โรงเรียนแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ Neo Humanist Education เป็นโรงเรียนทางเลือก ที่ผู้ปกครองกำลังให้ความสนใจ และมองหาโรงเรียนทางเลือกแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ให้กับลูกอยู่ แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับแนวคิด และหลักสูตรของโรงเรียนแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ ว่าเป็นอย่างไร มีรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบไหน และลูกจะได้อะไรจากการเรียนโรงเรียนแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์บ้าง
ที่มาของโรงเรียนแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์
โรงเรียนแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ มีแนวคิดมาจาก พี.อาร์.ซาร์การ์ (P.R.Sarkar) โยคีชาวอินเดียที่ได้นำศาสตร์ทางตะวันออกกับความทันสมัยแบบตะวันตกมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เช่น มีการให้เด็กๆ ฝึกสมาธิ ทำโยคะ ขณะเดียวกันก็ใช้เสียงเพลงและวิธีการสอนใหม่ๆรวมเข้าไปด้วย โดยให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนในเด็กเล็ก
หลักสูตรการเรียนการสอนแบบ แนวนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ มีหลักการว่า สิ่งแวดล้อมและการศึกษาในวัยต้นของชีวิต(วัยเด็ก) มีอิทธิพลต่อ คุณธรรมและความสุข ส่วนความเก่งและความฉลาดของแต่ละคน เป็นศักยภาพที่มีอยู่ในตัวมนุษย์อยู่แล้ว ทั้งนี้ความเป็นคนที่สมบูรณ์นั้นต้องเกิดจากศักยภาพที่สำคัญ 4 ด้าน และการศึกษาที่่ดีต้องอาศัยศักยภาพทั้ง 4 ด้าน นี้ไปพร้อมกันด้วย คือ
1. ร่างกาย (PHYSICAL) จะต้องแข็งแรง
2. จิตใจ (MENTAL) มีความเป็นตัวของตัวเอง มีความคิดสร้างสรรค์
3. ความมีน้ำใจ (SPIRITUAL) มีเมตตาช่วยเหลือคนอื่นโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน
4. วิชาการ (ACADEMIC) เรียนรู้ และฝึกฝนหาวิชาความรู้ เพื่อหนทางในการพัฒนาตนเอง
รูปแบบการเรียน จุดเด่น ของโรงเรียนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์
รูปแบบการเรียนของโรงเรียนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ต้องสอดคล้องกับหลักการทั้ง 4 ข้อ คือ คลื่นสมองต่ำ การประสานของเซลล์สมอง ภาพพจน์ต่อตัวเอง และการให้ความรัก ซึ่งต้องไปด้วยกัน จะช่วยพัฒนาศักยภาพของเด็กให้ไปในทิศทางที่ดี
1. คลื่นสมองต่ำ
ประสิทธิภาพการทำงานของคนเราจะเปลี่ยนไปตามคลื่นสมองที่เราส่ง ยิ่งต่ำลงมากเท่าไรยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น เพราะแสดงว่ามีความสงบทางจิตใจ อารมณ์ดี ใจเย็น มีความคิดสร้างสรรค์สูง เกิดสมาธิจิตใจเป็นหนึ่งเดียวไม่ฟุ้งซ่านไม่วอกแวก
กิจกรรม : ฝึกทำโยคะ นั่งสมาธิ ก่อนเข้าห้องเรียน จะช่วยให้กล้ามเนื้อและประสาทผ่อนคลาย เป็นกิจกรรมที่สร้างให้เด็กเกิดภาวะคลื่นสมองต่ำ ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักการของการพัฒนาศักยภาพของเด็ก เช่น เตรียมความพร้อมให้เขาเรียนหนังสือได้อย่างสบายใจ หรือ กิจกรรมการเล่านิทาน การกอด เสียงเพลง ท่าที หรือแม้แต่คำพูดจากคนรอบข้าง มีส่วนทำให้คลื่นสมองต่ำได้เช่นเดียวกัน
2. การประสานของเซลล์สมอง
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ เชื่อว่าความฉลาดเป็นสิ่งที่สามารถฝึกฝนกันได้ ไม่ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์แต่ขึ้นกับสิ่งแวดล้อมมากกว่า ความฉลาดเกิดจากเซลล์สมองประสานเข้าด้วยกัน เรียกว่า เซลล์ประสานประสาท ถ้าใครมีมากคนนั้นจะเรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้เร็ว เซลล์ประสานประสาทนี้จะขยายตัวได้ดีเมื่อมือกับเท้าทำงานมาก เพราะสองส่วนนี้จะมีปลายประสาทอยู่มาก ดังนั้นกิจกรรมในแนวคิดนีโอ-ฮิวแมนนิสต์จึงเน้นให้เด็กเรียนและเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน ให้เด็กได้ออกนอกห้อง ปีนป่าย วิ่งเล่น เพื่อให้มือกับเท้าทำงานมากที่สุด
แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ ไม่เชื่อเรื่องให้เด็กเรียน หรือ เล่น อย่างเดียว เพราะช่วงที่สมองของคนเราเจริญเติบโตมากที่สุดคือ ช่วงอายุ 3-6 ปี ดังนั้นจึงต้องเรียนบ้าง เล่นบ้าง โดยกระจายให้เหมาะสมและใช้วิธีการที่จูงใจให้เด็กเรียนรู้ด้วยคลื่นอัลฟาหรือคลื่นสมองต่ำมากที่สุด
กิจกรรม : ผสมผสานการเรียนและการเล่นเข้าด้วยกัน เปลี่ยนการท่องจำตัวหนังสือของเด็ก มาทำให้เขารู้จักตัวหนังสือเหล่านี้ผ่านเกม ที่ได้เคลื่อนไหวร่างกายไปพร้อมกัน โดยวิ่งไปตามพื้นห้องให้เป็นรูปตัวอักษร หรือเล่นเกมบัตรคำสนุก นับตัวเลขจากสิ่งของหรือผลไม้ หากเป็นวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต พาเด็กๆ ไปสัมผัสกับประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน เช่น การไปเรียนรู้ธรรมชาติที่สวนสาธารณะ ไปดูปลาในบ่อ รู้จักสัญญาณไฟจราจรริมถนน เป็นต้น
3. ภาพพจน์ของตัวเอง (SELF CONCEPT)
วัยเด็กเป็นวัยที่มีการรับรู้สูงที่สุด เป็นเรื่องของจิตใต้สำนึก จึงควรปลูกฝังเรื่องด้านบวกและเรื่องที่ดี เพราะถ้าจิตใต้สำนึกบันทึกไว้แต่เรื่องด้านลบ ได้ยินคนพูดเรื่อยๆ ว่าไม่เก่ง ซน เมื่อเด็กโตขึ้นเขาจะกลายเป็นคนที่ไม่เก่ง ซน ซุ่มซ่าม เมื่อภาพพจน์ที่มีต่อตัวเองเป็นลบ พฤติกรรมที่ออกมาก็จะเป็นลบด้วย
บทบาทของครูจึงเป็นเรื่องสำคัญ แนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ พฤติกรรมของครูคือบทเรียนที่ดีที่สุดของเด็ก เช่น ถ้าครูพูดจาไพเราะ เด็กจะพูดจาไพเราะ ดังนั้นคนที่เป็นครูจึงต้องสมบูรณ์พร้อมทั้งพฤติกรรมส่วนตัวและเทคนิคการสอน เด็กจึงจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ
4. การให้ความรัก
ถ้าเด็กรู้สึกว่าเขาได้รับความรักเต็มที่ ความรักของเด็กคนนั้นย่อมเผื่อแผ่ไปถึงผู้อื่น แต่ถ้าเด็กรู้สึกขาดความรัก เขาย่อมเรียกร้องต้องการการแสดงออกซึ่งความรัก เพื่อที่จะทำให้เขาได้รับความรัก จึงเป็นเรื่องปกติที่คุณครูในโรงเรียนนีโอ-ฮิวแมนนิสต์จะเป็นคุณครูที่มีบุคลิกอ่อนโยน ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้คำชมพร้อมสัมผัสเด็กด้วยการกอดซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความรัก
สภาพแวดล้อมเรียน และกิจกรรม การสอนแนวนีโอ-ฮิวแมนนิสต์
สิ่งที่เด็กจะได้รับจากแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์
โรงเรียนแนวการสอนแบบนีโอ-ฮิวแมนนิสต์ จะช่วยพัฒนาการด้านต่างๆ ของลูกให้เป็นไปอย่างเหมาะสม โดยใช้กิจกรรมเพื่อพัฒนาในทุกด้านของชีวิต ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) จะทำให้คนเรามีความสุขในชีวิตได้ง่าย มุ่งมั่นในการกระทำจนบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างมีความสุข ใช้ชีวิตอยู่อย่างกลมกลืนกับธรรมชาติ มุ่งพัฒนา อัจฉริยภาพในตัวเด็กทุกคนให้ปรากฏออกมามากที่สุด โดยจะพัฒนาเด็กให้เป็นคนสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจด้วย