กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แนะสถานศึกษาคัดกรองและสังเกตอาการเด็กก่อนเข้าเรียนอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อป้องกันโรคมือ เท้า ปาก และโรคโควิด 19 หากพบเด็กป่วยให้รีบแยกออกจากเด็กปกติและแจ้งให้ผู้ปกครองรับกลับบ้าน เพื่อพาไปพบแพทย์โดยเร็ว
นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้สถานศึกษาเปิดการเรียนการสอนตามปกติ อาจมีการทำกิจกรรมรวมกันเป็นกลุ่มมีโอกาสใกล้ชิดกัน ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย สิ่งที่ครูและผู้ปกครองควรระมัดระวังเป็นพิเศษนอกจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19) แล้ว ยังมีโรคมือ เท้า ปาก ที่ต้องระวังเช่นกัน
สำหรับสถานการณ์ของโรคมือ เท้า ปาก ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-8 มีนาคม 2564 พบผู้ป่วยแล้ว 6,662 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต จังหวัดที่มีผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก คือ พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน และเชียงใหม่ ตามลำดับ กลุ่มอายุที่พบมากที่สุด คือ เด็กแรกเกิด-4 ปี รองลงมา 5 ปี แ ละ 7-9 ปี ตามลำดับ
โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งเชื้อไวรัสจะติดมากับมือหรือของเล่นที่เปื้อนน้ำมูก น้ำลาย น้ำจากแผลตุ่มพองหรืออุจจาระของผู้ป่วย หรือติดต่อจากการไอ จาม รดกัน หลังได้รับเชื้อจะมีอาการไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ต่อมา 1-2 วัน มีอาการเจ็บปาก ร่วมกับมีตุ่มพองเล็กๆ บริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า ตุ่มแผลในปาก เพดานอ่อน กระพุ้งแก้ม ลิ้น และจะแตกออกเป็นแผลหลุมตื้นๆ หากอาการไม่ดีขึ้น เช่น มีไข้ขึ้นสูง ซึมลง เดินเซ ชักเกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ทันทีเพราะอาจติดเชื้อโรคมือ เท้า ปากชนิดรุนแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
นายแพทย์โอภาส กล่าวเน้นย้ำผู้ปกครองสังเกตอาการของเด็กก่อนมาสถานศึกษา หากบุตรหลาน มีอาการผิดปกติหรือมีไข้ควรให้พักอยู่ที่บ้านและพาไปพบแพทย์ ส่วนสถานศึกษาขอให้เคร่งครัดมาตรการคัดกรองและสังเกตอาการเด็กร่วมกับมาตรการป้องกันโรคโควิด 19 ก่อนเข้าเรียนทุกเช้าอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง
วิธีป้องกันโรคมือ เท้า ปาก โดย
อ้างอิง : กรมควบคุมโรค