ลูกพลับมีวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี วิตามินอี มีใยอาหาร แมกนิเซียม โพแทสเซียมและฟอสฟอรัส นอกจากนี้ยังประกอบด้วยสารอินทรีย์ที่มีประโยชน์ได้แก่ คาเทชิน เบทูลินิก แอซิด และแคโรทีนอยด์
วิธีเลือกลูกพลับให้หวานกรอบ
ทั่วไปแล้วลูกพลับจะมีสีส้มและสีเหลือง ลูกพลับที่สุกแล้วมีรสชาติหวานกรอบ คือแบบสีส้ม ส่วนสีเหลืองนั้นเนื้อในจะฝาด เพราะฉะนั้นเมื่อเลือกติดมือมาแล้วควรบ่มไว้สัก 1-2 วัน ให้เป็นสีส้มสุกก่อนค่อยกิน จะได้รสชาติที่หวานกรอบอร่อย แต่ถ้าบ่มไว้นานเกินไป ลูกพลับจะนิ่ม หรือเละได้ค่ะ
จึงจะสามารถกินได้ ถ้าเป็นลูกพลับสีเหลืองนั่นคือยังไม่สุก รสชาติค่อนข้างฝาด แต่ถ้าเป็นลูกพลับสีส้มสุกบนต้นเลยจะมีรสชาติหวาน เวลาเลือกซื้อลูกพลับไม่ว่าจะของประเทศไหนก็ตามให้เลือกลูกที่มีสีส้มไว้ก่อนเพราะข้างในจะหวานและไม่ฝาดค่ะ
วิธีแก้ให้ลูกพลับหายฝาด
- แช่ในน้ำปูนใส
- บ่มด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์
- บรรจุสูญญากาศ
เมื่อลูกพลับผ่านการทำให้หายฝาดแล้วก็จะกลับมากรอบหวานอร่อยเช่นกันค่ะ
ประโยชน์ของลูกพลับ
- ช่วยบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ หรืออาเจียน
- บำรุงม้าม, ปอด และลำไส้ให้แข็งแรง
- ช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง หรือท้องเดิน และเป็นยาระบาย
- ช่วยลดความดันโลหิตสูง
- ช่วยรักษาอาการต่อมไทรอยด์บวม
- ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคต้อกระจก
- ช่วยบรรเทาอาการสะอึก หรือแก้เรอ
- เป็นผลไม้ที่มีสรรพคุณทางยา ถือว่าเป็นสมุนไพรที่ดีชนิดนึง
*เคล็ดลับที่จะให้ลูกพลับมีความหวานและกรอบ* ใช้ถุงพลาสติกหรือกระดาษห่อหรือบ่มไว้ประมาน 1-2 วัน หรือวางไว้ในที่มีอากาศท่ายเท จะทำให้ลูกพลับหวานกรอบและน่ากินค่ะ
เด็ก ๆ ที่กำลังเดินหรือช่วงอายุวัยใดก็สามารถกินลูกพลับได้นะคะ สามารถกินได้ทั้งเปลือกเลยคุณแม่ปอกเป็นชิ้นเล็ก ๆ พอดีคำให้ลูกน้อยได้ค่ะ เพราะลูกพลับมีสารต้านอนุมูลอิสระและมีกากใยอีกด้วย
นอกจากจะนำลูกพลับมากินเป็นผลไม้สดๆแล้ว ยังสามารถทำเป็นลูกพลับตากแห้ง ลูกพลับเชื่อม หรือทำน้ำลูกพลับได้ สามารถนำใบมาชงดื่มเป็นน้ำชาได้ลดความดัน ช่วยระบายและแก้อาการนอนไม่หลับ
ข้อห้ามในการกินลูกพลับ
- ผู้ที่มีกระเพาะและม้ามไม่แข็งแรงควรหลีกเลี่ยง
- ผู้ที่ป่วยเป็นหวัดบ่อยๆหรือเป็นไข้ไม่ควรรับประทาน
- ห้ามนำลูกพลับสดและแห้งมาประกอบอาหารร่วมกับใบชา