมีใยอาหารซึ่งดีต่อระบบขับถ่าย (แต่ถ้าได้รับมากเกินไปจะไปจับกับแร่ธาตุที่ร่างกายควรได้แล้วถ่ายออก) เป็นที่รู้กันว่าข้าวโอ๊ตมีวิตามิน B1 สูง ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดีและป้องกันโรคเหน็บชาได้อีกด้วย
3.พระจันทร์อมยิ้ม............ (คัสตาร์ดฟักทอง)
เครื่องปรุง
ไข่แดง 1 ฟอง
นมที่ลูกกิน 2 ช้อนโต๊ะ
ฟักทองนึ่งบดหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
ฟักทองนึ่งสุกหั่นชิ้นเล็กๆ (สำหรับโรยหน้า)
เกลือป่นเล็กน้อย
วิธีปรุง
ผสมนมและไข่แดง(เอาเยื่อหุ้มไข่แดงออก) เติมน้ำเล็กน้อย ใส่ฟักทองบด คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือป่น เทใส่ชามนำไปนึ่งด้วยไฟแรงปานกลางประมาณ 5-7 นาที โรยหน้าด้วยฟักทองแล้วนึ่งต่ออีกสักครู่จึงยกลง
คุณค่าทางโภชนาการ : ฟักทอง มีเนื้อสีเหลืองที่อุดมไปด้วยสารเบต้า-แคโรทีน ร่างกายของเรานำสารตัวนี้ไปสร้างวิตามิน A ช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็ง ฟักทองยังช่วยกระตุ้นการหลั่งของอินซูลิน ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิต บำรุงตับ ไต นัยน์ตา และยังช่วยสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไปให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
..................................
สำหรับลูกน้อยวัย 7 เดือนขึ้นไป
เมื่อลูกอายุ 7 เดือนควรเริ่มให้เนื้อสัตว์บดได้แล้ว จะเป็นไก่ หมู หรือเนื้อได้ทั้งนั้นค่ะ เนื้อสัตว์ควรเลือกที่สดๆ เวลาทำควรแบ่งส่วนออกมาทำทีละน้อย ไม่ควรค้างคืน หรืออุ่นให้กินหลายๆ มื้อ ส่วนไข่ให้ทั้งฟองทั้งไข่ขาวไข่แดงได้แล้ว (แต่ต้องต้มสุก)
ส่วนเดือนที่ 8-9 เราเพิ่มอาหารหลักเป็น 2 มื้อได้แล้วค่ะ หนูน้อยวัยนี้อยากสำรวจและทดลองสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเองมากขึ้น รวมทั้งการกินอาหารเองด้วย คุณแม่ควรปล่อยให้ลูกกินเองทั้งมื้อแม้จะหกเลอะเทอะไปบ้าง แต่จะทำให้เด็กๆ สนุกกับการกินและภูมิใจที่หนูก็ทำได้
4.มิสเตอร์ไข่ตุ๋น...............(ไข่ตุ๋นผักโขมเต้าหู้อ่อน)
เครื่องปรุง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หมูสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
เต้าหู้อ่อนหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ 3 ช้อนโต๊ะ
ผักโขมสับหยาบๆ 5 ใบ
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
วิธีปรุง
ตีไข่ไก่ผสมกับเนื้อหมูสับ ผักโขม และเต้าหู้ให้เข้ากัน คนให้ทั่ว เติมน้ำเปล่า นำไปนึ่งประมาณ 7-10 นาที หรือจนสุกทั่วกัน
คุณค่าทางโภชนาการ : ผักโขม ให้แร่ธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็กและโปรตีน และยังมีสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า ซาโปนิน มีรสชาติขมเล็กน้อยซึ่งงานวิจัยบางชิ้นพบว่า ซาโปนินเป็นสารที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ด้วย
5.หอยสังข์ลงทะเล..............(ผัดมะกะโรนีกุ้งกับบร็อคโคลี)
เครื่องปรุง
มะกะโรนีดิบรูปหอย 10 กรัม
เนื้อกุ้งลวก สับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1 ช้อนโต๊ะ
บร็อคโคลีสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนชา
น้ำตาล ซอสมะเขือเทศ และซอสปรุงรส
วิธีปรุง
1.ต้มมะกะโรนีในน้ำเดือดประมาณ 5 นาที หรือจนสุกนุ่ม ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ
2.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน พอร้อน ใส่กุ้ง มะกะโรนี บร็อคโคลีและมะเขือเทศ ผัดจนสุกนิ่ม ปรุงรสด้วยน้ำตาล ซอสมะเขือเทศ และซอสปรุงรสเล็กน้อยพอให้ได้รสชาติ
คุณค่าทางโภชนาการ : บร็อคโคลีมีสารต่างๆ เช่น วิตามิน E เบต้า-แคโรทีน แคลเซียม ตามแบบฉบับของผักทั่วๆไป แต่ที่โดดเด่นคือ วิตามิน C มีมากเป็นพิเศษที่ส่วนดอก ช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน ทำให้ผนังหลอดเลือดแข็งแรง และช่วยในกระบวนการสร้างกระดูก
6.วุ้นสายรุ้ง........................(วุ้นน้ำองุ่น วุ้นน้ำแตงโม วุ้นน้ำส้มเช้ง วุ้นน้ำแอปเปิล)
ส่วนผสม
วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมของน้ำ 1/4 ถ้วยตวง (น้ำองุ่น น้ำแตงโม น้ำส้มส้มเช้ง น้ำแอปเปิ้ล น้ำใบเตย )
วิธีปรุง
1.ผสมวุ้นกับน้ำผลไม้ (ทำทีละชนิด) ตั้งไฟพอละลาย (สำหรับวุ้นใบเตยอาจเติมน้ำตาลเล็กน้อย ส่วนวุ้นน้ำผลไม้ชนิดต่างๆ มีรสหวานจากธรรมชาติอยู่แล้ว) หมั่นคน พอเดือดยกลง ตักใส่พิมพ์ถาดสี่เหลี่ยม รอให้เย็นและให้วุ้นเซ็ตตัว อาจตัดแต่งเป็นรูปน่ารักๆ หรืออาจใส่พิมพ์รูปต่างๆ นำไปแช่ให้เย็นๆ ค่อยเสิร์ฟ อร่อยไปอีกแบบค่ะ
ส่วนผสมน้ำผลไม้
ส้มเช้งขนาดกลาง 1 ผล องุ่นแดงหรือองุ่นเขียว 1 พวง แตงโม 3-4 ซีก แอปเปิ้ล 1 ผล ใบเตย 2-3 ใบ
วิธีปรุง
1.นำผลไม้ทั้งหมดมาล้างให้สะอาดแล้วปลอกเปลือกและเอาเม็ดออก สมเช้งและองุ่นให้นำไปคั้นด้วยที่คั้นน้ำผลไม้ แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางสะอาดๆ ผสมน้ำสุกเล็กน้อย ส่วนแตงโมและแอปเปิ้ล สับจนละเอียดแล้วคั้นเอาแต่น้ำ กรองด้วยผ้าขาวบางเช่นกัน
2.น้ำใบเตยทำโดยล้างใบเตยให้สะอาด หั่นเป็นท่อนเล็กๆ แล้วนำไปปั่นในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ เติมน้ำลงไปนิดหน่อย เสร็จแล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
คุณค่าทางโภชนาการ : วุ้นเป็นแหล่งพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ส่วนผลไม้ต่างๆ ให้วิตามิน C แต่อาจสูญเสียไปบ้างจากความร้อน อาหารเสริมเมนูนี้ถือว่าเป็นอาหารว่างที่ให้พลังงานที่อร่อยถูกใจเด็กๆ แต่ต้องระวังไม่ให้เด็กรับประทานมากเกินไป เพราะอาจอิ่มหรือเบื่ออาหารอื่นๆได้
................................
สำหรับลูกน้อยวัย 9 เดือนขึ้นไป
ลูกวัยนี้กินอาหารครบ 3 มื้อได้แล้ว และอาหารเปลี่ยนจากบดหรือสับละเอียดมาเป็นอาหารอ่อนนิ่มธรรมดา อาหารของลูกทำไม่ยากเลยเพราะลูกกินได้เกือบจะเหมือนของผู้ใหญ่ แต่ยังต้องรสอ่อนเหมือนเดิม ลูกๆ กำลังอยู่ในวัยซนต้องการอาหารมาก คุณแม่จึงควรเน้นอาหารจำพวกเนื้อให้มากหน่อย แต่นมก้ไม่ควรขาดนะคะ ควรดื่มนมจากแก้ววันละ 3-4 แก้วโดยให้ลูกถือเองได้แล้วค่ะ
7.แกงจืดเจ้ากลมๆ............. (แกงจืดสาคูทรงเครื่อง)
เครื่องปรุง
สาคูเม็ดเล็กต้มสุก 1/4 ถ้วย
ไก่บด 100 กรัม
ตับไก่ 1 พวง
น้ำซุปไก่ 1/2 ถ้วย
มันเทศต้มหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ
ถั่วฝักยาวต้มหั่นท่อนสั้นๆ 2 ช้อนโต๊ะ
แครอตต้มหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำมัน 2 ช้อนชา
น้ำส้มสายชู 1/4 ช้อนชา
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
วิธีปรุง
1.หั่นตับไก่เป็นชิ้นบางๆ เคล้ากับน้ำส้มสายชูและเกลือ หมักไว้สักครู่ แล้วทอดในน้ำมันพอเหลืองตักออก
2.ผสมไก่บดกับเกลือนวดพอเข้ากัน แล้วจึงรวนไก่ในน้ำมันที่เหลือในกระทะพอไก่แห้ง ตักออก
3.ตั้งน้ำซุปปรุงรสด้วยซอสปรุงรสใส่สาคูและผักต่างๆ ที่เตรียมไว้ ใส่ไก่บดและตับไก่ ต้มพอเดือดทั่วยกลง
คุณค่าทางโภชนาการ : อาหารลูกมื้อนี้อุดมไปด้วยคุณค่าจากสารอาหารครบทั้งคาร์โปไฮเดรตจากสาคูและมันเทศ โปรตีนและวิตามิน A จากตับ รวมทั้งแร่ธาตุต่างๆ และเบต้า-แคโรทีนจากผักใบเขียว
8.ข้าวนุ่มนิ่มกับหมูส้ม.........(ข้าวนึ่งนมราดหน้าหมูอบน้ำส้มคั้น)
ข้าวนึ่งนม
เครื่องปรุง
ข้าวสาร 1/2 ถ้วย
นมที่ลูกดื่ม 2 ถ้วย
เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีปรุง
1.ล้างข้าวสารให้สะอาด นำมาผสมกับนมและเกลือเข้าด้วยกันในชามก้นลึก
2.วางชามลงในลังถึง นึ่งประมาณ 40 นาที หรือจนกว่าข้าวสุกทั่วกันดี
หมูอบน้ำส้มคั้น
เครื่องปรุง
หมูสันใน 200 กรัม
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/2 ช้อนชา
แป้งสาลี 1 ช้อนชา
กระเทียม 2 กลีบ
น้ำซุป 1/4 ถ้วย
น้ำส้มคั้น 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีปรุง
1.หั่นหมูเป็นชิ้นหนา 1/2 นิ้ว เคล้าหมูด้วยน้ำส้มสายชู กระเทียมสับละเอียด และเกลือหมักไว้ประมาณ 30 นาที
2.ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันจนร้อน เคล้าหมูด้วยแป้ง นำลงทอดในน้ำมันให้เหลืองทั้ง 2 ด้าน
3.ตักหมูที่ทอดใส่หม้อ ใส่น้ำซุป น้ำส้มคั้น ยกขึ้นตั้งไฟอ่อนปิดฝาเคี่ยวจนนุ่มจึงยกลง
คุณค่าทางโภชนาการ : เนื้อหมู เป็นแหล่งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่ดี ในหมู 100 กรัมมีโปรตีนถึง 24 กรัม (เด็กวัยนี้ต้องการโปรตีนประมาณวันละ 10 กรัมเท่านั้น) หมูที่นำมาทำอาหารเด็กควรซื้อมาสับเองและเอาส่วนที่เป็นมันออก ส่วนนมมีวิตามิน B1 B2 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชาและปากนกกระจอกและเด็กยังได้รับวิตามิน C จากส้มอีกด้วย
9.ขนมปังตาหวาน..............(ขนมปังโฮลวีทน้ำผึ้งสอดไส้ต่างๆ ไส้แยมสตรอเบอร์รี่ ไส้เนยน้ำตาล ไส้บลูเบอร์รี่ ไส้สังขยาใบเตย)
ขนมปังโฮลวีทน้ำผึ้ง
ส่วนผสม
แป้งโฮลวีท 1 1/2 ถ้วยตวง
จมูกข้าวหรือข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วยตวง
น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ
เนย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
น้ำอุ่น 1 3/8 ถ้วยตวง
งาดำ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ยีสต์ 1 1/2 - 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1.นำน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น คนให้เข้ากัน ใส่ยีสต์ลงไป คนให้เข้ากันอีกครั้งหรือจนกว่าจะมีฟอง
2.นำแป้งโฮลวีท แป้งสาลี และจมูกข้าวหรือข้าวโอ๊ต ใส่ชามผสมอาหารคลุกให้เข้ากัน
3.ใส่เกลือและเนย คลุกให้เข้ากันอีกครั้ง
4.เทส่วนผสมทั้งหมดลงบนผ้าพลาสติก ทำแป้งให้เป็นช่องตรงกลาง หยอดส่วนผสมในข้อ 1 ลงไป
ทีละนิด สลับกับการนวดแป้งไปเรื่อยๆ จนหมด
5.เมื่อแป้งเกือบได้ที่ ให้เติมเมล็ดทานตะวันและงาดำลงไป จากนั้นนวดให้เข้ากันอีกครั้ง จนแป้งไม่เหนียวติดมือ
6.นำแป้งที่นวดได้ที่แล้วใส่ภาชนะสะอาด คลุมด้วยผ้าสะอาด ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงเพื่อให้แป้งขึ้น
7.นำแป้งมานวดอีกครั้งเพื่อไล่ลม ทิ้งไว้อีกครึ่งชั่วโมง
8.นำมานวดอีกครั้ง ใส่ลงในพิมพ์แซนด์วิช นำไปอบที่อุณหภูมิ 345 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาทีหรือจนกว่าจะสุก แล้วนำมาหั่นเป็นแผ่น
สังขยาใบเตย
เครื่องปรุง
นมข้นจืด 2 ถ้วยตวง
แป้งข้าวโพด 1/2 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 4 ฟอง
น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วยตวง
น้ำใบเตย 3/4 ถ้วยตวง
วิธีปรุง
ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เทลงหม้อตุ๋น (หม้อสองชั้น) ตุ๋นจนสุก หมั่นคนจะทำให้ไม่ติดก้นหม้อ
คุณค่าทางโภชนาการ : ขนมปังโฮลวีทให้เส้นใยอาหารสูงช่วยทำให้ระบบขับถ่ายดี ท้องไม่ผูก และข้าวสาลีมีโปรตีนสูงกว่าข้าวเจ้า โดยในน้ำหนัก 100 กรัมเท่ากัน ข้าวสาลีมีโปรตีน 12 กรัม ส่วนข้าวเจ้ามีเพียง 2.3 กรัม ส่วนน้ำผึ้งและไส้ต่างๆ ให้รสหวานช่วยเพิ่มพลังงาน
...............................
เมนูของลูกค้า
เมนูอาหารเสริมชุดนี้เหมาะสำหรับน้องเล็กสุดที่เพิ่งเริ่มลิ้มลองอาหารเสริมเป็นมื้อแรกๆ ( ลูกวัย 4 -6 เดือน ) ซึ่งล้วนเป็นอาหารที่มีลักษณะนิ่มและย่อยง่าย อาหารแต่ละมื้อต้องครบคุณค่าทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ พอฟันของลูกขึ้น อาหารที่ลูกรับประทานควรมีลักษณะหยาบขึ้นหรือเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้ลูกได้ฝึกกลืนฝึกเคี้ยวอาหาร คุณแม่ควรสังเกตว่าอาหารประเภทไหนเหมาะกับลูกวัยไหน แต่อย่าลืมว่าเด็กแต่ละคนก็มีพัฒนาการเร็วช้าต่างกันด้วยนะคะ
10.ข้าวบดจ๊ะเอ๋..............(ข้าวบดผักกับตับไก่ห่อไข่)
เครื่องปรุง
ข้าวสวย 3 ช้อนโต๊ะ
อาหารเสริมจากธัญพืชสูตรผักรวม 2 ช้อนโต๊ะ
ผัก ( เช่น ฟักทอง ผักกาดขาว ผักบุ้ง ฯลฯ ) ต้มสุกบดละเอียดหรือสับหยาบๆ 1 ช้อนโต๊ะ
ตับไก่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำ 2 1/2 - 3 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ 1 ฟอง
วิธีปรุง
1.ต้มข้าวสวย และผักรวมกัน ใช้ไฟปานกลาง หมั่นคน จนผักสุกนิ่ม เติมน้ำมันและเกลือไอโอดีนเล็กน้อยเพื่อปรุงรส
2.นำมาบดด้วยหลังช้อนให้ละเอียดแล้วใส่อาหารเสริมสำเร็จรูปจากธัญพืชสูตรผักรวม
3.นำข้าวบดที่ได้มาผสมกับตับไก่ที่ลวกจนสุกและบดละเอียด (น้ำที่ลวกตับนำมาใส่ในข้าวบดเล็กน้อย)
4.ตอกไข่ใส่ชามและใส่น้ำนมที่ลูกกินลงไปนิดหน่อย ตีให้เข้ากัน นำไปเจียวในกะทะร้อนๆ ร่อนไข่ให้เป็นแผ่นบางๆ เมื่อไข่สุกพักไว้ นำส่วนผสมข้าวบดที่เตรียมไว้มาห่อด้วยไข่
คุณค่าทางโภชนาการ : ตับไก่มีวิตามิน A ค่อนข้างสูงกว่าตับหมู และบดละเอียดได้ง่ายกว่าเพราะไม่แข็ง แถมยังมีธาตุเหล็กสูงอีกด้วย ควรให้เด็กรับประทานตับเพียงอาทิตย์ละครั้งก็พอ เพราะวิตามิน A สะสมไว้ได้ในตับของเรานั่นเองค่ะ
11.กุ๊กไก่กับกวางตุ้ง................(อาหารเสริมจากธัญพืชสูตรไก่ 6% ใส่เนื้อไก่กับผักกวางตุ้ง)
เครื่องปรุง
อาหารเสริมจากธัญพืชสูตรไก่ 6 % 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำสุกอุ่น 120 กรัม
เนื้อไก่บดละเอียดหรือหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ 1 ช้อนโต๊ะ
ผักกวางตุ้งสับละเอียดหรือหยาบขึ้นอยู่กับวัยของลูก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชเล็กน้อย
วิธีทำ
1. ส่วนที่ 1 ต้มผักกวางตุ้ง(ใส่น้ำจนท่วมผัก) ด้วยไฟปานกลางจนผักสุกนิ่ม แล้วใส่เนื้อไก่ลงไปคนให้สม่ำเสมอ จนเนื้อไก่สุกดี ใส่น้ำมันคนให้เข้ากัน อาจเพิ่มรสชาติโดยเติมเกลือหรือซอสปรุงรสเล็กน้อยก็ได้
2. ส่วนที่ 2 ผสมอาหารเสริมจากธัญพืชสูตรไก่ 6% กับน้ำต้มสุกอุ่น คนให้เข้ากับแล้วนำส่วนผสมที่ 1 มาผสมรวมอีกครั้ง เพียงแค่นี้ลูกรักก็จะได้เมนูหม่ำสนุก ครบทั้งเนื้อไก่ ผัก และแร่ธาตุที่มีประโยชน์จากอาหารเสริมจากธัญพืชอีกด้วย
คุณค่าทางโภชนาการ : ผักกวางตุ้งมีไขมันต่ำมากอีกทั้งเป็นไขมันไม่อิ่มตัว แถมกินแล้วยังให้กากใยอาหาร จึงช่วยให้ถ่ายคล่อง ที่สำคัญผักกวางตุ้งเป็นแหล่งของแคลเซียมและเบต้า-แคโรทีน ชึ่งจะเปลี่ยนเป็นวิตามิน A ถ้าใครขาดจะมีผลต่อการมองเห็น เช่น มองไม่ชัดในที่มืด
12.เมฆน้อยกับเพื่อนเกลอ................(เต้าฮวยนมสดฟรุ๊ตสลัด)
เครื่องปรุง
วุ้นผง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเต้าหู้ 1 ถ้วยตวง
นมผงลูกผสมน้ำ 1/4 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
อาหารเสริมธัญพืชสูตรผลไม้รวม 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำต้มสุก 1/4 ถ้วยตวง
ผลไม้ชนิดต่าง ๆที่ชอบ เช่น องุ่นลอกเปลือก มะกะกอสุก แคนตาลูปสุก เป็นต้น
วิธีปรุง
1.นำวุ้นผง น้ำเต้าหู้ และน้ำนมผสมเข้าด้วยกัน ตั้งไฟปานกลาง ต้มจนเดือด แล้วเทใส่พิมพ์ถาดสี่เหลี่ยมเล็ก ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ
2.นำผลไม้ที่ลูกชอบรับประทานหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าชิ้นเล็กๆ (อย่าลืมลอกเปลือกและแกะเมล็ดออกก่อน)
3.นำธัญญพืชสูตรผลไม้รวมมาผสมน้ำคนให้เข้ากันเอาไว้ราดหน้า
4.เวลารับประทานให้ตักเต้าฮวย (วุ้นนมสด) ใส่ชาม ตามด้วยผลไม้ ราดด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้งและราดด้านบนสุดด้วยครีมธัญญพืชสูตรผลไม้ (ส่วนผสมในข้อ 3) อาจใส่น้ำแข็งเล็กน้อย อร่อยชื่นใจได้ประโยชน์จริงๆค่ะ
คุณค่าทางโภชนาการ : วุ้นเป็นแหล่งพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ส่วนนมมีแคลเซียม ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญเพื่อการสร้างกระดูกและฟัน น้ำเต้าหู้เป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพดีเหมือนไข่และเนื้อสัตว์ เด็กได้รับวิตามินและแร่ธาตุจากผลไม้ รวมทั้งสารอาหารที่มีคุณค่าจากธัญญพืชสูตรผลไม้อีกด้วย เมนูนี้ถือว่าเป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์เมนูหนึ่งค่ะ