
เด็กวัยอนุบาลเป็นวัยที่เริ่มรู้จักการใช้จ่ายเงินบ้างแล้ว แต่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจคุณค่าของเงิน เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่สามารถอธิบายความสำคัญของเงินแบบง่ายๆ ให้ลูกได้เช่น เงินมีไว้ทำอะไร พ่อแม่หามาได้อย่างไร และเงินมีไว้ใช้สำหรับสิ่งจำเป็นอะไรบ้าง ที่สำคัญ ลูกต้องรู้จักออมเงินด้วยค่ะ
5 ข้อดีสอนลูกรู้จักออมเงิน
1. ลูกรู้จักตั้งเป้าหมายว่าจะออมเงินเพื่ออะไร เช่น ออมเงินไว้ซื้อของเล่นที่อยากได้ ออมเงินไว้สำหรับซื้อของให้พ่อแม่ เป็นต้น
2 ลูกได้เรียนรู้การวางแผน ลูกอยากได้ของเล่น ต้องเก็บเงินวันละเท่าไหร่ และต้องใช้ระยะเวลาในการเก็บกี่วัน จึงจะพอซื้อของเล่น 1 ชิ้น เป็นต้น
3. รู้จักอดทนรอคอย บางครั้งการออมเงินก็เป็นเรื่องสนุกที่เด็กๆ จะรู้สึกตื่นเต้นและเฝ้ารอวันที่กระปุกออมสินเต็ม หรือวันที่มีเงินเพียงพอที่จะซื้อของที่เขาอยากได้
4. เกิดความยืดหยุ่น แม้จุดประสงค์หลักที่ลูกออมเง้นเพื่อซื้อของเล่น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลูกอาจไม่อยากได้ของเล่นที่เขาเคยอยากเล่นแล้ว เด็กบางคน เมื่อเห็นจำนวนเงินที่ตนเองเก็บออมได้ หลายคนมักจะรู้สึกเสียดาย เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรรีบใช้โอกาสนี้พาลูกไปเปิดบัญชีธนาคารค่ะ
5. เกิดแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ หลังจากที่หยอดเงินเต็มกระปุกหมูและพ่อแม่พาไปเปิดบัญชีออมทรัพย์แล้ว เด็กหลายคนมักจะชอบบรรยากาศการฝากเงิน และรู้สึกดีใจเมื่อเห็นยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น (ซึ่งผู้ใหญ่อย่างพ่อกับแม่เองก็ชอบเช่นกัน)
"รักวัวให้ผูก รักลูกให้เลี้ยงด้วย EF"
ขอบคุณความรู้ EF โดย สถาบัน RLG

Mozart Effect ดีต่อสมองและพัฒนาการทารกในท้องจริงไหม?
กระแสที่พูดถึงกันมานานว่า Mozart Effect หรือ การฟังเพลงโมซาร์ทส่งผลต่อพัฒนาการทารกในครรภ์ ให้มีพัฒนาการ พัฒนาการทางสมองเติบโตอย่างรวดเร็ว แท้ที่จริงแล้ว Mozart Effect มีผลอย่างไร เรามีผลวิจัยมาไขข้อข้องใจนี้ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนค่ะ
ความเชื่อที่ว่า ฟัง Mozart แล้วฉลาด เดิมเกิดจากการทดลองที่ให้นักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่ง ฟัง Mozart ก่อนสอบเป็นเวลา 10 นาที แล้วเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ฟังเพลง ผลปรากฏว่า
- กลุ่มที่ฟัง Mozart ทำคะแนนได้ดีกว่า! (1)
- หลังจากนั้นก็มีไอเดียจาก รัฐจอร์เจียแจก CD Mozart ให้คุณแม่ตั้งครรภ์เอาไปฟังเลยทีเดียว (คงอยากให้ American น้อยเป็นอัจฉริยะกันถ้วนหน้า)
- ต่อมาเริ่มมีคนสงสัย เลยทำวิจัยซ้ำ เพราะตามหลักวิทยาศาสตร์ ถ้ามันจริง ผลมันต้องเหมือนเดิมสินะ เลยจัดการทดลองที่ละเอียดขึ้น (2)
- ผลการทดลองคือ นักศึกษากลุ่มที่นั่งเฉยๆ 10 นาที ทำคะแนนได้ดีที่สุด ดีกว่ากลุ่มที่ฟังเพลง
- และมีหลากหลายการทดลองที่ทำซ้ำแล้วซ้ำอีก และผลก็ออกมาว่า การฟังเพลงของ Mozart ไม่ได้ช่วยให้คะแนนดีขึ้น
** ถึงแม้จะมีการทดลองใหม่ๆ ชี้ให้เห็นแล้วว่า Mozart effect อาจจะแค่เรื่องบังเอิญนะคะ แต่ก็ไม่ได้ช่วยลบล้างความเชื่อเดิมสักเท่าไร่ คนบางกลุ่มยังคงปักใจเชื่ออยู่อย่างเหนียวแน่นค่ะ
สรุป Mozart Effect เชื่อมโยงกับพัฒนาการทารกในครรภ์ได้ว่า
- ตามผลทดลองเลยค่ะ ฟังเพลง Mozart ไม่ได้เกี่ยวกับการพัฒนาอัจฉริยภาพใดๆ
- เด็กที่เก่ง อารมณ์ดี มีความมั่นใจ สร้างได้จากในครรภ์ เป็นเรื่องจริงค่ะ ลองสังเกตนะว่า เด็กบางคนนิดหน่อยก็ยิ้ม เข้ากับคนง่าย กล้าเล่นกล้าสำรวจ ในขณะที่เด็กบางคนจะหน้ายุ่งตลอด เล่นด้วยยาก ที่กล่าวมาทั้งหมดจะบอกคุณแม่ๆ ว่า ลูกจะเป็นอย่างไร มันขึ้นอยู่กับสภาวะจิตใจของมารดาขณะตั้งครรภ์ ดังนั้นฟังอะไรที่เพลินๆ อย่างตลก เพลงอะไรที่แม่ฟังแล้วมีความสุขดีกว่าค่ะ
- เคยมีคนไข้เคสเด็กชายไทย อายุ 3 ปี พ่อแม่เปิดเพลง Mozart ให้ฟังตั้งแต่ในครรภ์ พอคลอดปุ๊ปก็เปิดคลอในบ้านตลอดเวลา ปรากฎว่าลูกเวลาอยากได้อะไร ก็จะร้องฮัมเพลง ไม่ยอมพูด ต้องมาสอนกระตุ้นการพูดใหม่
- กระตุ้นสมองให้ลูกมีหลายวิธีค่ะ แต่วิธีนี้อย่าไปจริงจังกับมันดีกว่านะคะ
References:
(1) Rauscher, Frances H.; Shaw, Gordon L.; Ky, Catherine N. (1993). "Music and spatial task performance". Nature 365 (6447): 611. doi:10.1038/365611a0. PMID 8413624
(2) Steele, Kenneth M.; Bella, Simone Dalla; Peretz, Isabelle; Dunlop, Tracey; Dawe, Lloyd A.; Humphrey, G. Keith; Shannon, Roberta A.; Kirby, Johnny L. et al. (1999). "Prelude or requiem for the 'Mozart effect'?". Nature 400 (6747): 827. doi:10.1038/23611. PMID 10476959
บทความโดย : คุณพรินทร์ อัศเรศรังสรร เวชศาสตร์การสื่อความหมาย คลินิกเฉพาะทางกระตุ้นพัฒนาการ-ฝึกพูด คลินิกกระตุ้นพัฒนาการฝึกพูด
AI แย่งงานคน มหาวิทยาลัยยกเลิกการสอนวิชา… เพราะโลกเปลี่ยนทุกวัน เราไม่สามารถคาดเดาถึงการเปลี่ยนแปลงนั้นได้ การเตรียมลูกให้พร้อมสำหรับอนาคตจึงเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญ
ฟัง The Expert อาจารย์ พญ.ลลิต ลีลาทิพย์กุล กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บอกวิธีการเตรียมลูกให้พร้อมสำหรับอนาคตในทุกด้าน
พ่อแม่ต้องทำอย่างไรเพื่อให้ลูกสมองไวพร้อมได้ตั้งแต่วันนี้
รายการรักลูก The Expert Talk อาจารย์ พญ.ลลิต ลีลาทิพย์กุล
ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke
เมื่อลูกถูมิจฉาชีพหลอกลวง พ่อแม่จะช่วยลูกและรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร ฟัง อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ
ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke

แม้จะเป็นเด็กทารก แต่ขวบปีแรกก็เริ่มมีพัฒนาการด้านความคิดและความจำแล้วค่ะ ซึ่งพ่อแม่สังเกตได้จากพฤติกรรม การมองเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น ฯลฯ
งานวิจัยและหลักฐานทางการแพทย์ ที่บ่งบอกถึงความสามารถของทารก ในการจำใบหน้าของแม่หรือบุคคลที่ใกล้ชิดผูกพันเลี้ยงดูอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอได้ รวมทั้งเสียง กลิ่นและรสของน้ำนมแม่ งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าทารกจะนิ่งสงบและหลับง่ายขึ้น หากได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตั้งแต่ตอนอยู่ในท้องของแม่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงนิทานที่เปิดซ้ำๆ หรือเสียงเพลง เสียงดนตรีที่คุ้นเคย
สิ่งที่เด็กทารกจะแสดงออกในช่วงขวบปีแรกนั้น แม้จะยังไม่ใช่คำพูดที่มีความหมาย แต่พ่อแม่ก็สังเกตได้ ทั้งจากอากัปกิริยา ท่าทาง การขยับตัว การโผเข้าหา การขยับตัวออก แววตา สีหน้าที่แสดงอารมณ์ของความพอใจหรือไม่พอใจ รวมทั้งเสียงอือๆ อาๆ ในลำคอของเขาด้วย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นแนวทางของพัฒนาการด้านการสื่อสาร ที่เป็นการแสดงออกทางอารมณ์และภาษาพูดของเด็กทารก และจะพัฒนามากขึ้นในขวบปีต่อๆ ไป
ตอบสนองดี ความจำลูกก็ดี
พ่อแม่ต้องคอยกระตุ้นหรือช่วยให้ลูกตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทสัมผัสทั้งห้า ไม่ว่าจะเป็นรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส ควรให้ลูกสัมผัสกับพ่อแม่และคนในครอบครัวให้มากที่สุด
นอกจากนี้การใช้เสียงต่างๆ ประกอบการเลี้ยงดู ทำกิจวัตรประจำวัน เช่น การตื่น การนอน ความหิว ความร้อน ความเย็น คุยกับลูกถึงอาการหรือความรู้สึกต่างๆ ก็ช่วยสร้างความจำที่ดีได้
การตอบสนองลูกหรือการส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ต้องเป็นการเรียนรู้ทั้งสองฝ่าย คือทั้งตัวลูกและพ่อแม่ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป การสื่อสารระหว่างพ่อ แม่ ลูก จะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะการกระตุ้นสัมผัสต่างๆ ของลูกเป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง “ทักษะการคิดเพื่อชีวิตที่สำเร็จ” (Executive Functions : EF) ด้าน Working memory หรือความจำที่นำมาใช้งานโดยต้องฝึกอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดทักษะ ซึ่งเด็กๆ จะสามารถนำข้อมูลหรือความจำเหล่านั้นมาใช้กับสถานการณ์ในปัจจุบัน หรือคาดการณ์ต่อไปในอนาคต
"รักวัวให้ผูก รักลูกให้เลี้ยงด้วย EF" ขอบคุณความรู้ EF โดย สถาบัน RLG 