facebook  youtube  line

ท้องแล้วต้องทำอย่างไร คู่มือครบที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด

5436 5 

ตั้งครรภ์แล้ว ต้องฝากท้องเมื่อไหร่ ฝากท้องที่ไหนดี ต้องตรวจร่างกายอะไรบ้าง ควรเจาะน้ำคร่ำไหม ต้องตรวจภาวะดาวน์ซินโดรมรึเปล่า คลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอดดี ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่? 

ท้องแล้วต้องทำอย่างไร? คู่มือครบที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด

เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ นอกจากความตื่นเต้นดีใจแล้ว คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจจยังไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ต้องไปฝากครรภ์เลยไหม หรือต้องตรวจร่างกายอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ต้องเจาะน้ำคร่ำ หรือตรวจภาวะดาวน์ซินโดรมไหม จะคลอดเองหรือผ่าคลอดดี ที่สำคัญ แต่ละขั้นตอนมีค่าใช้จ่ายเท่าไร วันนี้เราจะมาบอกข้อมูลสำคัญที่ครบถ้วนที่สุดให้ทราบกัน

เมื่อรู้ว่าท้อง...ก็ต้องฝากครรภ์

การฝากครรภ์คือขั้นตอนแรกสำหรับคุณแม่มือใหม่ทุกคน โดยการฝากครรภ์คือ การตรวจสุขภาพของแม่และเด็กเป็นระยะ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด ซึ่งคุณแม่สามารถฝากครรภ์ได้ทันทีที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์ โดยยิ่งฝากครรภ์เร็วเท่าไร คุณแม่และลูกก็จะได้รับการดูแลที่เหมาะสมเร็วเท่านั้น สาเหตุที่ต้องฝากครรภ์ ก็เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจติดตามสุขภาพของทั้งแม่และลูกอย่างสม่ำเสมอ ว่ามีความเสี่ยงอะไรที่น่ากังวลไหม มีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า เพื่อให้แม่และลูกปลอดภัยที่สุดจนถึงวันคลอด

ฝากครรภ์ครั้งแรก ต้องตรวจอะไรบ้าง?

ส่วนใหญ่การฝากครรภ์ครั้งแรก แพทย์จะตรวจร่างกายคร่าว ๆ ดังนี้

  • ตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่คุณแม่มือใหม่มักจะตรวจครรภ์ด้วยตนเอง เมื่อพบว่าตั้งครรภ์จึงมาพบแพทย์ ซึ่งจะต้องตรวจยืนยันอีกครั้ง พร้อมตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด
  • ซักประวัติ แพทย์จะถามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม มีโรคประจำตัวหรือเปล่า มียาที่ใช้ประจำไหม ซึ่ง ต้องแจ้งแพทย์อย่างละเอียด เพราะยาบางตัวอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทารกได้ เช่น ยารักษาสิวบางชนิดอาจทำให้ทารกพิการหรือแท้งได้เลย
  • ตรวจร่างกาย การตรวจร่างกายจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ

- ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น วัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง การทำงานของปอด ฯลฯ

- ตรวจภายใน เช่น ตรวจความสมบูรณ์ของรังไข่ ท่อนำไข่ ช่องคลอด ฯลฯ

- ตรวจเลือด เช่น ระดับน้ำตาล ไขมัน ความสมบูรณ์ของเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน การติดเชื้อเอชไอวี ซิฟิลิส ฯลฯ

ฝากครรภ์ ต้องไปพบแพทย์บ่อยแค่ไหน?

หลังจากฝากครรภ์ ระยะเวลาในการนัดพบแพทย์จะค่อนข้างตายตัว ดังนี้

  • อายุครรภ์ 1 - 32 สัปดาห์ พบแพทย์ทุก 1 เดือน (4 สัปดาห์)
  • อายุครรภ์ 32 - 36 สัปดาห์ พบแพทย์ทุกครึ่งเดือน (2 สัปดาห์)
  • อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ขึ้นไป พบแพทย์ทุก 1 สัปดาห์

ระยะเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพของคุณแม่และลูก

วิธีเลือกสถานที่ฝากครรภ์

ปัจจัยหลักๆ ที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดในการเลือกสถานที่ฝากครรภ์มี 3 ข้อ คือ

  • โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมดูแลหากเกิดความผิดปกติ
  • เดินทางสะดวก ใกล้บ้านหรือที่ทำงาน เพราะต้องเดินทางไปบ่อยๆ ตลอด 9 เดือนเต็ม
  • กรณีมีโรคประจำตัว อาจเลือกฝากครรภ์กับโรงพยาบาลหรือคลินิกที่รักษาอยู่เดิม เพื่อจะได้ตรวจสอบประวัติการรักษาและอาจปรับเปลี่ยนยาให้เหมาะสมในช่วงตั้งครรภ์ด้วย ทั้งนี้โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ฝากครรภ์ ไม่จำเป็น ต้องเป็นที่เดียวกับโรงพยาบาลที่จะคลอดลูก สามารถเลือกได้ตามความสะดวก

ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์

ค่าใช้จ่ายการฝากครรภ์มีทั้งแบบรายครั้ง และแบบเหมาจ่าย ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจของโรงพยาบาลหรือคลินิกนั้นๆ โดยราคาเหมาจ่าย เริ่มต้นที่ประมาณ 12,470 บาท

ดูแลทั้งคุณแม่และคุณลูกให้ปลอดภัยแข็งแรง! เปรียบเทียบแพ็กเกจฝากครรภ์ฝากครรภ์จากโรงพยาบาลและคลินิกมากที่สุดที่นี่ พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือนและส่วนลดพิเศษสำหรับผู้อ่านรักลูกเท่านั้น


2.อัลตราซาวด์ตรวจเช็กความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์

หลังจากฝากครรภ์เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่แพทย์แนะนำให้ทำ คือ การอัลตราซาวด์ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เห็นภาพทารกในครรภ์ได้ชัดเจน สามารถตรวจพัฒนาการ เพศ คัดกรองความเสี่ยงกลุ่มดาวน์ซินโดรมในเบื้องต้น และหาความผิดปกติของทารกได้ด้วย โดยมีทั้งอัลตราซาวด์ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ ซึ่งจะแสดงภาพที่แตกต่างกันออกไป

อัลตราซาวด์ 2 มิติ 3 มิติ 4 มิติ คืออะไร ควรทำช่วงไหน?

อัลตราซาวด์ 2 มิติภาพที่ปรากฏจะเป็นแนวระนาบ เห็นเป็นสีเงาขาว-ดำ ไม่มีความลึกหรือตื้น มองไม่เห็นหน้าทารกอย่างชัดเจน สามารถอัลตราซาวด์ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 11 - 13 สัปดาห์ เพื่อประเมินอายุครรภ์ จำนวนทารกในครรภ์ หรือความผิดปกติต่างๆ ช่วงนี้บางคนจะเริ่มเห็นเพศของลูก แต่ยังไม่ชัดเจนนัก จะเริ่มชัดเมื่ออายุครรภ์ 15 สัปดาห์เป็นต้นไป

ท้องแล้วต้องทำอย่างไร? คู่มือครบที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด-ท้องแล้วต้องทำอย่างไร-แพ็กเกจคลอด-แพ็คเก็จคลอด-อัลตราซาวนด์ 4 มิติ-คู่มือคนท้อง-แพ็คเก็จฝากท้อง-ฝากท้องที่ไหนดี

อัลตราซาวด์ 3 มิติภาพที่ปรากฏจะเป็นรูปแบบเสมือนจริง เห็นอวัยวะ รูปร่าง ใบหน้าได้ชัดเจนมากกว่า 2 มิติ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการอัลตราซาวด์ 3 มิติ คือเมื่อมีอายุครรภ์ 26 - 32 สัปดาห์ เพราะทารกจะเริ่มมีหน้าตา รูปร่างที่ชัดเจนแล้ว

ท้องแล้วต้องทำอย่างไร? คู่มือครบที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด-ท้องแล้วต้องทำอย่างไร-แพ็กเกจคลอด-แพ็คเก็จคลอด-อัลตราซาวนด์ 4 มิติ-คู่มือคนท้อง-แพ็คเก็จฝากท้อง-ฝากท้องที่ไหนดี

อัลตราซาวด์ 4 มิติคือการเก็บภาพอัลตราซาวด์ 3 มิติ มาเรียงต่อกันจนเกิดเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือภาพเสมือนจริงแบบเรียลไทม์ จะเห็นพฤติกรรมของทารกภายในครรภ์ เช่น การหาว ดูดนิ้ว อ้าปาก ยกแขน หรือยิ้มได้ชัดเจน และยังสามารถตรวจความผิดปกติได้แม่นยำมากขึ้นด้วย เช่น เนื้องอกที่ผิวบางชนิด ปากแหว่ง เป็นต้น

ท้องแล้วต้องทำอย่างไร? คู่มือครบที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด-ท้องแล้วต้องทำอย่างไร-แพ็กเกจคลอด-แพ็คเก็จคลอด-อัลตราซาวนด์ 4 มิติ-คู่มือคนท้อง-แพ็คเก็จฝากท้อง-ฝากท้องที่ไหนดี

ค่าใช้จ่ายในการอัลตราซาวด์

ค่าใช้จ่ายในการอัลตราซาวด์จะแตกต่างกันตามเทคโนโลยี แบบ 2 มิติ ถูกที่สุด ตามด้วย แบบ 3 มิติ และ 4 มิติ โดยราคาอัลตราซาวด์ 4 มิติ เริ่มต้นที่ประมาณ 2,390 บาท ต่อครั้ง

พร้อมเจอลูกของคุณหรือยัง? เปรียบเทียบและซื้อแพ็กเกจอัลตราซาวด์จากโรงพยาบาลและคลินิกที่ได้มาตรฐานวันนี้ พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือนและส่วนลดพิเศษสำหรับผู้อ่านรักลูกเท่านั้น

3.ถ้าอายุมากกว่า 35 ปี หรือมีความเสี่ยงอาจต้องตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม

การตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม คือการตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ด้วยการตรวจโครโมโซมว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งให้ผลค่อนข้างแม่นยำ และสามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 10 - 12 สัปดาห์

ใครควรตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม

  • คุณแม่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
  • ครอบครัวมีประวัติโครโมโซมผิดปกติ
  • เคยมีบุตรที่มีโครโมโซมผิดปกติ
  • อัลตราซาวด์พบว่าทารกอาจมีโครโมโซมผิดปกติ

ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมมีกี่วิธี

การตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม นอกเหนือจากการอัลตราซาวด์ มี 2 รูปแบบที่ได้รับความนิยมคือ

1. NIPD (Non-invasive prenatal diagnosis)คือวิธีการตรวจคัดกรองด้วยวิธีเจาะเลือดของคุณแม่ ที่มีดีเอ็นเอบางส่วนของลูกปะปนอยู่ จึงสามารถตรวจสอบความผิดปกติได้ โดยให้ผลแม่นยำประมาณ 98% วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดและปลอดภัย ไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ซึ่งอาจมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามบริษัทที่ให้บริการตรวจ เช่น NICE Test, Panorama, myNIPS, Qualify NIPT, Harmony เป็นต้น

2. การเจาะน้ำคร่ำ (Amniotic Fluid Aspiration)วิธีการตรวจที่ให้ผลแม่นยำมากที่สุด 99% สามารถคัดกรองความเสี่ยงดาวน์ซินโดรม บอกเพศและความผิดปกติอื่นๆ ได้ถูกต้อง แต่การเจาะน้ำคร่ำก็มีความเสี่ยงอาจทำให้แท้งได้ จึงเหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตรวจด้วยวิธีการอื่นๆ แล้วพบความผิดปกติ แพทย์จึงแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำเพื่อยืนยันอีกครั้ง

ค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม ค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองแบบ NIPA เริ่มต้นที่ 9,120 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการเจาะน้ำคร่ำ เริ่มต้นที่ 9,504 บาท ขึ้นอยู่กับค่าบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลหรือคลินิกนั้นๆ

เช็กเพื่อความชัวร์ ให้ลูกปลอดภัยและสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด

เปรียบเทียบแพ็กเกจคัดกรองดาวน์ซินโดรมจากโรงพยาบาลและคลินิกมากที่สุดที่นี่


4.วางแผนคลอด คลอดธรรมชาติ VS ผ่าคลอด

หลังจากผ่านกระบวนการทุกขั้นตอนแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการวางแผนว่าจะคลอดธรรมชาติ หรือผ่าคลอด เราจะมาเปรียบเทียบให้ทราบกัน

คลอดธรรมชาติ

คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการคลอด โดยทั่วไปหากคุณแม่และลูกมีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง แพทย์จะแนะนำให้คลอดธรรมชาติ

ข้อดี

  • คุณแม่เสียเลือดน้อยกว่า แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
  • ไม่มีปัญหาพังผืดในช่องท้อง
  • ทารกได้รับภูมิคุ้มกันจากเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
  • โอกาสเกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจค่อนข้างน้อย
  • โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่าง หรือหลังคลอดน้อยกว่าการผ่าคลอด

ข้อจำกัด

  • กำหนดเวลาคลอดไม่ได้ (อาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ที่ทำงานประจำ)
  • เจ็บท้องคลอดค่อนข้างนาน
  • มีข้อจำกัดที่ทำให้คุณแม่บางคนเลือกวิธีนี้ไม่ได้ เช่น ลูกตัวใหญ่มากจนออกจากช่องคลอดไม่ได้ ลูกอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะกับการคลอด รกเกาะต่ำ คุณแม่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงจะเกิดอันตราย เป็นต้น

ผ่าคลอด

คือทางเลือกสำหรับคุณแม่ที่มีข้อจำกัด ไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ เช่น แม่และเด็กอาจเป็นอันตรายขณะคลอด

ข้อดี

  • ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน
  • สะดวก สามารถกำหนดช่วงเวลาคลอดได้ตามต้องการ
  • เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย สำหรับคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติไม่ได้

ข้อจำกัด

  • คุณแม่เสียเลือดมากกว่า มีแผลขนาดค่อนข้างใหญ่ที่หน้าท้องและมดลูก ฟื้นตัวช้า
  • มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาพังผืดในช่องท้อง
  • ทารกไม่ได้รับภูมิคุ้มกันจากเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
  • ทารกอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ
  • เสี่ยงเกิดอาการข้างเคียงขณะคลอด และหลังคลอด เช่น แพ้ยาสลบหรือยาระงับความรู้สึก อวัยวะข้างเคียงบาดเจ็บ แผลผ่าตัดติดเชื้อ
  • การตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ส่วนใหญ่จำเป็นต้องผ่าคลอด เพราะมดลูกมีแผลผ่าตัดทำให้ไม่แข็งแรง หากรอเจ็บท้องคลอดอาจมีความเสี่ยงที่มดลูกจะปริ แตกได้

ค่าใช้จ่ายในการคลอดลูก

ค่าใช้จ่ายในการคลอดโดยส่วนใหญ่เป็นแบบเหมาจ่าย มักรวมค่าห้องพักในโรงพยาบาลด้วย โดยแพ็กเกจคลอดธรรมชาติรวมค่าห้องพัก เริ่มต้นที่ 23,880 บาท และแพ็กเกจคลอดแบบผ่าคลอดรวมค่าห้องพัก เริ่มต้นที่ 33,950 บาท

จ่ายค่าคลอดราคาเต็มทำไม? รับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือนและส่วนลดพิเศษสำหรับผู้อ่านรักลูก จากโรงพยาบาลใกล้บ้านคุณ เช็กราคาแพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายที่นี่

สำหรับว่าที่คุณแม่ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ สามารถเลือกดูแพ็กเกจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่หลากหลาย ในราคาคุ้มค่า ได้ทาง HDmall.co.th หรือปรึกษาแอดมินจิ๊บได้ทุกเรื่องทางไลน์ @hdcoth

พิเศษ! สำหรับคุณแม่ที่จอง/ซื้อแพ็กเกจผ่าน HDmall.co.th รับส่วนลดสุดคุ้ม

👉จองแพ็กเกจหมวดหมู่ตั้งครรภ์เกิน 10,000 บาทขึ้นไป รับส่วนลดเพิ่ม 300 บาททันที! โค้ดส่วนลด HDRUKLUK300

👉จองแพ็จเกจคลอดทุกแพ็กเกจ รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาททันที! โค้ดส่วนลด HDRUKLUK1000

  • แพ็กเกจอัลตราซาวด์ 4 มิติ
  • แพ็กเกจฝากครรภ์
  • แพ็กเกจตรวจคัดกรองความผิดปกติของลูกในครรภ์
  • แพ็กเกจคลอด เพียงแจ้งแพ็กเกจที่ต้องการและโค้ดส่วนลด กับแอดมินทางไลน์ @hdcoth ได้เลย จองด่วน! หมดเขต 31 ธันวาคม 2564 เท่านั้น

 

ที่มา

  1. HDmall, ฝากครรภ์ เรื่องสำคัญของคุณแม่ทุกคน (https://hdmall.co.th/c/what-you-need-to-know-about-antenatal-care) 20 SEP 2021.
  2. โรงพยาบาลพญาไท,ตรวจอัลตร้าซาวด์บ่อยๆ_จะส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์หรือไม่, (https://www.phyathai.com/article_detail/3126/th/ตรวจอัลตร้าซาวด์บ่อยๆ_จะส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์หรือไม่?) 20 SEP 2021.
  3. คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, อัลตร้าซาวด์กับการวินิจฉัยทารกในครรภ์ (https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=459) 20 SEP 2021.
  4. คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, NIFTY Test มิติใหม่ของการตรวจโรคพันธุกรรมทารกในครรภ์ (https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/251/NIFTYTest-ตรวจโรคพันธุกรรมทารกในครรภ์/) 20 SEP 2021.
  5. ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, จะคลอดธรรมชาติ หรือ ผ่าคลอด ดีนะ? (https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=430) 20 SEP 2021.

 

 

 

รพ.นวเวช จัดแพ็กเกจ “คลอดเหมาจ่าย” สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

แพ็กเกจคลอด, คลอดเหมาจ่าย

รพ.นวเวช จัดแพ็กเกจ “คลอดเหมาจ่าย” สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

โรงพยาบาลนวเวช โรงพยาบาลย่านเกษตรนวมินทร์ รัชดา-รามอินทรา ที่มุ่งให้บริการทางการแพทย์ที่ดีและเข้าถึงง่าย เราเข้าใจและใส่ใจคุณแม่ตั้งครรภ์ ให้ได้รับการดูแลในโรงพยาบาลตลอดการคลอดโดยสูตินรีแพทย์ ครอบคลุมถึงการดูแลสมาชิกตัวน้อยให้สมบูรณ์และปลอดภัยโดยกุมารแพทย์ด้านทารกแรกเกิด ด้วยแพ็กเกจ คลอดแบบเหมาจ่าย ซึ่งมีให้เลือก 2 แพ็กเกจ คือ แพ็กเกจคลอดปกติ 3 วัน 2 คืน ราคา 35,000 บาท และ แพ็กเกจผ่าตัดคลอด 4 วัน 3 คืน ราคา 45,000 บาท ทั้ง 2 แพ็กเกจจะได้รับวัคซีนลูกน้อย 4 เดือนแรก (เฉพาะวัคซีนหลัก) มูลค่า 4,500 บาท โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แพ็กเกจคลอดแบบเหมาจ่าย เริ่มตั้งแต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2564

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์สุขภาพผู้หญิง ชั้น 2 โรงพยาบาลนวเวช โทร. 0 2483 9999 ต่อ 10221-2