ตุนอาหาร ตุนนม เตรียมความพร้อมดูแลลูกเมื่อน้ำท่วม
ปี 2556 นี้หลายๆ พื้นที่ก็กำลังประสบปัญหาน้ำท่วมอีกครั้ง เรามีคำแนะนำมาฝากจาก 3 ผู้เชี่ยวชาญที่จะมาแนะนำการดูแลครอบครัวที่มีเด็กเล็กใน 3 เรื่อง คือ การตุนอาหาร การตุนนม และการดูแลลูกในช่วงน้ำท่วมค่ะ
ตุนอาหารช่วงน้ำท่วม
รศ.นพ.สังคม จงพิพัฒน์วณิชย์ หัวหน้าหน่วยโภชนาการ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำว่า เด็กต้องการการสำรองพลังงานโปรตีนมากกว่าผู้ใหญ่ 3 เท่า พ่อแม่จึงควรเตรียมอาหารที่ให้คุณค่าพลังงานสูงในทุกมื้อที่ทาน และงดเว้นอาหารด้อยคุณค่า โดยมีวิธีในการเลือกและกักตุนอาหารดังนี้
-
-
- เตรียมอาหาร 5 หมู่ให้เหมาะสม คือ การคำนวณความต้องการของร่างกายร่วมกับระยะเวลาจัดเก็บ ว่าอาหารประเภทใดจะเน่าเสียก่อน-หลัง และนำมาประเมินร่วมกับสภาพความเป็นอยู่ เช่น ถ้ายังออกไปนอกบ้านได้บ้าง ไฟฟ้าน้ำประปายังปกติ ก็ดำเนินชีวิตตามปกติได้ แต่ถ้าหากออกไปไหนไม่ได้เลยและไฟฟ้าอาจโดนตัด พ่อแม่ก็ควรซื้อเครื่องบริโภคมาตุนไว้
- ควรเลือกซื้ออาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน เช่น อาหารจำพวกแป้ง เตรียมข้าว ขนมปัง เส้นก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น
- การเลือกซื้ออาหารโปรตีน แนะนำให้เป็นไข่ เพราะให้โปรตีนสูงและสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย พวกเนื้อสัตว์หากคิดว่าอาจถูกตัดกระแสไฟฟ้า ก็ซื้อแบบแห้งที่ทำเป็นอาหารถนอม เช่น หมูหยอง หมูแผ่น ไส้กรอก แฮม หรือจะเป็นโปรตีนผง ซึ่งต้องเลือกให้เหมาะกับลูกด้วย
- อาหารกระป๋อง เช่น ปลากระป๋อง เนื้อกระป๋อง แม้ว่าจะมีการสูญเสียคุณค่าทางอาหารไปบ้างในการบรรจุกระป๋อง แต่ก็ช่วยให้อิ่มประทังไปได้ในช่วงเวลาน้ำท่วม
- ในช่วงน้ำท่วมลูกอาจป่วยได้ เช่น ท้องเสีย อาเจียน เป็นไข้ เตรียมยาสามัญประจำบ้านไว้ก่อน เช่น เกลือแร่สำหรับผู้ป่วยท้องเสีย ยาแก้อาเจียน ยาแก้ไข้ ยาแก้หวัด ยาแก้ไอ เป็นต้น
ตุนนมช่วงน้ำท่วม
ดร.ศุภรัตน์ ปรศุพัฒนา ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ บริษัท มี้ด จอห์นสัน ประเทศไทย จำกัด ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกซื้ออาหารเสริมประเภทนมในช่วงน้ำท่วมดังนี้
-
-
- ควรเลือกซื้อนมกล่องประเภท UHT เพราะนม UHT เป็นนมที่ปลอดเชื้อ สามารถเก็บได้นาน สะดวกสบายและมีความสะอาดปลอดภัยในการเลือกให้ลูกรับประทาน
- พ่อแม่ควรเลือกนม UHT ที่มีกรดไขมันจำเป็นเช่น DHA ที่เป็นสารอาหารช่วยพัฒนาสมองและสายตา ซึ่งจริงๆ แล้วสารอาหารประเภทนี้สามารถหาทานได้ในปลา
- สำหรับบางบ้านที่ซื้อนม UHT มาตุนเก็บไว้ เพราะกลัวนมจะขาดตลาดในช่วงน้ำท่วม พ่อแม่ควรตรวจดูสภาพภายนอกของกล่องนมว่าปกติหรือไม่ โดยปกตินม UHT จะปลอดเชื้ออยู่แล้วแต่ต้องดูว่า ลักษณะกล่องสะอาดไหม ไม่บุบชำรุด ไม่มีรอยฉีกขาดหรือรั่วซึมหรือกล่องบวม ที่สำคัญอย่าลืมดูวันหมดอายุของกล่องนมด้วย
- ก่อนดื่มควรเขย่าก่อนทุกครั้ง และหากคุณแม่กังวลว่านมจะเสียก็สามารถเช็คเนื้อนมได้ โดยการเทนมใส่แก้ว แล้วเปิดกล่องดูและสังเกตที่สี กลิ่น และรสของนมว่ามีความผิดปกติหรือไม่
การดูแลลูกช่วงน้ำท่วม
นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการ และพฤติกรรม คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล แนะนำวิธีการเลี้ยงดูและส่งเสริมพัฒนาการของลูกในสภาวะน้ำท่วม โดยให้พ่อแม่มองว่าเป็นโอกาสทอง ดังนี้
-
-
- เมื่อใดที่พ่อแม่กังวลมาก เครียดมาก พ่อแม่ทุกข์และเศร้า ลูกก็จะรู้สึกกับพ่อแม่ไปด้วย ลูกจะกลายเป็นคนแบบนี้ไปโดยที่ไม่ต้องมีใครสอน กลายเป็นคนวิตกกังวล ซึมเศร้าง่าย เขาจะกลายเป็นคนที่รับการเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย แต่ถ้าพ่อแม่มองวิกฤตให้เป็นโอกาสว่า ไม่เป็นไร น้ำท่วมเรามาช่วยกันดู ถ้าตรงนี้ท่วมเราตักน้ำออกไป ช่วยกันมันก็จะแห้ง แต่ถ้าน้ำมีมากเกินไป เราทำไม่ไหวเราก็หาที่อยู่ใหม่เช่นเราย้ายของกัน เราขึ้นไปอยู่ข้างบนซะ ช่วยกันขนของขึ้นข้างบน ใช้ชีวิตให้เหมือนปกติตอนที่มันไม่มีน้ำ ลูกจะได้เรียนรู้ไปด้วยพร้อมๆกับเรา เขาจะเรียนรู้การปรับตัว เป็นคนยืดหยุ่น มองโลกในแง่ดี
- วัย 1-3 ขวบ พ่อแม่ควรพูดสั้นๆ เพราะเด็กจะสามารถเข้าใจได้เพียงระดับหนึ่ง เช่น “น้ำท่วมละ ไม่เล่นตรงนี้” จากนั้นก็ให้ทำเป็นตัวอย่าง ไม่ไปเดินลุยน้ำให้ลูกเห็น เพราะการเสียเวลาไปอธิบายว่าน้ำมีเชื้อโรคมากมาย มีสัตว์มีพิษ มีแมงป่อง อย่าไปเดิน เด็กไม่เคยรู้จักอยู่แล้วเขาก็จะไม่เข้าใจ เราแค่เพียงทำให้ลูกเห็น พอถึงน้ำขังเราไม่ย่ำ ไม่เดินลุย ลูกจะได้เรียนรู้ ดังนั้นวิธีการสอนเด็กวัย 1-3 ขวบนี้ ก็คือ อธิบายให้เค้าฟังในระดับที่เค้าพอจะเข้าใจ พ่อแม่ต้องรู้จักประเมินว่าลูกเข้าใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าเขาไม่เข้าใจเราก็ไม่ต้องไปอธิบายเยอะ พูดน้อยๆ และ บอกผ่านวิธีปฏิบัติของเราเอง เช่น เราไม่เดินลุยน้ำ ไม่เอาขยะไปทิ้งในน้ำ ไม่ฉี่ไม่ถ่ายลงน้ำ ลูกจะเรียนรู้ได้โดยเห็นจากที่พ่อแม่ทำ โดยขอให้พ่อแม่จำไว้ว่าการพร่ำสอนแต่ยังคงกระทำให้ลูกเห็นตรงข้ามกับสิ่งที่สอน ลูกจะเลียนแบบทำตามสิ่งที่พ่อแม่ทำมากกว่า
- วัย 4-6 ขวบ เป็นวัยที่กำลังชอบเล่น และเด็กกับน้ำเป็นของคู่กัน หากพ่อแม่เห็นว่าลูกสนใจอยากไปเล่นน้ำ ก็ไม่ต้องตกใจเกินเหตุ เราใช้วิธีสอนและทำพฤติกรรมให้ดู แต่หากยังไม่สามารถหยุดเขาได้ เราต้องใช้วิธีการกำกับด้วย เช่น บอกลูกว่าอย่าไปเล่น น้ำสกปรก แต่ลูกยังคงไปเล่น พ่อแม่ก็ควรหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจโดยการหาอย่างอื่นที่สนุกกว่าให้เขาเล่น เขาก็จะเพลินและลืมไปเอง หรือหาทางป้องกันไม่ให้ลูกเข้าถึงน้ำได้โดยพ่อแม่ไม่ทราบ เช่น ทำประตูปิดกั้นที่เด็กเปิดเองไม่ได้ต้องให้พ่อแม่เปิดให้เท่านั้น สิ่งหนึ่งที่พ่อแม่ต้องระวังเป็นอย่างสูงคือ บุตรหลานที่อายุน้อยกว่า 5 ปี มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุทางน้ำ ได้เยอะมากเพราะการทรงตัว และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เค้ายังทำได้ไม่ดี พ่อแม่ต้องเฝ้าระวัง ไม่ควรปล่อยลูกอยู่เพียงลำพัง เพราะมิเช่นนั้นอาจเกิดอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึงเช่น จมน้ำ ลื่นล้ม ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ ได้
- ในส่วนของโรคภัยที่มากับน้ำ อาทิ แมลงสัตว์กัดต่อย โรคฉี่หนู โรคอุจจาระร่วง อาหารเป็นพิษ น้ำกัดเท้า เชื้อราที่เท้า การติดเชื้อที่ผิวหนัง คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นเฝ้าระวังและรักษาความสะอาดของร่างกายลูก บ้านเรือนและให้ความสำคัญกับภาวะโภชนาการของลูก
- เด็กในวัยต่ำกว่า 5 ขวบ พ่อแม่ควรดูแลอย่างดีใกล้ชิดมากๆ อย่าละสายตาเพราะมีโอกาสเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ และอยากให้ข้อสังเกตว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่มีน้ำจะมีเด็กเสียชีวิตได้บ่อยมากซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียใจมาก จึงขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ในการเฝ้าระวังบุตรหลาน อย่าไปคิดว่าเขาเก่งแล้ว เขาฟังรู้เรื่อง เพราะจริงๆ เด็กรู้ คือรู้แค่ในระดับหนึ่ง แต่เด็กยังควบคุมตัวเองไม่ได้ หรือ หากเด็กควบคุมตัวเองได้ เขาก็อาจจะยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้