เรื่องเว็บโป๊นี้เราควรยอมรับว่าเป็นเรื่องของยุคสมัย แม้ว่าการยอมรับจะมิได้หมายความว่าให้ดูดาย นี่คือยุคไอที เด็กก่อนวัยรุ่นคนหนึ่ง หรือแม้กระทั่งชั้นประถมต้นสามารถเซิร์ช(search) หาเว็บโป๊หรือนิยายโป๊ได้ง่ายจากมือถือ ในบ้าน และถ้าเราห้าม เขาไปทำนอกบ้าน ด้วยมือถือของเพื่อน เรื่องเหล่านี้เราควรยอมรับ คือยอมรับว่ามีมากมายจริงและเราไม่มีปัญญาห้าม

คำว่าเว็บโป๊นี้มิได้หมายถึงเพียงภาพนู้ดหรือนวนิยายเชิงสังวาสซึ่งอ้างได้ว่ามีวรรณศิลป์ แต่รวมความถึงเว็บระดับ XXX และนิยายที่มีเฉพาะกิจกรรมเพศสัมพันธ์อย่างเดียวด้วยคำศัพท์จะแจ้งทุกอวัยวะ ทั้งนี้ยังไม่นับว่ามีทุกชนิดทั้งกับคนหรือกับสัตว์ แม้กระทั่งกับบิดาหรือมารดา ล้วนหาได้ทั้งนั้น

จึง มี 3 เรื่องที่เราควรรู้ และเตรียมตัวสอนลูกตั้งแต่เนิ่นๆ
1.เพศศึกษามิได้หมายความแคบๆ เพียงเรื่องเพศสัมพันธ์ แต่รวมความถึงการดูแลร่างกายของตนเอง ดูแลพื้นที่สงวน การวางตัวในสังคม เรื่องที่ควรทำกับเพศอื่นๆ เพศตรงข้ามและเพศหลากหลาย ความสามารถที่จะแคร์จิตใจของคนทุกเพศ  วิธีให้เกียรติเพศอื่นๆ  เหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญมากกว่าเรื่องชีววิทยา

แต่เรื่องชีววิทยาก็สำคัญ หาหนังสือและเวลาที่เราสามารถดูร่วมกับลูกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เพื่อสอนเรื่องราวภายในระบบสืบพันธุ์ ประจำเดือนในเด็กหญิง ฝันเปียกในเด็กชาย เพศสัมพันธ์ในสัตว์ที่เคยเห็นทั้งในทีวีหรือชีวิตจริง เพศสัมพันธ์ในคน ถุงยางอนามัย ยาคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ และอย่าลืมการยุติการตั้งครรภ์ไปจนถึงท้องไม่พร้อมหรือท้องในวัยเรียน เรื่องเหล่านี้ควรหาโอกาสคุยกันบ้างตามที่โอกาสจะเปิด

2.ไอทีเราคุมไม่ได้ แต่เวลาเป็นเรื่องที่เราคุมได้ ดีกว่านี้คือฝึกลูกให้รู้จักคำว่า เวลา และ ควบคุมเวลา แน่นอนว่าเด็กคนหนึ่งจะควบคุมเวลาได้เขาต้องเรียนรู้และฝึกที่จะควบคุมตัวเองให้ทำอะไรตามเวลา นั่นคือ executive function(EF) ความสามารถของสมองที่จะควบคุมความคิด อารมณ์ และการกระทำเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย

สำหรับเด็กเล็กหรือเด็กโตที่ควบคุมตัวเองมิได้ เราอาจจะต้องทำตารางกิจวัตรเพื่อให้เขาควบคุมตัวเองให้ปฏิบัติภารกิจตามเวลาได้ ว่าที่จริงแล้วหากเราฝึกทารกหรือเด็กก่อนสามขวบให้กินอาหารและเข้านอนได้ตามเวลาทุกวัน เรื่องอื่นๆจะง่ายขึ้นมาก เพราะนาฬิกาชีวิตในสมองของเขาจะวางโปรแกรมเวลา อะไรๆ ระหว่างนั้นเขาจะจัดการได้ง่าย

3.ความสุขทางเพศเป็นความสุขทางจิตวิญญาณ ต่อให้ดูเว็บโป๊ก็เถอะ ดังนั้นพ่อแม่มีหน้าที่ฝึกลูกให้รู้จักวิธีหาความสุขทางจิตวิญญาณด้วยรูปแบบอื่น รูปแบบอื่นที่เหมาะสมสำหรับเด็กไม่พ้นกีฬาและดนตรี  จึงมีคำแนะนำเสมอว่าเด็กๆ ควรมีกีฬาและดนตรีอย่างน้อย 1 ชนิดประดับกาย คือเล่นเป็นจนใช้การได้และไปวัดไปวาได้ อุปกรณ์สองชิ้นนี้จะช่วยเชิดชูความสุขทางจิตใจและจิตวิญญาณอีกทั้งดึงเวลาที่ควรจะหมกมุ่นทางเพศให้เฉไฉออกไป

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
จิตแพทย์และนักเขียน ขวัญใจพ่อแม่ชาวโซเชียล

เด็ก 9 ขวบ มีอะไรที่เราควรใส่ใจบ้าง

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอายุ 9-10 ขวบ มีเรื่องที่ควรรู้ ดังนี้

1.พัฒนาการที่ผ่านมาแล้ว

หากเราพบปัญหาพฤติกรรมของเด็ก 9-10 ขวบ ขอให้ทราบว่าการแก้ปัญหาปลายเหตุเป็นเรื่องๆอาจจะทำได้ยาก  เรื่องมักจะง่ายกว่าถ้าเราย้อนไปดูพัฒนาการที่ผ่านมาแล้วแล้วซ่อมแซมหรือเสริมสร้างใหม่ไปทีละขั้น

ขั้นที่ 1 แม่มีอยู่จริงหรือยัง หากแม่หรือพ่อมิได้มีอยู่จริงๆ จะสั่งสอนอะไรมักจะยาก เรื่องจะง่ายกว่าถ้าเรากลับไปเพิ่มเวลาเล่นกับลูกเสียใหม่ หรือแม้กระทั่งเพิ่มกิจกรรมการอ่านนิทานก่อนนอนกันอีกครั้งก็เป็นไปได้ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มเวลาที่พ่อแม่ลูกจะใช้ชีวิตด้วยกันและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในยามค่ำคืนก่อนเข้านอน  

ขั้นที่ 2 เขาพัฒนาผ่านขั้นตอนการทดสอบกฎหรือกติกามากพอหรือยัง  ตอนที่เด็กอายุ 2-3 ขวบอันเป็นวัยที่เขามีพลังมาก  เขาจะทดสอบข้อห้ามต่างๆนานาอยู่เสมอหากเราห้ามมากเกินไปเขาจะค้างคา หากเราปล่อยปละละเลยมากเกินไปเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ พัฒนาการที่ไม่เรียบร้อยในเวลานี้จะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมในวันข้างหน้า  ดังนั้นลองย้อนกลับไปเสริมสร้างความสามารถที่จะควบคุมตัวเองให้ทำตามกติกาที่เหมาะสม ไม่มากไปไม่น้อยไป  ทำได้โดยหาเวลาไปเล่นหรือไปทำกิจกรรมด้วยกันนอกบ้าน ในสถานที่โล่งกว้างที่เราไม่จำเป็นต้องมีกฎหรือข้อห้ามอะไรมากมายนัก และเปิดโอกาสให้เขาระบายความคับข้องใจไปจนถึงการลองผิดลองถูก ให้เขาได้ทำมากกว่าไม่ได้ทำ

ขั้นที่ 3 เขาได้ทำงานมากพอหรือยัง  การทำงานเป็นการใช้นิ้วมือทั้งสิบ และนิ้วมือคือสมองที่สอง การทำงานช่วยให้เด็กพัฒนาวงจรประสาทส่วนควบคุมตัวเองได้มากดังนั้นหากเราพบปัญหาพฤติกรรมเมื่ออายุ 8-9 ขวบ เราควรย้อนกลับไปชวนเขาทำงานบ้าน ใช้หลักการ 4 ขั้นตอนคือ ทำให้ดู จับมือทำ ทำด้วยกัน และปล่อยเขาทำ  แล้วชมเชยเมื่อเขาทำสำเร็จ  ผลที่ได้คือเขาจะควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น  

2.พัฒนาการที่กำลังจะมาถึง

ว่ากันว่าเด็กสมัยใหม่เข้าสู่วัยทีนเร็วมาก  ควรระลึกว่าพฤติกรรมบางประการของเขาเป็นไปตามพัฒนาการของวัยรุ่น คือ  

1.ค้นหาอัตลักษณ์  วัยรุ่นเป็นวัยค้นหาอัตลักษณ์ของตนเอง เพื่อเป็นบุคคลใหม่ที่เป็นหนึ่งเดียว เขาพยายามที่จะไม่เหมือนคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป

2.สัมพันธ์คนรัก  วัยรุ่นเป็นวัยที่จะสนใจเพศอื่น  ตื่นเช้ามาก็ครุ่นคิดถึงคนที่รัก หมดเวลาไปกับการทายความในใจของคู่รัก

3.หาแก๊งเข้าสังกัดและเป็นที่ยอมรับของแก๊ง ตอนประถมเขาไปหาเพื่อนเพื่อเล่นหรือทำงานด้วยกัน  แต่พอวัยรุ่นเขาจะไปหาเพื่อนเพื่อทำกิจกรรมที่หลงใหลด้วยกัน ทั้งนี้โดยไม่ฟังคำแนะนำตักเตือนของพ่อแม่

4.กังวลเรื่องสาขาที่จะเรียนและงานที่จะทำในอนาคต 

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

จิตแพทย์และนักเขียน ขวัญใจพ่อแม่ชาวโซเชียล