facebook  youtube  line

5 ความเชื่อผิด ๆ เรื่องสุขภาพช่องปากของลูกที่พ่อแม่ต้องรู้ และทำให้ถูก

ความเชื่อผิด ๆ- ความเชื่อเรื่องฟัน-ความเชื่อเรื่องฟันของเด็ก-ฟันน้ำนมเด็ก-การดูแลฟันน้ำนม-การดูแลฟันเด็ก-สุขภาพฟันเด็ก

5 ความเชื่อผิด ๆ เรื่องสุขภาพช่องปากของลูกที่พ่อแม่ต้องรู้ และทำให้ถูก

คุณแม่หลายคนเคยได้ยินความเชื่อผิด ๆ แบบนี้มาบ้างไหมคะ ถ้าเคยแล้วคุณแม่เชื่อหรือไม่ มาตรวจสอบความจริงด้วยกันกับคุณหมอตุ๊กตา เจ้าของเพจ ฟันน้ำนม กันค่ะ จริงหรือไม่ใช่หรือมั่วมาดูกันเลย!

หลายครั้งที่มีคำถามทั้งทางตรงและทางอ้อม

คุณหมอคะ คนข้างบ้านเค้าบอกว่า...

  1. ฟันน้ำนมไม่ต้องดูแลให้ดีเกินไป เดี๋ยวไม่ยอมหลุด ทำให้ฟันแท้ซ้อนเก
  2. เคลือบฟลูออไรด์ไม่ดี ทำให้ฟันน้ำนมแข็งแรงเกินไปจะไม่ยอมหลุด
  3. ฟันน้ำนมไม่ต้องรักษา เมื่อก่อนเราไม่เห็นต้องทำอะไร
  4. อย่าบังคับลูกแปรงฟัน เดี๋ยวเค้าจะฝังใจกลัว
  5. อย่าใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ให้ลูก เดี๋ยวฟันตกกระ เดี๋ยวอันตราย

ขอสรุปง่าย ๆ ว่า #ทุกข้อที่คนข้างบ้านกล่าวมาด้านบนผิดหมดนะคะ ขอให้มั่นใจว่าสิ่งเหล่านี้เราทำถูกต้องแน่นอน ไม่ไขว้เขวค่ะ

  1. ฟันน้ำนมหลุดได้ตามธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องผุก่อนหลุด และฟันน้ำนมที่ดีแข็งแรงไม่เกี่ยวกับเรื่องฟันแท้ซ้อนเก
  2. เคลือบฟลูออไรด์ ไม่ทำให้ฟันน้ำนมไม่หลุด
  3. ฟันน้ำนมก็ต้องรักษา ก่อนที่จะผุลุกลามจนปวด บวม ติดเชื้อ เป็นหนอง
  4. จับลูกนอนแปรงฟันอย่างสงบ ใจเย็น มีเมตตา ไม่ทำให้ลูกฝังใจกลัว
  5. ใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์ 1000 ppm ให้ลูกได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรก เด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบบีบยาสีฟันเท่าเม็ดข้าวสาร กลืนไปทั้งหมดก็ปลอดภัยแน่นอน


รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"

 

Q&A แม่ท้องดัดฟัน ใส่รีเทนเนอร์จะส่งผลอะไรกับการตั้งครรภ์ไหม

แม่ท้องดัดฟัน


Q&A แม่ท้องดัดฟัน ใส่รีเทนเนอร์จะส่งผลอะไรกับการตั้งครรภ์ไหม

Q: ดิฉันตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้ดัดฟันแล้วเพิ่งเอาเหล็กออก ตอนนี้ใส่รีเทนเนอร์มาตลอด ไม่ทราบว่าถ้าอายุครรภ์มากขึ้นจะมีปัญหาอะไรหรือไม่คะ จะมีปัญหาฟันผุหรือไม่คะ ตอนนี้ก็ดูแลสุขภาพตนเองตามปกติค่ะ

A: รีเทนเนอร์เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนที่เข้าสู่ตำแหน่งเดิมหลังจัดฟัน เท่าที่ทราบทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ใส่ตลอดเวลา ยกเว้นตอนกินอาหาร และตอนแปรงฟัน เท่าที่หมอทราบรีเทนเนอร์มีหลายชนิด เช่น ทำจากโลหะ พลาสติก หรือลวด บางชนิดจะต้องใส่ตลอดเวลาถอดออกไม่ได้ แต่บางชนิดก็สามารถถอดออกได้

ในช่วงตั้งครรภ์แนะนำว่าควรจะเปลี่ยนรีเทนเนอร์เป็นชนิดที่สามารถถอดออกทำความสะอาดได้ง่าย และอาจต้องเอาออกถ้าอายุครรภ์มากขึ้นหรือเจ็บครรภ์คลอด เพราะถ้ามีข้อบ่งชี้หรือต้องคลอดโดยการผ่าตัด แพทย์อาจจะต้องดมยาสลบโดยวิธีการใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งถ้ามีรีเทนเนอร์ในช่องปาก อาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายหรือการหลุดของรีเทนเนอร์เข้าไปในหลอดลมได้

นอกจากนี้ ระหว่างที่ใส่รีเทนเนอร์ ควรดูแลสุขภาพในช่องปากให้ดี หมั่นทำความสะอาดและแปรงฟันทุกครั้งหลังกินอาหาร เพราะถ้ามีการติดเชื้อภายในช่องปากอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้ด้วยค่ะ

รศ.พญ.สายฝน ชวาลไพบูลย์
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา หน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 

คุณหมอแนะนำวิธีแปรงฟันให้ลูกอย่างถูกต้อง ลูกไม่เจ็บ แม่สบายใจ!

 วิธีแปรงฟันเด็ก-ขั้นตอนแปรงฟันเด็ก-การดูแลฟันเด็ก-วิธีดูแลฟันเด็ก-สอนลูกแปรงฟัน-สอนเด็กแปรงฟัน-ลูกแปรงฟันถูกวิธี-ขั้นตอนแปรงฟันเด็ก-ทำยังไงให้ลูกแปรงฟันถูกต้อง-วิธีสอนลูกแปรงฟันเอง

คุณหมอแนะนำ วิธีแปรงฟันให้ลูก อย่างถูกต้อง ลูกไม่เจ็บ แม่สบายใจ !

จะเป็นแปรงฟันแต่ละทีต้องมีน้ำตา สงสารลูกได้แต่ก็ต้องแปรงให้ลูกนะคะ เพื่อสุขภาพฟันที่ดีและสวยงามของเจ้าตัวเล็ก คุณหมอตุ๊กตา เจ้าของเพจฟันน้ำนม มีคำแนะนำวิธีการแปรงฟันให้ลูกแบบไม่เจ็บมาฝากค่ะ

แปรงฟันลูก แนะนำท่านอนนะคะ ท่านอนเป็นท่ามาตรฐานที่จะทำให้ควบคุมน้ำหนักมือได้ง่าย ลูกไม่ส่ายหัวไปมา มองเห็นฟันลูกชัดทุกซี่ แปรงได้สะอาดทั่วปาก และมีข้อแนะนำเพิ่มเติม เพื่อให้มั่นใจว่าลูกจะไม่เจ็บตอนแปรงฟันค่ะ

  1. หัวแปรงสีฟันควรมีขนาดเล็ก เด็กเล็กมีปากและเหงือกเล็ก ถ้าหัวแปรงสีฟันมีขนาดใหญ่ จะเจ็บปาก คับปาก แปรงยาก
  2. ขนแปรงสีฟันแทบจะไม่มีผลเรื่องความเจ็บของลูก ขนแปรงสีฟันสำหรับเด็กในท้องตลาดเป็นแบบขนนุ่มอยู่แล้ว ไม่ต้องพยายามเลือกขนแปรงที่นุ่มมาก (นุ่มมากเกินไป แปรงไม่สะอาดเลย) เน้นให้เปลี่ยนแปรงสีฟันเมื่อขนแปรงเริ่มบาน เพราะเมื่อขนแปรงบานนอกจากจะลดประสิทธิภาพในการแปรงฟัน ขนแปรงที่บาน ๆ จะทำให้ลูกเจ็บเหงือก
  3. ปากลูกต้องไม่มีแผล แผลร้อนใน แผลกระแทกต่าง ๆ แปรงแล้วเจ็บแน่นอน ถ้าลูกดูร้องไห้มากกว่าปกติเมื่อแปรงฟันในตำแหน่งต่าง ๆ ให้ใช้ไฟส่องปาก แหวกปากลูก ตรวจดูให้ทั่วว่าไม่มีแผล (ถ้าพบว่ามีแผลจริง เวลาแปรงฟันในตำแหน่งนั้นต้องนุ่มนวลมาก ๆ หรืออาจใช้ผ้าเช็ดไปก่อน เมื่อแผลหายให้รีบกลับมาแปรงโดยเร็ว)
  4. เล็บสั้น ไม่คม สำคัญเลยนะคะ เล็บคนแปรงต้องสั้น ไม่คม เราจะได้แหวกปากลูกได้โดยเค้าไม่เจ็บ
  5. นิ้วที่แหวกปากลูก นอกจากจะช่วยทำให้เห็นฟันที่แปรงชัดเจน ยังเป็นตัวช่วยกันแปรงกระแทกปากลูกอีกด้วย (แหวกปากตามภาพ)
  6. ตอนแหวกปากลูก อย่ากดนิ้วลงบนกระดูก ลูกจะเจ็บ ให้แหวกที่กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก
  7. ลูกต้องอยู่นิ่ง ถ้าดิ้นมาก เจ็บแน่นอน เพราะแปรงจะกระแทกปากลูกเวลาแปรงฟัน จับลูกนอน ศีรษะลูกอยู่หว่างขาแม่ ถ้าลูกดิ้นมากใช้ขาล็อคไว้ หรือใช้ผ้าห่อตัว ถ้ามีคนช่วยจับจะดีมากค่ะ

ถ้ามั่นใจว่าทำได้ครบทุกวิธีข้างต้นแล้วลูกยังร้องไห้ ให้แปรงฟันต่อไปอย่างสงบ ใจเย็น มีเมตตา และมีความสุขนะคะ สักวันลูกจะร่วมมือแปรงฟันได้ดีเองค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"

จริงมั้ย ทำฟันช่วงท้อง เสี่ยงแท้งลูก!

แม่ท้องทำฟัน-แม่ท้องฟันผุ

จริงมั้ย ทำฟันช่วงท้อง เสี่ยงแท้งลูก!

มีคุณแม่ตั้งครรภ์ถามกันมาเยอะค่ะว่า "ทำฟันช่วงตั้งท้องเสี่ยงแท้งจริงไหมคะ" เพราะในช่วงนี้เกิดปัญ

หาฟันผุบ้าง เหงือกอักเสบบวมบ้าง ปัญหานี้เราหาคำตอบมาให้แล้วโดยผู้เชี่ยวชาญของเราค่ะ 

ทำไมแม่ท้องถึงฟันผุและเหงือกอักเสบได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนขณะตั้งครรภ์ ทำให้เหงือกอักเสบได้ง่ายขึ้น
  • การตั้งครรภ์ทำให้แม่ท้องเกิดอาการคลื่นเหียนอาเจียนอยู่บ่อยๆ อาการเช่นนี้ทำลายผิวเคลือบฟันของแม่ท้องได้ เนื่องจากฟันด้านหลังจะสัมผัสกับกรด ซึ่งทำลายผิวฟัน ทำให้ฟันสึกง่ายขึ้น
  • การกินจุบจิบมากขึ้น มีโอกาสที่จะเกิดฟันผุมากขึ้นตามไปด้วย
  • ขณะตั้งครรภ์ อาจเกิดภาวะน้ำลายน้อย ทำให้ปากค่อนข้างแห้ง อาการฟันผุก็จะมี โอกาสเกิดได้สูงขึ้น

เมื่อแม่ท้องต้องทำฟัน อุดฟัน รักษาเหงือก จะต้องเตรียมตัวอย่างไร

  1. แจ้งคุณหมอว่ากำลังตั้งครรภ์อยู่ คุณหมอจะได้ระมัดระวังเป็นพิเศษ
  2. ช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นช่วงที่มีความปลอดภัยที่สุดหากต้องทำฟัน เพราะการทำฟันช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสุดท้าย จะมีความเสี่ยงกับการแท้งและคลอดก่อนกำหนดได้
  3. เลือกทำเฉพาะกรณีที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ฟันผุใกล้โพรงประสาทฟัน เหงือกมีการอักเสบมาก หรือไม่ใช้เวลานานเกินไป เช่น การขูดหินปูน อุดฟัน ส่วนการทำฟันที่ยุ่งยากซับซ้อน ต้องใช้เวลานาน ควรทำหลังคลอดลูกแล้ว

การดูแลฟันช่วงตั้งครรภ์

  • เน้นการดูแลความสะอาดมาเป็นพิเศษ เพราะช่วงตั้งครรภ์แม่ท้องบางคนทานเยอะ อาหารบางอย่างอาจติดตามซอกฟันหรือมีฤทธิ์กัดกร่อยผิวเคลือบฟัน รวมถึงการอาเจียนจากการแพ้ท้องก็ทำให้กรดที่ออกมากัดกร่อนฟันได้เช่นกัน
  • แปรงฟันอย่างถูกวิธี ร่วมกับการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารต้านจุลชีพ ให้การทำความสะอาดทั่วถึงยิ่งขึ้น เพื่อลดปริมาณเชื้อที่ก่อให้เกิดฟันผุ และใช้ไหมขัดฟันเข้าช่วย เพื่อสุขภาพปากและฟันที่แข็งแรงอยู่เสมอ
  • ควรตรวจสุขภาพฟันทุก 3 เดือน หรือ ตรวจร่วมกับช่วงที่ไปตรวจสุขภาพฟัน

คนท้องทำฟัน อุดฟัน เสี่ยงแท้งจรริงไหม?

การทำฟันมักทำให้รู้สึกกลัว เครียด หรือ มีอาการเจ็บปวดในบางราย ซึ่งนั่นคือหนึ่งในสาเหตุที่จิตใจส่งผลต่อร่างกายคุณแม่ตั้งครรภ์ทำให้ "อาจมีโอกาส" แท้งได้ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายบอบบางมาก ไม่ควรมีความเครียดกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ  หรือ ในกรณีที่มีปัญหาช่องปากรุนแรงในช่วงใกล้คลอดจนต้องรักษาฟัน ความเครียดที่เกิดขึ้นก็อาจเป็นสาเหตุให้คลอดก่อนกำหนดได้เช่นเดียวกัน รวมถึงอาจส่งผลเรื่องความดันสูงอยู่บ้าง

ปัจจุบันเทคโนโลยีและสถานบริการรักษาฟันทันสมัยมาก สะดวกสบาย คุณแม่ทตั้งครรภ์สามารถเลือกใช้บริการได้ด้วยการเลือกโรงพยาบาลที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และจะต้องปรึกษาแพทย์ผู้ดูแลครรภ์และทันตแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อประเมินการรักษาและการดูแลได้อย่างถูกต้องปลอดภัย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก: รศ.ทพญ. ดร.ศิริรักษ์ นครชัย คณะทันตแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัย มหิดล

ปัญหาช่องปากและฟันอาจเสี่ยงกับพัฒนาการทารกในครรภ์

คนท้องฟันผุ-คนท้องทำฟันได้ไหม

ปัญหาช่องปากและฟันอาจเสี่ยงกับพัฒนาการทารกในครรภ์

คุณแม่ท้องมักจะมีปัญหาสุขภาพช่องปาก เพราะในช่วงนี้ร่างกายของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน ซึ่งไม่ควรมองข้ามเรื่องการดูแลปากและฟันนะคะ เพราะกรมการแพทย์ เผยข้อมูลว่าปัญหาสุขภาพช่องปากของคุณแม่จะส่งผลต่อลูกในท้องด้วย

แม่ท้องมีโอกาสเกิดโรคเหงือกอักเสบ ปริทันต์อักเสบรุนแรง และเกิดฟันผุ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นมากขึ้นจึงเกิดการอักเสบ ส่วนที่เกิดฟันผุได้มากขึ้นเนื่องจากการทานอาหารบ่อยครั้ง นอกจากนี้การอาเจียนบ่อย ๆ ตอนแพ้ท้อง ก็ทำให้เกิดปัญหาฟันกร่อน จากการที่ฟันสัมผัสน้ำย่อยซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดด้วย

หากคุณแม่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก จะส่งผลต่อลูกอย่างไรบ้าง

  1. หากคุณแม่เป็นโรคปริทันต์ หรือ โรคเหงือกอักเสบ มีความเสี่ยงที่จะคลอดก่อนกำหนดและทารกแรกคลอดมีน้ำหนักตัวน้อย สูงถึง 7.5 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับมารดาที่ไม่ได้เป็นโรคปริทันต์ ซึ่งการาคลอดก่อนกำหนดอาจจะส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กในระยะยาวด้วย

  2. หากคุณแม่เป็นโรคฟันผุ ก็จะทำให้ลูกมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคฟันผุเพิ่มขึ้นด้วย เพราะเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นสาเหตุของโรคฟันผุจะส่งต่อจากคุณแม่ไปสู่ลูกผ่านทางน้ำลาย เช่น การใช้ช้อนแก้วน้ำร่วมกันการชิมอาหาร เป่าอาหาร การจูบ ลูกจะฟันผุง่ายขึ้นหากได้รับเชื้อซ้ำๆ

วิธีดูแลช่องปากและฟันของแม่ท้อง

  1. เมื่ออายุครรภ์ 4 – 6 เดือน ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันและทำความสะอาดช่องปาก ไม่ควรรอจนกระทั่งมีอาการ
  2. แปรงฟันให้สะอาด อย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ นาน 2 นาที ร่วมกับการทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน
  3. หลังอาเจียนจากการแพ้ท้องหรือทานอาหารเปรี้ยว ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้ง
  4. หลีกเลี่ยง การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน นมเปรี้ยว เป็นต้น

เห็นไหมคะ ว่าปัญหาสุขภาพช่องปากของคุณแม่ท้องไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่มองข้ามได้เลย ดังนั้นตอนการฝากครรภ์ก็ควรสอบถามถึงปัญหาเกี่ยวกับเหงือกและฟันตั้งแต่ครั้งแรกด้วยนะคะ เพื่อที่จะได้รับการตรวจสุขภาพช่องปากจากทันตแพทย์ รวมถึงการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากค่ะ

ขอบคุณข้อมูลจาก : ประชาสัมพันธ์ กรมการแพทย์

พ่อแม่ควรรู้วิธีรับมือ แผลในปาก 4 ชนิด ที่เด็กมักจะเป็น

แผลในปาก-แผลร้อนใน-การรักษาแผลในปาก

พ่อแม่ควรรู้วิธีรับมือ แผลในปาก 4 ชนิด ที่เด็กมักจะเป็น

แผลในปาก ส่วนใหญ่แล้วจะหายไปได้เอง แต่ก็สร้างความเจ็บปวดให้เด็ก ๆ อย่างมาก ดังนั้นคุณพ่อกับคุณแม่ต้องรู้จักอาการของแผลในปากแต่ละชนิดนะคะ เพื่อรักษาให้ถูกวิธีค่ะ

แผลในปาก มี 4 ประเภท
  1. แผลร้อนใน

เป็นแผลที่พบได้บ่อยที่สุด ลักษณะจะเป็นแผลเดี่ยว ขอบชัด ดูก้นแผลมีสีขาว ๆ เจ็บมาก แต่ในเด็กบางคนอาจเป็นมากกว่า 1 แผล แผลร้อนในประเภทนี้ ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร อาจเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดใดชนิดหนึ่ง หรืออาจเกิดจากหลายสาเหตุปนกันระหว่างที่ระบบภูมิต้านทานของร่างกายอ่อนแอลง เช่น กำลังไม่สบาย เป็นหวัดแผลชนิดนี้มักจะจู่โจมและเกิดในช่วงที่ร่างกายอ่อนแอ

การรักษา

หากลูกเป็นแผลในปากแบบแผลเดี่ยว ถ้าดูแล้วเห็นเป็นแผลเล็ก ๆ แผลเดียวหรือ 2 แผล แต่ลูกยังแข็งแรงดี ไม่มีอาการอื่น ๆ ก็อาจไม่ต้องทำอะไร ปล่อยให้หายเองได้ค่ะ ไม่มีอันตรายใด ๆ

แต่หากลูกเจ็บมากอาจซื้อยาป้ายแผลในปากประเภทยาสเตียรอยด์ที่มีขาย เช่น Kenalog in Orabase แต่ต้องระวังไม่ควรใช้มากเกินไป ควรใช้เพียงเท่าหัวไม้ขีดไฟ อาจใส่ยาที่ปลายไม้พันสำลีแล้วป้ายไปให้ตรงตำแหน่งของแผล ภายใน 2-3 วัน อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นและหายไป หากใช้ยาแล้วไม่ดีขึ้นใน 1-2 วัน ควรไปพบแพทย์เพื่อดูว่าเป็นโรคอื่นหรือไม่  

  1. แผลจากเชื้อเริม

เชื้อเริมเป็นเชื้อที่พบบ่อย ๆ ในคนทั่วไป โดยเชื้ออาจอยู่ในน้ำลายหรืออยู่บนแผล จะเป็นตุ่มใส ๆ หรือตุ่มแตกเป็นแผลเหมือนแผลร้อนใน เด็กบางคนเป็นหลาย ๆ แผลในปาก ทั้งบนลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม เพดาน แผลเหล่านี้มักเจ็บมากจนรับประทานอะไรไม่ได้เลย

การได้รับเชื้อส่วนใหญ่มักบอกไม่ได้ว่าได้รับเชื้อจากที่ไหน เพราะคนที่แพร่เชื้อให้มักไม่ค่อยมีอาการ หรือมีอาการน้อย แต่บางครั้งอาจพอทราบได้ เช่น ผู้ใหญ่ที่มีแผลเริมไปหอมเด็ก เด็กก็จะติดเชื้อได้ หรือบางครั้งเด็ก ๆ ก็ติดกันเองจากของเล่น เวลาที่เด็กเล่นด้วยกัน หรืออาจติดจากการดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ดูดน้ำจากหลอดเดียวกัน เป็นต้น

การรักษา

แผลชนิดนี้จะหายได้เอง แต่จะเจ็บมากอยู่หลายวัน ดังนั้น จึงควรพาลูกไปหาหมอถ้าสงสัยว่าจะเป็นแผลในปากจากเชื้อเริม ในกรณีที่เป็นมากคุณหมอจะสั่งยาฆ่าไวรัสให้ แต่หากเป็นไม่มากนัก คุณหมอจะให้ยาทาเพื่อลดความเจ็บปวด  

  1. แผลจากโรคมือเท้าปาก

โรคนี้เกิดจากเชื้อเอ็นเทอโรไวรัส ซึ่งมีหลายสายพันธุ์ และมีหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคได้ ลักษณะคือ มีแผลเหมือนแผลร้อนในหลายแผลในปาก กระพุ้งแก้ม เพดาน แต่มักจะไม่มาถึงริมฝีปาก และมีผื่นแดงหรือตุ่มน้ำใสขึ้นที่ฝ่ามือ และฝ่าเท้าด้วย อาจมีไข้หรือไม่มีก็ได้ เด็กจะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ และบางครั้งอาจมีเพียงแผลในปากโดยไม่มีผื่นที่ฝ่ามือและฝ่าเท้าก็ได้ บางคนมีผื่นที่ลำตัวร่วมด้วย

แม้โรคมือเท้าปากโดยทั่วไปจะไม่มีอะไรรุนแรง มีเด็กบางรายที่ติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่รุนแรง คือเอ็นเทอโรไวรัส เบอร์ 71 (EV-71) เพราะเชื้อชนิดนี้บางครั้งจะขึ้นสมองและทำให้เด็ก ๆ เป็นโรคสมองอักเสบที่รุนแรงมาก ๆ ได้ โดยเด็กจะมีไข้ มักมีอาการอาเจียน ซึม และชัก

การรักษา

สำหรับโรคมือเท้าปากจะไม่มียารักษาจำเพาะ ต้องปล่อยให้หายเองและรักษาตามอาการ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เกินหนึ่งสัปดาห์ก็จะหายเป็นปกติ แต่หากเด็กรับประทานอาหารไม่ได้ จนร่างกายขาดน้ำ ก็ต้องพาไปให้น้ำเกลือ และถ้าเด็กมีอาการไข้ ซึม อาเจียน ควรให้แพทย์ดูแลอย่างไกล้ชิด  

  1. แผลจากสาเหตุอื่น ๆ

คนที่มีโรคประจำตัวต่าง ๆ ก็สามารถเกิดแผลในปากขึ้นได้ เช่น แผลในปากซึ่งเป็นอาการของโรคอื่น ๆ เช่น แผลในปากที่สัมพันธ์กับโรค SLE โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือแผลในปากที่สัมพันธ์กับโรคเม็ดเลือดขาวต่ำ แผลในปากที่สัมพันธ์กับโรคภูมิต้านทานบกพร่อง หรือโรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากนี้ ยาบางชนิดก็ทำให้เกิดแผลในปากได้ด้วย  

อาการของแผลในปากในเด็กนั้น มักจะมีลักษณะไม่แตกต่างกันมากนัก คือ เป็นเป็นแผลขาว ๆ ในปากเหมือนกัน แต่อาจสังเกตได้โดยดูอาการทั่ว ๆ ไป และดูตำแหน่งของแผล คือ ถ้าอาการทั่ว ๆ ไปดีมาก จำนวนแผลมีแค่ 1 แผล ไม่มีไข้

การักษา

อาการจะดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องไปพบคุณหมอ แต่หากมีหลายแผล รวมทั้งมีไข้ร่วมด้วย หรือเด็กมีอาการซึมลง รับประทานอาหารได้น้อย ควรพาไปหาคุณหมอ สำหรับเด็กอ่อน แผลในปากอาจเกิดจากเชื้อรา ควรให้แพทย์ตรวจเพื่อสั่งยาฆ่าเชื้อราให้ค่ะ

ฟันกรามแท้ของลูกขึ้นตอนอายุเท่าไหร่

ฟันกรามของเด็ก-ฟันกรามของลูก-ฟันกรามซี่แรก- ลูกฟันกรามขึ้นตอนอายุเท่าไหร่- ลูกปวดฟันกราม-วิธีสีงเกตลูกฟันกรามขึ้น-ลูกฟันกรามขึ้น-ฟันกรามน้ำนม 

ฟันกรามแท้ของลูก ขึ้นตอนอายุเท่าไหร่?

เมื่อลูกอายุประมาณ 5-7 ขวบ จะมีฟันกรามแท้ซี่แรกขึ้นในช่องปาก โดยขึ้นบนเหงือกเปล่า ด้านหลังฟันกรามน้ำนมซี่สุดท้าย เพราะฟันซี่นี้ขึ้นมาบนเหงือกเปล่า ไม่ได้ขึ้นแทนฟันน้ำนม

พ่อแม่หลายท่านมักเข้าใจผิดว่าซี่นี้เป็นฟันน้ำนม หลายครั้งหมอพบเด็ก 7-8 ขวบ บ่นปวดฟันกรามซี่นี้ คุณแม่พามาพบหมอฟันตั้งใจพามาถอนฟัน เมื่อแจ้งว่าเป็นฟันแท้ หลายท่านสงสัย อดเถียงหมอไม่ได้ว่าเป็นฟันน้ำนมค่ะ ฟันน้ำนมเค้ายังไม่เคยหลุดเลย ฟันซี่นี้จะเป็นฟันแท้ได้อย่างไร นั่งอธิบายกันจนเข้าใจดี คุณแม่ถึงกับหน้าเสีย ที่ต้องถอนฟันกรามแท้ (ที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นฟันน้ำนม) ตั้งแต่อายุยังน้อย (จริง ๆ มีทางเลือกการรักษาอื่นที่ทดแทนการถอนฟันได้นะคะ คือการรักษารากฟัน แต่หลายบ้านมีข้อจำกัดหลายด้าน จำเป็นต้องเลือกการถอนฟันเป็นการรักษา)

ลูกอายุ 5-7 ขวบเมื่อไร ให้ตั้งข้อสงสัยว่า ลูกอาจมีฟันกรามแท้ซี่แรกขึ้นมาในช่องปากแล้วนะคะ สิ่งหนึ่งที่ดีที่สุดคือ พาลูกไปพบหมอฟันเป็นประจำ (เริ่มพบหมอฟันได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรก) หากหมอฟันตรวจดูว่าลูกเริ่มมีฟันแท้ขึ้นแล้ว จะได้แจ้งคุณแม่ได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ค่ะ

 

รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"

 

ลูกฟันผุอย่าปล่อยทิ้งไว้ เสี่ยงติดเชื้อรุนแรงลามอวัยวะข้างเคียง

การเลี้ยงลูก-พัฒนาการ-สอนลูก-แปรงฟัน-ฟันผุ-ลูกฟันผุ

ลูกฟันผุอย่าปล่อยทิ้งไว้ เสี่ยงติดเชื้อรุนแรงลามอวัยวะข้างเคียง

ฟันผุเกิดจากการมีเศษอาหารไปค้างอยู่ตามซอกฟัน หรือมีน้ำตาลจากอาหารที่อยู่ในปากและสัมผัสกับฟันอยู่เป็นเวลานาน จึงทำให้เชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนแผ่นคราบฟันเกิดกระบวนการย่อยสลายเศษอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้กลายเป็นกรดแลคติกที่มีฤทธิ์ทำลายแร่ธาตุที่ผิวฟัน  จนทำให้ฟันผุกร่อนไปทีละน้อยจากชั้นเคลือบฟันภายนอกเข้าไปในเนื้อฟันจนทะลุถึงชั้นโพรงประสาทฟัน ทำให้เกิดอาการปวดฟัน หรือฟันอักเสบเป็นหนอง โดยเริ่มจากรูเล็กๆแล้วลุกลามใหญ่ขึ้นจนกลายเป็นฟันผุ 

สาเหตุการเกิดฟันผุ ดังนี้

1.แบคทีเรียในช่องปาก 

2.การดื่มน้ำหวาน น้ำอัดลม 

3.กินขนมขบเคี้ยวเป็นประจำ 

4.ไม่ชอบแปรงฟัน 

สาเหตุเหล่านี้หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รีบรักษา อาจลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟันทำให้เกิดการอักเสบ หากเชื้อโรคลุกลามไปที่รากฟัน เกิดหนอง จะส่งผลเสียต่ออวัยวะสำคัญข้างเคียง ไม่ว่าจะเป็น ตา โพรงไซนัส และสมอง เสี่ยงต่อการติดเชื้อและกระจายไปอวัยวะต่างๆ 

อาการที่พบ

-มีรูหรือมีรอยผุที่ฟัน 

-เสียวฟันมากขึ้นเมื่อดื่มหรือรับประทานอาหารหวาน ร้อนจัดหรือเย็นจัด 

-ปวดฟัน มีอาหารติดบริเวณซอกฟันบ่อยๆ 

วิธีการป้องกันฟันผุสำหรับเด็ก

1.พ่อแม่ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเป็นประจำทุก 6 - 12 เดือน

2.สอนให้ลูกแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอน 

3.ใช้ไหมขัดฟันเพื่อช่วยทำความสะอาดซอกฟันที่ขนของแปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึง

4.ลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง เช่น มันฝรั่งทอด ขนมขบเคี้ยว ลูกอม ผลไม้อบแห้ง เป็นต้น

ดังนั้นการป้องกันฟันผุจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเด็กเล็ก พ่อแม่ควรใส่ใจ โดยหมั่นสังเกตฟันของเด็ก เพื่อตรวจหาบริเวณที่ผิวฟันเป็นรู  ฟันที่มีการเปลี่ยนเป็นสีดำหรืออาจมีอาการปวดฟัน 

 

ที่มา : กรมการแพทย์

ลูกฟันเป็นคราบสีดำ เกิดจากอะไร แก้ไขหรือป้องกันได้ไหม?

ฟันมีคราบสีดำ-ฟันลูกมีคราบดำ-ทำไมฟันลูกมีคราบดำ-สาเหตุที่ฟันลูกมีคราบดำ-วิธีรักษาฟันมีคราบดำ-ดูแลฟันมีคราบดำ-ฟันลูกมีคราบดำต้องทำอย่างไร-ทำอย่างไรไม่ให้ฟันมีคราบดำ- 

ฟันของลูกเป็นคราบสีดำ เกิดจากอะไร แก้ไข หรือ ป้องกัน ได้หรือไม่?

ลูกมีฟันเป็นคราบสีดำ (black stain) ดูไม่สวยงามเลยค่ะ เกิดจากอะไร แก้ไขหรือป้องกันได้มั้ย คุณหมอตุ๊กตา เจ้าของเพจฟันน้ำนม มีคำแนะนำค่ะ

สาเหตุฟันติดคราบสีดำ

เกิดจากหลายสาเหตุค่ะ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากแบคทีเรียบางชนิดในช่องปาก หรือได้รับวิตามินธาตุเหล็กเสริม ได้รับนมหรืออาหารที่มีธาตุเหล็กสูง

บางการศึกษาพบว่าอาจมีความสัมพันธ์กับการหายใจทางปากและโรคระบบทางเดินหายใจ ไม่เกี่ยวกับการใช้ยาสีฟันฟลูออไรด์

ฟันติดคราบสีดำพบได้ทั้งในชุดฟันน้ำนม หรือชุดฟันผสม (มีทั้งฟันน้ำนมและฟันแท้ขึ้นในปาก) โดยจะเห็นเป็นคราบสีดำหรือสีน้ำตาลติดอยู่บนผิวฟัน ซึ่งไม่มีอันตรายใด ๆ แค่ดูไม่สวยงาม (ไม่ได้เกิดจากแปรงฟันไม่สะอาด) สามารถพบหมอฟันเพื่อขัดออกได้

แต่คราบสีดำก็มักจะขึ้นมาใหม่เรื่อย ๆ จึงอาจต้องพบหมอฟันเป็นประจำเพื่อขัดออกค่ะ หมอเคยเจอเด็กบางคนพอโตขึ้นก็ค่อย ๆ จางลงและหายไปเอง บางคนก็มีคราบติดสีดำติดอยู่เรื่อย ๆ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการป้องกันคราบสีดำนี้ค่ะ

รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"

ลูกมีกลิ่นปาก พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม มาดูสาเหตุและวิธีแก้ไข

ลูกมีกลิ่นปาก-กลิ่นปาก-เด็กมีกลิ่นปาก-มีกลิ่นปากทำไงดี-วิธีแก้ไขเวลามีกลิ่นปาก-ลูกมีกลิ่นปากเพราะอะไร-ปัญหาช่องปาก

ลูกมีกลิ่นปาก พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม มาดูสาเหตุและวิธีแก้ไข

เด็กมีกลิ่นปาก เป็นปัญหาที่พบบ่อยแม้ว่าลูกจะเป็นเด็กที่มีสุขภาพดี ก่อนอื่นเรามาดูสาเหตุที่ทำให้เด็กมีกลิ่นปาก พร้อมวิธีแก้ไขมาฝากค่ะ ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจมองหาสาเหตุก่อน และจึงหาวิธีแก้ปัญหา และควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม

สาเหตุที่ทำให้เด็กมีกลิ่นปาก

1.การแปรงฟันของเด็ก

สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึง คือ การแปรงฟันของเด็ก ว่าเด็กแปรงฟันได้ดีหรือเปล่า เพราะถ้าหากเด็กไม่ได้แปรงฟันทุกวัน วันละ 2 ครั้ง และแปรงฟันไม่ถูกวิธี  พ่อแม่ละเลยการแปรงฟัน เช่น แปรงแค่บริเวณฟันหน้าเพียงอย่างเดียว ก็อาจทำให้มีเศษอาหารหลงเหลืออยู่ตามซอกฟัน บวกกับมีแบคทีเรียในช่องปาก อาจจะทำให้ฟันผุ จนทำให้เกิดปัญหากลิ่นปากในที่สุด

วิธีแก้ไข : แปรงฟันทุกวัน วันละ 2 ครั้ง และแปรงฟันให้ถูกวิธี

 

  1. ปัญหาคราบหินปูน (plaque)

คราบหินปูน (plaque) ไม่ได้เกิดแค่เฉพาะกับผู้ใหญ่ แต่เด็กก็สามารถมีคราบหินปูนได้ ซึ่งการแปรงฟันทุกวันด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ จะสามารถช่วยป้องกันฟันผุ และยังช่วยป้องกันคราบหินปูนด้วย

วิธีแก้ไข : คุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูกแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ก่อนกินอาหารเช้า และหลังจากกินอาหารเย็น หรือเวลาตื่นนอนและก่อนเข้านอน นอกจากนี้ถ้าลูกยังอยู่ในวัยเตาะแตะ การให้ลูกนั่งตัก และคุณพ่อคุณแม่ช่วยลูกแปรงฟัน ก็จะช่วยทำให้แปรงฟันได้สะดวกขึ้น

 

  1. ปากแห้ง

ปากแห้งสามารถทำให้เกิดปัญหากลิ่นปากได้ โดยบางครั้งลูกอาจจะมีอาการป่วย จนทำให้หายใจไม่สะดวก เลยต้องหายใจทางปาก ก็อาจทำให้เด็กมีอาการปากแห้งได้ แล้วถ้าลูกของคุณชอบดูดนิ้ว หรือดูดผ้าห่ม ก็มีแนวโน้มว่าจะมีอาการปากแห้ง ซึ่งส่งผลให้แบคทีเรียในช่องปากเติบโตได้ดี

เพิ่มเติมไปกว่านั้น ถ้าเด็กมีอาการป่วยก็มีแนวโน้มว่าแบคทีเรียในช่องปาก จะยิ่งทำให้มีปัญหากลิ่นปากมากขึ้น เพราะว่าทั้งอาการป่วย และอาการปากแห้ง สามารถทำให้แบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตได้ดี และเด็กอาจจะมีการผลิตเสมหะในคอมากขึ้น รวมถึงมีน้ำลายในช่องปากน้อยลง ก็ส่งผลให้มีปัญหากลิ่นปากในที่สุด

วิธีแก้ไข : ให้ลูกดื่มน้ำให้เพียงพอตามที่ร่างกายต้องการ การดื่มน้ำกับช่วงอายุต่าง ๆ เด็กเล็กควรดื่มน้ำอย่างน้อย 6 แก้วต่อวัน เด็กโตและผู้ใหญ่ ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้วหรือ 1.5 ลิตรต่อวัน

 

  1. แปรงสีฟัน

เวลาแปรงฟันพ่อแม่ควรค่อย ๆ แปรงฟันของลูกไปทีละซี่ ไม่ควรแปรงฟันในลักษณะที่เลื่อยไปเลื่อยมาด้านข้าง เพราะอาจทำให้เหงือกของเด็กเกิดความเสียหายได้ ดังนั้นเวลาแปรงฟันควรโฟกัสไปที่การทำความสะอาดฟันแต่ละซี่ ค่อยๆ ปัดขึ้น-ลงไปทีละซี่ทั้งด้านในและด้านนอก

วิธีแก้ไข : ควรเลือกใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็ก ที่มีขนาดเหมาะสมกับปากของลูก และควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก ๆ 3 เดือน 

 

  1. สาเหตุมาจากการติดเชื้อ

ถ้าเด็กมีอาการติดเชื้อ เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ก็สามารถทำให้มีกลิ่นปากได้

รวมถึงมีอาการอื่นๆ เช่น เจ็บคอ ไอ ซึ่งปัญหากลิ่นปากจะไม่หายไปถ้าเด็กๆ ไม่ได้รักษาอาการที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ

วิธีแก้ไข : คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ หากลูกมีอาการป่วยต่างๆ

 

  1. จุกนมเจ้าปัญหา

ถ้าลูกของคุณใช้จุกนม อย่างไรก็ตามอาจลองให้ลูกเลิกใช้จุกนม และนอกจากจุกนมแล้ว ถ้าเด็กชอบดูดนิ้วมือ ควรล้างมือของลูกให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรคและการสะสมแบคทีเรียในช่องปาก ที่จะทำให้มีปัญหากลิ่นปากตามมา

วิธีแก้ไข : คุณพ่อคุณแม่ควรล้างทำความสะอาดจุกนมให้บ่อย เพื่อฆ่าเชื้อโรค โดยอาจทำความสะอาดด้วยน้ำยาล้างจาน

 

 

คำแนะนำ

คุณพ่อคุณแม่ควรปรึกษาทันตแพทย์ด้วยนะคะ ทางคุณหมอจะให้คำแนะนำที่ดีที่สุด เพื่อสุขภาพอนามัยในช่องปากของลูกน้อย จะได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี และหากลูกมีกลิ่นปากเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ เพราะว่าอาจหมายถึงปัญหาสุขภาพบางอย่าง ที่ต้องได้รับการรักษา





 

หายจริง! ลูกเลือดออกตอนแปรงฟัน ทำตามวิธีรักษาของหมอฟันเด็ก

 ปัญหาฟัน- ปัญหาสุขภาพช่องปาก- เลือดออกตอนแปรงฟัน- เลือดออกตอนแปรงฟันอันตรายไหม- สาเหตุเลือดออกตอนแปรงฟัน

ลูกเลือดออกตอนแปรงฟัน ทำตามวิธีรักษาของหมอฟันเด็ก

จบปัญหา! ลูกเลือดออกตอนแปรงฟัน รู้สาเหตุแล้วแก้ไขตามคำแนะนำของคุณหมอตุ๊กตา เจ้าของเพจ ฟันน้ำนม

“แปรงฟันลูกเลือดออกเพราะแม่แปรงแรงไปรึเปล่า แม่ก็ว่าเบามือที่สุดแล้ว”

“แปรงฟันลูกเลือดออกเพราะขนแปรงแข็งไปรึเปล่า แม่ก็หาแปรงขนนุ่มที่สุดแล้ว”

จากประสบการณ์ตรง เกือบ 100% ของเด็กที่เลือดออกตอนแปรงฟัน สาเหตุเพราะแปรงฟันไม่สะอาด ไม่เกี่ยวกับขนแปรงแต่อย่างใด ถ้าเราแปรงฟันลูกไม่สะอาด จะมีคราบจุลินทรีย์สะสมบนตัวฟัน คราบจุลินทรีย์เหล่านี้จะเป็นที่อยู่ของเชื้อโรค ทำให้เหงือกอักเสบ

แปรงฟันแล้วเลือดออก อยากรู้ว่ามีคราบจุลินทรีย์อยู่บนฟันลูกหรือไม่ ลองใช้เล็บเราขูดฟันลูกบริเวณใกล้เหงือก ถ้ามีคราบสีขาวหรือขาวอมเหลืองติดออกมาบนเล็บ นั่นแหละคือคราบจุลินทรีย์ (เรียกชื่อเล่นให้เข้าใจง่ายก็คือ #ขี้ฟัน นั่นเอง) และขี้ฟันนี่แหละที่เราต้องขจัดออกจากฟันลูกให้ได้เพื่อให้ลูกไม่มีเลือดออกตอนแปรงฟันอีก

เรื่องเลือดออกตอนแปรงฟัน พ่อแม่หลายท่านมักแก้ปัญหาไม่ตรงสาเหตุ เมื่อแปรงฟันลูกแล้วเลือดออก พ่อแม่ส่วนใหญ่จะไม่กล้าออกแรงแปรงฟัน พอเลือดออกก็หยุดแปรง หรือไม่ก็เปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นขนนุ่มมาก ๆ พอไม่กล้าออกแรงแปรงฟัน ใช้เวลาแปรงฟันน้อยเกินไป ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มเกินไป ก็ยิ่งขจัดคราบจุลินทรีย์ออกไม่หมด คราบจุลินทรีย์ไม่ถูกขจัดออก เหงือกก็ยังคงอักเสบมีเลือดออกตอนแปรงฟัน พอมีเลือดออกก็ไม่กล้าแปรง วนเวียนไม่รู้จบ

• แปรงฟันให้ลูก

ควรจับลูกนอนแปรงฟัน เพื่อที่คุณจะได้เห็นฟันลูกครบทุกซี่ น้ำหนักมือของแม่มั่นคงพอเพื่อแหวกปากลูกได้จนเห็นเหงือกและแปรงฟันได้ทั่วทั้งซี่ แปรงฟันซี่หนึ่งขยับแปรงแนวนอน แปรงนาน 10-15 ครั้ง

• แปรงสีฟัน

ควรเลือกที่ขนไม่นุ่มหรือยาวจนเกินไปจนทำให้ขจัดคราบจุลินทรีย์ได้ยาก หากมั่นใจว่าทำทุกอย่างได้ครบถ้วน แต่ยังมีเลือดออกตอนแปรงฟัน ให้พาลูกไปพบหมอฟันเพื่อตรวจละเอียดนะคะ

จากรูปเป็นแปรงสีฟันของเด็กที่มาตรวจฟัน เลือดออกเยอะขนาดนี้เลยค่ะ เด็กมีคราบจุลินทรีย์เกาะฟันหนามากทุกซี่ เหงือกบวมแดงอักเสบ หมอซักประวัติทุกอย่างและตรวจช่องปากละเอียด น้องไม่มีโรคประจำตัวใด ๆ ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสในช่องปาก เกิดจากสาเหตุเพราะแปรงฟันไม่สะอาดเท่านั้น เมื่อสอนวิธีแปรงฟันและนัดกลับมาตรวจอีก 1 เดือน เด็กฟันสะอาด เหงือกสวย ไม่มีเลือดออกตอนแปรงฟันอีกแล้ว

 

รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"

เคลือบหลุมร่องฟันคืออะไร ดียังไง ทำไมต้องทำให้ลูก

เคลือบหลุมร่องฟันคืออะไร- เคลือบหลุมร่องฟัน- ทำไมต้องเคลือบหลุมร่องฟัน- เคลือบหลุมร่องฟันดีไหม- เคลือบหลุมร่องฟันให้ลูก 

เคลือบหลุมร่องฟันคืออะไร ดียังไง ทำไมต้องทำให้ลูก ?

รู้แล้วจะทำให้ลูก! เคลือบหลุมร่องฟันคืออะไร ดียังไง ทำไมต้องทำให้ลูก คุณหมอตุ๊กตา เจ้าของเพจฟันน้ำนมมีคำตอบค่ะ

Q : "การเคลือบหลุมร่องฟันคืออะไร ฟันไม่ผุเสียหน่อย ทำไมต้องทำด้วย"

A : การเคลือบหลุมร่องฟันคือการนำวัสดุทางทันตกรรม (ส่วนใหญ่เป็นเรซิน) มาเคลือบทับบนหลุมร่องฟันที่ลึกและทำความสะอาดได้ยาก เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ เพื่อช่วยให้ทำความสะอาดฟันซี่นั้นได้ง่ายขึ้น ป้องกันไม่ให้เกิดฟันผุได้ง่าย ๆ

เด็กอายุประมาณ 5.5-7 ขวบจะเริ่มมีฟันกรามแท้ซี่แรกขึ้นมาในช่องปาก ฟันซี่นี้เสี่ยงในการเกิดฟันผุสูงเพราะขึ้นมาเร็วและอยู่ด้านใน ทำความสะอาดลำบาก และลักษณะทางกายภาพด้านบดเคี้ยวของฟันกรามนั้นมีหลุมร่องฟันที่ค่อนข้างลึกและซับซ้อนทำให้มีเศษอาหารติดได้ง่ายและทำความสะอาดได้ยาก การเคลือบหลุมร่องฟันจะช่วยทำให้หลุมร่องฟันตื้นขึ้น ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดฟันผุทางด้านบดเคี้ยว

Q : "จำเป็นต้องเคลือบหลุมร่องฟันในฟันน้ำนมหรือไม่"

A : ทันตแพทย์จะพิจารณาตามความเสี่ยงในการเกิดฟันผุของผู้ป่วยเป็นรายบุคคล โดยทั่วไปแล้วฟันกรามน้ำนมจะมีหลุมร่องฟันไม่ลึกและไม่ซับซ้อนเท่าผู้ใหญ่ ในเด็กที่มีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุต่ำไม่จำเป็นต้องเคลือบหลุมร่องฟันก็ได้ แต ถ้าหมอพิจารณาดูแล้วเด็กมีความเสี่ยงในการเกิดฟันผุสูง แนะนำให้เคลือบหลุมร่องฟันในฟันน้ำนมค่ะ

ในเด็กแต่ละคนมีความจำเป็นในการเคลือบหลุมร่องฟันแตกต่างกันไป หากต้องการทราบว่าลูกจำเป็นต้องเคลือบหลุมร่องฟันหรือไม่ (ไม่ว่าในฟันแท้หรือฟันน้ำนม ไม่ว่าลูกอายุเท่าไร) ต้องพาลูกไปพบหมอฟันเพื่อตรวจฟัน และปรึกษานะคะ

 

รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"

แปรงที่ดีสำหรับลูก ไม่ใช่แปรงที่นุ่มที่สุด แต่คือแปรง?

แปรงสีฟันเด็ก-แปรงสีฟันสำหรับเด็ก-แปรงสีฟันเด็กแบบไหนดี-ซื้อแปรงสีฟันยี่ห้อไหนให้ลูกใช้ดี-แปรงสีฟันขนนุ่มสำหรับเด็ก-วิธีเลือกแปรงสีฟันเด็ก-แปรงสีฟันเด็กแบบไหนดี-แปรงสีฟันเด็กเล็ก-แปรงสีฟันเด็กอนุบาล 

แปรงที่ดีสำหรับลูก ไม่ใช่แปรงที่นุ่มที่สุด แต่คือแปรง?

ความสะอาดของช่องปากลูกเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกแปรงสีฟันต้องดีที่สุด เลือกอย่างไรให้เหมาะกับลูก คุณหมอตุ๊กตา เจ้าของเพจฟันน้ำนม มีคำแนะนำค่ะ

ลักษณะขนแปรงที่ดี นุ่มนวลต่อเหงือกและฟันของลูกคือ

        1. ปลายขนแปรงมนกลม

        2. ไม่ใช่ความนุ่มของขนแปรง

ปลายขนแปรงที่มนกลมจะนุ่มนวลต่อเหงือกและฟัน ไม่คมบาดเหงือก

ส่วนความนุ่มของขนแปรงสีฟันนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 ข้อ คือ

       1. เส้นผ่าศูนย์กลางของขนแปรง (ขนแปรงเส้นเล็กหรือใหญ่)
               ยิ่งขนแปรงเส้นเล็ก ยิ่งนุ่มมาก

       2. ความยาวของขนแปรง (ขนแปรงสั้นหรือยาว)
               ยิ่งขนแปรงเส้นยาว ยิ่งนุ่มมาก

ขนแปรงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน ขนที่ยาวกว่าจะให้ความรู้สึกนุ่มกว่า ข้อดีของขนแปรงเส้นเล็กและยาวคือ พริ้วไหว ซอกซอนตามร่องเหงือกได้ดี แต่กำจัดคราบจุลินทรีย์ไม่ค่อยสะอาด อาจเพราะพื้นที่หน้าตัดปลายขนแปรงเล็ก

ขนแปรงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้างกว่าจะขจัดคราบจุลินทรีย์ได้ดีกว่า อาจเพราะพื้นที่หน้าตัดกว้างกว่า มีพื้นที่สัมผัสผิวฟันเยอะกว่า ทำให้ขจัดคราบจุลินทรีย์ได้หมดจดกว่า แต่ขนแปรงที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางกว้างเกินไป ขนแปรงเส้นใหญ่เกินไป จะซอกซอนทำความสะอาดได้ไม่ดี

ถ้าจะเลือกแปรงที่นุ่มนวลต่อเหงือกและฟันของลูกเลือกที่ปลายขนแปรงมนกลมนะคะ แปรงสีฟันสำหรับเด็กที่วางขายในท้องตลาดนั้นอยู่ในกลุ่มขนนุ่มทั้งสิ้น แต่นุ่มมากนุ่มน้อยแตกต่างกันไป เรื่องความนุ่มของขนแปรงเป็นความชอบส่วนบุคคล ตัดสินใจแทนกันไม่ได้ ขนแปรงสีฟันแบบเดียวกัน บางคนบอกว่านุ่ม บางคนบอกว่าไม่นุ่ม เพราะฉะนั้นต้องซื้อมาทดลองใช้เพื่อให้เจอขนแปรงสีฟันในแบบที่ถูกใจที่สุดค่ะ

ขอออกตัวก่อนเลยว่า หมอไม่ชอบขนแปรงสีฟันที่นุ่มหรือขนแปรงยาวจนเกินไป เพราะจากประสบการณ์ แปรงฟันไม่สะอาด ขจัดคราบจุลินทรีย์ไม่ค่อยออกค่ะ (ความชอบส่วนตัวของหมอนะคะ)

 

รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"

แพทย์แนะนำ เด็กควร 'จัดฟัน' ตอนอายุเท่าไหร่ ถึงเหมาะสมที่สุด

3015 1

เด็กควรจัดฟัน ตอนอายุเท่าไหร่?

ลูกฟันไม่สวย ฟันไม่เรียงตัว มีการสบฟันที่ผิดปกติ เลยอยากพาลูกไปจัดฟัน แต่ก่อนอื่นพ่อแม่ต้องมีความรู้เบื้องต้นก่อนนะคะ ซึ่งสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ ก็ได้บอกไว้ว่า การจัดฟันทำให้ฟันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แนะนำให้จัดฟันช่วงวัยรุ่น อายุ 10-14 ปี เพราะร่างกายกำลังเจริญเติบโตค่ะ

นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การจัดฟันสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงอายุประมาณ 10-14 ปี เนื่องจากร่างกายกำลังเจริญเติบโต มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างใบหน้ามากที่สุด ฟันสามารถเคลื่อนที่ได้ง่ายเป็นประโยชน์ต่อการจัดฟัน แต่หากอายุมากแล้วหรือประมาณ 30 ปีขึ้นไป อาจต้องใช้ระยะเวลาในการจัดฟันที่นานกว่าปกติ ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพช่องปากให้ดี และปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับบริการ

ทันตแพทย์บุญชู สุรีย์พงษ์ ผู้อำนวยการสถาบันทันตกรรม กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทันตแพทย์เท่านั้นที่จะสามารถตัดสินใจว่าควรจัดฟันหรือไม่ หากพบความผิดปกติดังต่อไปนี้ ฟันบนหรือฟันล่างยื่นออกมามาก ฟันห่างมีช่องว่างระหว่างฟันเนื่องจากการหลุดของฟันหรือฟันที่ยังขึ้นไม่เต็มฟันที่ขึ้นมาไม่เป็นระเบียบจนเกซ้อนกันฟันบนไม่สามารถสบได้พอดีกับฟันล่างหรือเมื่อสบฟันแล้วมีช่องว่างระหว่างฟันบนกับฟันล่าง ทั้งนี้ระยะเวลาที่ใช้ในการจัดฟันประมาณ 1 ปีครึ่ง-3 ปี ขึ้นอยู่กับความผิดปกติของฟันว่ามีมากน้อยเพียงใด

สำหรับขั้นตอนการจัดฟัน ทันตแพทย์จะวางแผนการรักษาร่วมกับผู้รับบริการโดยตรวจสภาพช่องปากถ่ายภาพเอกซเรย์ฟันเพื่อดูโครงสร้างของใบหน้าและขากรรไกร วิเคราะห์วางแผนขั้นตอนการรักษาตามลำดับ เช่น ถอนฟัน อุดฟัน การพิมพ์แบบฟันและติดเครื่องมือจัดฟันในช่วงแรกจะรู้สึกเจ็บบ้าง แต่อาการจะค่อยๆ ดีขึ้นจนหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งสถาบันทันตกรรมให้บริการจัดฟันใน 2 รูปแบบ คือ การจัดฟันด้วยเครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ และการจัดฟันด้วยเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่น

ภายหลังการจัดฟันควรดูแลตนเองด้วยการรักษาความสะอาดของฟันและเครื่องมือจัดฟัน โดยใช้แปรงสีฟันสำหรับผู้ที่จัดฟันโดยเฉพาะ ทำความสะอาดภายหลังรับประทานอาหารทุกมื้อและก่อนเข้านอน รักษาเครื่องมือจัดฟันให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ให้หลุดหักหรือบิดเบี้ยว ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่แข็งและเหนียวรวมทั้งของหวาน ระมัดระวังเมื่อเล่นกีฬาที่อาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรง รวมถึงปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัด และพบทันตแพทย์ตามนัดหมาย 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมการแพทย์

แม่ท้องฟันผุ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด และอาจทำลูกในท้องฟันผุเพิ่ม 5 เท่า

แม่ท้องฟันผุ-แม่ท้องทำฟันได้ไหม-แม่ท้องฟันผุเสี่ยงแท้ง

แม่ท้องฟันผุ เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด และอาจทำลูกในท้องฟันผุเพิ่ม 5 เท่า

กรมอนามัยเผยรายงานวิจัยผลการตรวจสุขภาพช่องปากหญิงตั้งครรภ์ของสำนักทันตสาธารณสุข พบว่าร้อยละ 90.3 มีฟันผุ โดยค่าเฉลี่ยฟันผุ ถอน อุด 6.37 ซี่ต่อคน และร้อยละ 91.8 จำเป็นต้องได้รับการขูดหินน้ำลาย ซึ่งการติดเชื้อในช่องปากทั้งจากโรคฟันผุ หรือโรคเหงือกอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

แม่ท้องฟันผุ ส่งผลเสียอย่างไรต่อทารกบ้าง

แม่ท้องในรายที่มีโรคปริทันต์อาจเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนด ลูกน้ำหนักตัวแรกคลอดต่ำกว่าเกณฑ์ และเชื้อโรคจากช่องปากแม่ที่ฟันผุสามารถถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกทางน้ำลายได้ ทำให้ทารกมีโอกาสเสี่ยงฟันผุเพิ่มมากขึ้นถึง 5 เท่า

การดูแลช่องปากและฟันของแม่ท้อง

  1. เมื่ออายุครรภ์ 4 – 6 เดือน ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันและทำความสะอาดช่องปาก ไม่ควรรอจนกระทั่งมีอาการ
  2. แปรงฟันให้สะอาด อย่างน้อย วันละ 2 ครั้ง ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ นาน 2 นาที ร่วมกับการทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน
  3. หลังอาเจียนจากการแพ้ท้องหรือทานอาหารเปรี้ยว ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้ง
  4. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำอัดลม น้ำหวาน นมเปรี้ยว

ไขข้อสงสัย ใช้ไหมขัดฟัน ก่อน หรือ หลัง แปรงฟันถึงจะสะอาดที่สุด

ไหมขัดฟัน-ไหมขัดฟันใช้ก่อนหรือหลังแปรงฟัน- ลูกควรใช้ไหมขัดฟันไหม- ไหมขัดฟันจำเป็นไหม- เด็กใช้ไหมขัดฟันได้ไหม- ไหมขัดฟันใช้ยังไง- วิธีใช้ไหมขัดฟัน- แปรงฟันให้สะอาดต้องแปรงอย่างไร- วิธีการขัดฟัน- วิธีการใช้ไหมขัดฟัน

ใช้ไหมขัดฟัน 'ก่อน' หรือ 'หลัง' แปรงฟันถึงจะสะอาดที่สุด

ไหมขัดฟัน ตัวช่วยที่เข้าไปในการทำความสะอาดฟันให้สะอาดมากยิ่งขึ้น แล้วเราควรใช้ ก่อน หรือ หลัง แปรงฟัน คุณหมอตุ๊กตา เจ้าของเพจฟันน้ำนม มีคำตอบมาให้ค่ะ

จากการศึกษาในนักเรียนจำนวน 25 คน โดยแบ่งวิธีการทดลองเป็น 2 เฟส

  • เฟสที่ 1 ให้นักเรียนแปรงฟันก่อนใช้ไหมขัดฟัน
  • เฟสที่ 2 ให้นักเรียนใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน

วัดระดับของคราบจุลินทรีย์และฟลูออไรด์ ก่อนและหลังการทำความสะอาดของแต่ละเฟส และเปรียบเทียบระดับของคราบจุลินทรีย์และฟลูออไรด์ระหว่างเฟสที่ 1 และ 2 ได้ผลการทดลองว่า การใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟัน ช่วยลดระดับคราบจุลินทรีย์ และช่วยคงระดับความเข้มข้นของฟลูออไรด์ได้สูงกว่า การแปรงฟันก่อนใช้ไหมขัดฟัน เพราะฉะนั้นแนะนำใช้ไหมขัดฟันก่อนแปรงฟันลูกนะคะ

อ่านรายละเอียดงานวิจัยเพิ่มเติมได้ตาม Link ค่ะ : https://aap.onlinelibrary.wiley.com/.../10.1002/JPER.17-0149

หมอแนะนำว่า หากลูกมีฟันน้ำนมชิดกันหรือเบียดกัน ควรใช้ไหมขัดฟันให้ลูกเลย ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไรก็ตาม เพราะการแปรงฟันอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอในเด็กที่ฟันชิดแน่นใช้ไหมขัดฟันให้ลูกวันละครั้งก่อนนอน โดย

  1. ใช้ไหมขัดฟันเพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์ตามซอกฟันทุกซี่ที่ชิดแน่น
  2. ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดฟันให้ทั่ว หรือบ้วนน้ำ เพื่อล้างคราบจุลินทรีย์ออก
  3. จากนั้นแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์ 1000 ppm
  4. เช็ดยาสีฟันส่วนเกินออก หรือให้ลูกบ้วนยาสีฟันส่วนเกินทิ้ง โดยไม่ต้องบ้วนน้ำตาม
  5. งดน้ำและอาหาร 30 นาทีหลังแปรงฟัน

หลังใช้ไหมขัดฟัน ให้ลูกบ้วนน้ำได้ หรือบางคนอยากแปรงฟันรอบหนึ่งก่อนโดยไม่ใช้ยาสีฟันเพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์หรือเศษอาหาร ก็ทำได้ค่ะ หลังการทำความสะอาดขั้นตอนนี้ จะบ้วนน้ำเยอะแค่ไหนก็ได้ตามสะดวกค่ะ

ขั้นตอนถัดไปคือการแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์ 1000 ppm หลังจากแปรงฟันด้วยยาสีฟันฟลูออไรด์แล้ว แนะนำให้บ้วนแค่ฟองยาสีฟันทิ้ง หรือใช้ผ้าแห้งสะอาดเช็ดฟองยาสีฟันในเด็กที่บ้วนปากไม่เป็น #รอบนี้ไม่บ้วนน้ำตาม งดน้ำและอาหาร 30 นาที เพราะเราต้องการคงระดับฟลูออไรด์ในปากให้มากที่สุดค่ะ ในการป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบในเด็ก

เราต้องการขจัดคราบจุลินทรีย์ให้ได้มากที่สุด แต่เราก็ต้องการคงระดับฟลูออไรด์ในช่องปากให้มากที่สุดค่ะ

รักลูก Community of The Experts

ทพญ. ปวีณา คุณนาเมือง
ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมสำหรับเด็ก
เจ้าของเพจ "ฟันน้ำนม"