facebook  youtube  line

Mom's Issue EP 20 : ของเล่น Unisex เล่นได้พัฒนาการดี

 

ป้าปอยและแม่ดอยชวนมาแชร์ไอเดียเลือกซื้อของขวัญให้เด็กๆ ไม่ว่าจะเด็กชายเด็กหญิง เลือกซื้อแบบไหนดี ไปฟังกันเลย

 

Apple Podcast:https://apple.co/3m15ytB

Spotify:https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube:https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast#รักลูกTheExpertTalk#Moms_Issues

Mom's Issue EP 24 (Rerun) : นิทานก่อนนอน ช่วยหนูอ่านออก

 

“นิทาน” คือฮีโร่ในสถานการณ์ที่ต้อง Learn from home อย่างแท้จริง

ปรากฎการณ์ Learning Loss ที่เกิดขึ้น ทักษะด้านภาษาเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ขาดหายไป โดยเฉพาะในเรื่องการอ่านที่สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่เป็นอย่างมาก

 

ฟังเทคนิคจากแม่ดอยและป้าปอย ที่จะทำให้นิทานช่วยให้เจ้าหนูอ่านออก

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

Mom's Issue EP.09 : นิทานก่อนนอน ช่วยหนูอ่านออก

 

“นิทาน” คือฮีโร่ในสถานการณ์ที่ต้อง Learn from home อย่างแท้จริง ปรากฎการณ์ Learning Loss ที่เกิดขึ้น ทักษะด้านภาษาเป็นอีกหนึ่งทักษะที่ขาดหายไป โดยเฉพาะในเรื่องการอ่านที่สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่เป็นอย่างมาก

 

ฟังเทคนิคจากแม่ดอยและป้าปอย ที่จะทำให้นิทานช่วยให้เจ้าหนูอ่านออก

✅ Apple Podcast :https://apple.co/3m15ytB

✅ Spotify :https://spoti.fi/3cvAVcX

✅ YouTube Channel :https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast#รักลูกTheExpertTalk#Moms_Issues

Mom’s Issue EP 03. ตอน นิทานเพื่อนหนู รู้อารมณ์

 

จากหนูน้อยอารมณ์ดี...แปลงร่างเป็นหนูขี้วีน ขี้โมโห หนูไม่ไหวแล้วนะ

สภาวะเหล่านี้เกิดขึ้นได้ทั้งจากช่วงวัย ความเครียด ความกังวล ที่เกิดขึ้น ยิ่งช่วงเวลาที่จำกัดพื้นที่ ออกไปไหนไม่ได้ เลยเกิดสงครามย่อมๆ ในบ้าน

 

Mom’s Issues ชวนรับมือและจัดการกับอารมณ์ขี้โมโหของเด็ก บก.แม่ดอยและป้าปอย มีเทคนิคและนิทานดีๆ มาช่วยให้เรื่องโมโห จัดการได้ง่ายขึ้น Simplify your crypto transactions with Trezor Suite Seamless Exchanges, making trading effortless.

 

พบกับ รายการ Mom's Issue ทุกวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน

ติดตามรายการรักลูก podcastได้ที่

Apple podcast: Rakluke Podcast

Spotify: Rakluke Podcast

YouTube Channel: : Rakluke Club

ดุลูกแล้วต้องปลอบหรือไม่

การเลี้ยงลูก-พัฒนาการ-สอนลูก-การเรียนรู้

เมื่อพ่อหรือแม่ดุลูก อีกคนควรจะเข้าไปปลอบลูกหรือไม่ ขอวิธีดุและปลอบลูกแบบถูกหลักการ

Q : เวลาพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งดุลูก กรณีที่ลูกทำผิดจริงๆ อยากทราบว่าเมื่ออีกคนดุลูก อีกคนควรเข้าไปปลอบลูกหรือเปล่าคะ หรือไม่ควรปลอบเลย แล้วแบบนี้ลูกจะเสียใจหรือน้อยใจไหมคะ ลืมบอกไปค่ะว่าตอนนี้ลูกชายอายุ 5 ปีแล้วค่ะ

A : เป็นธรรมดาที่คุณพ่อคุณแม่จะรู้สึกไม่สบายใจทุกครั้งที่ต้องดุลูกของตนเอง แต่ถึงอย่างไรคุณพ่อคุณแม่ก็ต้องยึดหลักที่ว่า ‘ถูกก็ว่าไปตามถูก ผิดก็ว่าไปตามผิด’ เมื่อเขาทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องก็เป็นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องคอยตักเตือนและชี้ทางที่ถูกที่ควรเพื่อให้เขาปรับปรุงตัว  

สำหรับการปลอบโยนลูกเวลาที่เขารู้สึกไม่ดีกับการดุของเรานั้นสามารถทำได้ครับ แต่สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้มีด้วยกัน 2 ประเด็นใหญ่ ๆ ได้แก่ วิธีการดุลูกและวิธีการปลอบลูก  

สำหรับการดุลูกนั้น หากคุณพ่อคุณแม่ทำแต่พอดี เด็กจะเกิดความรู้สึกสำนึกผิดและอยากที่จะปรับปรุงตัวเองต่อไปโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด แต่หากเราดุลูกรุนแรงเกินไป ก็อาจทำให้เขารู้สึกไม่ดีกับเราและกลายเป็นการต่อต้านในที่สุด ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรดุลูกอย่างเหมาะสม ได้แก่  

1.ควรตำหนิในสิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่ตำหนิตัวเขา การบอกลูกว่า “แม่ไม่ชอบที่หนูแกล้งน้อง” กับการบอกลูกว่า “ทำไมเป็นเด็กเกเรแบบนี้” ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมาก โดยในคำพูดแบบแรกนั้นให้ความรู้สึกว่า แม่ไม่ได้รู้สึกแย่กับลูก แม่แค่ไม่ชอบในสิ่งที่ลูกทำ ในขณะที่ประโยคหลังนั้นในทางจิตวิทยา เรียกว่า ‘การตีตรา’ หมายความว่าคุณแม่นั้นได้สรุปไปเรียบร้อยแล้วว่าลูกเป็นเด็กเกเร ซึ่งการพูดแบบหลังจะทำให้เด็กเกิดความท้อแท้และไม่อยากที่จะปรับปรุงตัวเอง  

2.ควรบอกในสิ่งที่อยากให้เขาทำแทนสิ่งเดิมเสมอ เช่น หากเราบอกลูกว่า “อย่าตีน้อง” เด็กๆ หลายคนจะมีปัญหาว่าเมื่อเขาไม่พอใจน้อง เขามักไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแทนที่การตีน้อง และสุดท้ายเขาก็จะกลับมาตีน้องในที่สุด ดังนั้นคุณแม่ควรบอกเขาว่า “อย่าตีน้อง ต่อไปนี้ถ้าน้องทำอะไรให้หนูไม่พอใจให้มาบอกแม่” เป็นต้น  

3.ห้ามดุลูกขณะที่อารมณ์ไม่ดี ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมาก เนื่องจากเด็กๆ จะรู้สึกแย่กับความหงุดหงิดและความโกรธมากกว่าคำพูดของเราเสียอีก ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังหงุดหงิดก็ควรบอกกับลูกว่า “ตอนนี้แม่หงุดหงิดมาก เดี๋ยวแม่จะไปทำอย่างอื่นก่อน หายโกรธแล้วแม่จะมาคุยเรื่องนี้กับหนูอีกที” นอกจากลูกจะไม่ต้องรับอารมณ์ของเราแล้ว เขาจะได้เรียนรู้ถึงวิธีการจัดการความโกรธที่ดีจากเราอีกด้วย  

สำหรับการปลอบลูกนั้นมีหลักการง่ายๆ ว่า คุณแม่เพียงแสดงความห่วงใยในความรู้สึกของเขาก็พอ เช่น “หนูเสียใจเหรอลูก” หรือ “หนูไม่ชอบที่คุณพ่อดุหนูใช่ไหม” เป็นต้น

สิ่งที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ หากคุณแม่เห็นว่าคุณพ่อดุหรือทำโทษลูกรุนแรงเกินไป ก็ไม่ควรจะพูดแย้งต่อหน้าลูก แต่ควรจะไปคุยกันทีหลังเพราะอาจทำให้ลูกไม่เคารพและไม่เชื่อฟังคุณพ่อในคราวต่อๆ ไป และคุณพ่อจะได้ไม่รู้สึกเสียหน้าด้วย ขอให้โชคดีครับ

รักลูก The Expert Talk EP 90 : รู้อารมณ์ลูกก็รับมือได้ ทุกสถานการณ์ ทุกอารมณ์

 

รักลูก The Expert Talk Ep.90 : รู้อารมณ์ลูก ก็รับมือได้ทุกสถานการณ์ ทุกอารมณ์

 

จากข้อมูลของกรมสุขภาพจิต ระบุว่า วัยรุ่นไทยอายุ 10-19 ปี ประมาณ 1 ใน 7 คน และเด็กไทยอายุ 5-9 ปี ประมาณ 1 ใน 14 คน มีความผิดปกติทางจิตประสาทและอารมณ์ และจากผลการสำรวจภาวะสุขภาพนักเรียนทั่วโลกในประเทศไทยเมื่อปี 2564 พบว่า 17.6 %ของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ซึ่งการฆ่าตัวตายคือสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของวัยรุ่นไทย

 

สาเหตุส่วนหนึ่งของการเป็นโรคซึมเศร้าจนนำไปสู่การฆ่าตัวตายนั้นคือการมีปัญหาพัฒนาการด้านอารมณ์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่พ่อแม่สามารถรับมือได้ตั้งแต่เด็ก แต่ละเลยและไม่รู้วิธีการ

 

ฟังวิธีการรับมือกับอารมณ์ลูกจาก The Expert ศ.นพ.วีรศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าสาขาพัฒนาการและการเจริญเติบโต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP 91 : สอนลูกรับมืออารมณ์ก่อนเป็นโรคซึมเศร้า

 

รักลูก The Expert Talk Ep.91 : สอนลูกรับมืออารมณ์ก่อนเป็นโรคซึมเศร้า

 

ถ้าอยากฝึกลูกควบคุมอารมณ์ พ่อแม่ต้องฝึกก่อน เพราะการเรียนรู้การจัดการอารมณ์ที่ดีที่สุดคือจากพ่อแม่ และอย่าให้ลูกต้องสุขตลอดเวลา เด็กเรียนรู้จากอารมณ์ลบและความทุกข์ได้ โดยมีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง

 

ฟังวิธีการฝึกให้ลูกรับมือกับอารมณ์ของตัวเอง โดย The Expert ศ.นพ.วีรศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าสาขาพัฒนาการและการเจริญเติบโต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

วิธีการรับมือจัดการกับอารมณ์

ถ้าอยากจะฝึกลูกต้องฝึกที่พ่อแม่หรือว่าคนเลี้ยงก่อน เพราะว่าหลายครั้งการที่เด็กแสดงอารมณ์อย่างไรก็ขึ้นอยู่กับคนที่อยู่รอบตัว แต่ละบ้านก็แตกต่างกัน บางวัฒนธรรมหรือบางคนก็อาจจะรู้สึกว่าเราไม่ได้อยากพูด หรือบอกแสดงความรู้สึกอารมณ์อะไรออกมา แต่จริงๆ แล้วการจะรับมือกับอารมณ์ของลูกผมอยากให้พ่อแม่มองอย่างนี้ว่า ทุกคนมักจะชอบอารมณ์ลูกในด้านบวก ดีใจ ยิ้ม น่ารัก เราอยากให้ลูกเราอารมณ์ดีตลอดเวลา ซึ่งในความเป็นจริงมันไม่มีทาง อยากให้มองว่าลูกสามารถเรียนรู้จากอารมณ์เชิงลบได้ อารมณ์เชิงลบถ้าเรียนรู้ได้ดี มันทําให้เขาพัฒนาตัวเองแล้วทําให้เขาสามารถจัดการกับอารมณ์เชิงลบไม่ว่าจะเป็นโกรธ เสียใจ ผิดหวังอะไรต่างๆ ได้ เมื่อเขาโตขึ้น

สิ่งสําคัญเลยก่อนที่คุณพ่อคุณแม่จะเข้าไปช่วยเขา พ่อแม่ต้องคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อน หลายครั้งก็คือเราต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ เลย เพราะว่าบางครั้งพอเราคุมอารมณ์เราไม่ได้ มันจะยิ่งทําให้เราใส่อารมณ์เราเข้าไปกับลูกมากขึ้น เลยทําให้อารมณ์เชิงลบของเขามันเกิดนานขึ้น ลองนึกภาพอารมณ์เชิงลบเหมือนไฟ คําพูดหรืออะไรต่าง ๆ น้ําเสียงของเราเข้าไป มันจะเหมือนเรากําลังโยนน้ํามันเข้าไป หรือเราโยนพวกฟืน พวกกระดาษเข้าไป ให้มันยิ่งเผาไหม้มากขึ้น ไฟเวลามันเกิดขึ้นมันต้องดับได้

ดังนั้นเราควรจะต้องเริ่มฝึกตั้งแต่ไฟมันเริ่มน้อยๆ ลูกหงุดหงิดอะไรนิดหน่อย จริงๆ ต้องเริ่มรู้แล้วนะครับว่าเป็นยังไง แต่ก่อนที่จะมาถึงอารมณ์เชิงลบ ถ้าคุณพ่อคุณแม่หลายท่านพอทราบแล้วรู้natureลูกเราอย่างที่เมื่อกี้กล่าว เรื่องของพื้นอารมณ์ เช่น เป็นเด็กที่แบบอะไรนิดนึงก็ไม่ได้ ถ้าเราป้องกันได้ก็จะดี ยกตัวอย่างเช่น สมมติวันนี้เราไปเที่ยวกัน เรารู้เลยว่าไปเที่ยวที่นี่ มันจะต้องมีตัวกระตุ้นตรงนี้ ถ้าสมมติว่าลูกเดินผ่านตรงนี้ ลูกจะต้องอยากได้แน่นอน อย่างนี้ครับเราต้องรู้เขารู้เรา ดังนั้นวันนี้ก่อนออกจากบ้านเราต้องเตรียมการเลยครับ ลูกวันนี้เราจะออกไปข้างนอกไปซื้อของ แล้วก็เราจะแวะไปตรงนี้ๆ ไปถึงนี่เราจะทําอะไรบ้าง เสร็จแล้วเรากินอาหารเสร็จกลับบ้าน วันนี้เราไม่แวะซื้อของเล่นนะ ก็เป็นการป้องกันตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอารมณ์เชิงลบแบบนั้น

สะท้อนอารมณ์ลูก ช่วยลดอารมณ์เชิงลบ

แต่ถ้าเมื่ออารมณ์เกิดขึ้นแล้ว สิ่งสําคัญก็คือคุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องนอกจากตั้งสติเแล้ว เราจําเป็นที่จะต้องพูดบอกอารมณ์ลูกหรือว่าสะท้อนอารมณ์ อันนี้เป็นคีย์เวิร์ดสําคัญ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ทํางานผมคิดว่าพ่อแม่จํานวนมาก อาจจะไม่ค่อยพูดบอกอารมณ์อย่างนี้กับลูก การพูดบอกอารมณ์ของลูก เช่น ลูกกําลังเสียใจ ลูกโกรธ ลูกหงุดหงิด แต่สิ่งสําคัญคือพ่อแม่ต้องพูดบอกอารมณ์เขาด้วยน้ําเสียงที่ค่อนข้างกลางๆ เพราะลูกสามารถจะจับอารมณ์ความรู้สึกของพ่อแม่ได้หมดมันจะยิ่งทําให้อารมณ์เค้าเกิดขึ้นมากขึ้นได้

การที่เราพูดบอกอารมณ์ของลูกออกมาหรือการสะท้อนอารมณ์ของลูก ไม่ได้แปลว่าจะทําให้อารมณ์ของลูกสงบลงทันที ต้องดูลักษณะนิสัยลูกเราด้วยนะครับ การที่เราพูดอย่างนี้วัตถุประสงค์เพื่อทําให้เด็กรับรู้ได้ว่า พ่อแม่หรือคนเลี้ยงเข้าใจว่าตอนนี้เขารู้สึกอย่างไร ดังนั้นเราก็แค่พูดบอกและสะท้อนอารมณ์ออกมา แต่คุณพ่อคุณแม่บางท่านก็เล่าให้ผมฟังว่า บางทีพอบอกไปลูกยิ่งหงุดหงิดร้องกว่าเดิม แสดงว่าเขาอาจจะไม่ชอบสไตล์แบบนี้ก็ได้ก็แล้วแต่บ้าน บางครั้งเราก็อาจจะพูดให้น้อยลงหรือรอจังหวะและแค่บอกเขานะครับว่า ลูกกําลังโกรธ หงุดหงิดเดี๋ยวลูกอยู่ตรงนี้ก่อน พออารมณ์ดีเราค่อยคุยกันนะ

แต่สิ่งสําคัญที่ผมอยากจะเน้นนะครับว่าเมื่อไหร่ก็ตามลูกมีพฤติกรรมที่เรียกว่าก้าวร้าวโดยแสดงอารมณ์ออกมามากขึ้นแล้วทําร้ายตัวเอง ทำร้ายคนอื่นหรือทำลายข้าวของ จําเป็นที่จะต้องช่วยให้เขาสงบให้ได้ไว ถ้าลูกยังเล็กให้จับมือแล้วพูดว่าลูกกัดแม่ไม่ได้ น้ําเสียงนิ่ง ชัดเจน หรือหากกำลังดิ้นโวยวายละวาด บางบ้านถึงขั้นเอาผ้าห่มมาพันตัวลูก คือทําอย่างไรก็ได้ให้เขาสงบ แม้จะดิ้นไปดิ้นมา แต่สุดท้ายถ้าเขารู้ว่าพ่อแม่เอาจริง เขาจะค่อยๆสงบเอง ซึ่งก็ไม่ง่ายสำหรับคุณพ่อคุณแม่นะครับ แต่ว่าต้องฝึกเขาเพราะว่าไม่อย่างนั้นถ้าเขาไม่เคยถูกควบคุมแบบนี้จากภายนอกเขาจะไม่สามารถควบคุมตัวเองจากภายในได้ อย่างที่กล่าวไปใน epก่อนหน้านี้

ดังนั้นเวลาเขาโกรธโมโหเขาอาจจะไปทําร้ายเพื่อนหรือไปกัดเพื่อน ถ้าอารมณ์รุนแรงถึงขั้นก้าวร้าวจําเป็นที่จะต้องช่วยให้เขาสงบแล้วพอลูกสงบเสร็จ เราถึงค่อยอธิบายหรือสอน บ้านเราส่วนใหญ่ที่ผมเจอคุณพ่อคุณแม่มักจะชอบสอนหรืออธิบายเยอะมากเลย แต่เวลาที่อารมณ์ไม่พร้อม สมองส่วนอารมณ์ตอนนั้นมันกําลังทํางานเยอะอยู่ สมองส่วนเหตุผลจะยังไม่มา ดังนั้นต้องรอให้สมองส่วนอารมณ์ทํางานได้ดีแล้วก็คุมได้ก่อน แล้วสมองส่วนเหตุผลเขาจะเปิดใจรับฟัง ตอนนั้นคุณพ่อคุณแม่สอนอะไรเขาก็จะเริ่มฟังมากขึ้น

ช่วยลูกออกแบบวิธีจัดการอารมณ์

พออารมณ์สงบจริงๆ บางคนอาจจะไม่อยากพูดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเพราะว่าบางคนรู้สึกว่าเหมือนเป็นการกระตุ้นต่อไป แต่ผมคิดว่าเราสามารถที่จะเรียนรู้จากสิ่งนี้ได้นะครับก็คือพอเขาอารมณ์ดีจริงๆ เช่น ผ่านการเล่นอะไรไปค่อยค่อยคุยกัน เช่น เมื่อกี้ลูกโกรธมากเลย ที่ไม่ได้ซื้อของเล่นอย่างที่บอก งั้นครั้งหน้าถ้าลูกโกรธเราทํายังไงกันดีนะ อันนี้ก็เป็นอีกวิธีขั้นตอนต่อๆไปในการที่จะฝึกหรือสอนให้ลูก เรียนรู้ว่าเวลาโกรธ เขาจะรับมือจัดการกับอารมณ์โกรธยังไงบ้าง เช่น คุณพ่อคุณแม่อาจจะสาธิตว่าถ้าแม่โกรธเรามาเล่นเกมกันดีกว่า ถ้าเวลาพ่อแม่โกรธพ่อแม่ทํายังไงกันบ้าง เช่น นับ1 ถึง 10 แม้ลูกจะยังไม่หายโกรธ เราก็ชมระหว่างทางที่เขากําลังคุมอารมณ์อยู่ หลายครั้งบางทีลูกร้องโวยวายแต่ว่าเริ่มสงบลงก็ชมได้

แต่ต้องบอกว่าเด็กเล็กอายุ3-5ปี บางทีเรายิ่งพูดเหมือนบางคนจะเหมือนเติมเชื้อไฟ ลูกบางคนจะรู้สึกเหมือนว่าเกือบจะได้แล้ว แปลว่าพ่อแม่กําลังมาง้อแล้ว เราต้องเล่นใหญ่อีกนิดนึง ดังนั้นพ่อแม่ต้องรับรู้นะครับว่าบางทีไฟมันไม่ได้ดับสนิทแบบนี้ บางทีพอดับปุ๊บเราพูดไปนิดนึงเหมือนเราจะไปช่วยนะครับ เพราะเด็กบางคนขึ้นแล้วค้างนานลงไม่เป็น พอเราไปช่วยปรากฏร้องขึ้นมาอีกเหมือนเดิม เราก็ใช้หลักการเหมือนเดิมคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปจัดการที่ลูก

ปัจจุบันมีหนังสือนิทานเยอะมากเลย เด็กๆโดยเฉพาะวัยที่เขาเริ่มฟังนิทานเยอะๆ เราสามารถจะเอาหนังสือนิทานเหล่านี้มาสอนเขาได้เลย สามารถพูดแล้วก็คุยกัน เพราะว่าในหนังสือนิทานบางทีจะมีวิธีพูดบอก เช่น เวลาโกรธเราทําอะไรได้บ้าง เช่น เป่าลูกโป่งแล้วปล่อยให้มันลอยไป เปลี่ยนเรื่องไปวาดรูประบายสี ปั้นดินน้ํามัน ปั้นแป้งโดว์

เป็นแบบอย่างจัดการอารมณ์

1.พ่อแม่ต้องพัฒนาสติหรือบางคนเรียกว่าเจริญสติของตัวเอง ทุกคนมีเวลา 24ชั่วโมงเท่ากันแต่เราให้คุณค่ากับสิ่งต่างๆไม่เท่ากัน บางทีแค่เราอยู่เฉยๆไม่ดูโซเชียลไม่อะไร หายใจเข้าออกลึกๆก็ได้ คือแต่ละคนอาจจะมีวิธีการอยู่กับตัวเองแตกต่างกันให้ตัวเองมีช่วงเวลาสงบ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามเรารู้จักตัวเองได้ดีพอทําให้เรารู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองได้ไว แล้วพอเรารู้เท่าทันอารมณ์ตัวเองได้ไว เวลาลูกเกิดอารมณ์อะไรที่ไม่โอเค เราก็เข้าไปจัดการหรือรับมือได้อย่างมีสติมากขึ้นนะครับ

2.เป็นแบบอย่างที่ดี หลายครั้งเลยครับเด็กเลียนแบบคุณพ่อคุณแม่ บางคนพ่อแม่ก็เป็นสไตล์ขี้งอนไม่ต้องแปลกใจเลยครับ ดังนั้นมันก็คงหลีกเลี่ยงกันได้ยาก เพราะว่าลูกไม้ก็หล่นใต้ต้นอยู่แล้ว ดังนั้นอะไรก็ตามที่คิดว่าไม่ดีก็ไม่ต้องทำให้ลูกเห็น พ่อแม่เองก็สามารถบอกอารมณ์ตัวเองกับลูกได้นะครับ เช่น ตอนที่น้องอารมณ์ไม่ดีแบบนี้แม่ก็อารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน แม่เนี่ยขนาดตัวแม่เองเป็นผู้ใหญ่บางทีแม่ยังคุมอารมณ์ยากเลย เพราะฉะนั้นสําหรับน้องเนี่ยแม่คิดว่ายิ่งยากขึ้นเนาะ งั้นเดี๋ยวเรามาช่วยกันดีกว่าว่าเราทํายังไงกันดี

การที่คุณพ่อคุณแม่บอกอารมณ์ของตัวเองกับลูกก็จะทําให้เหมือนเราเป็นตัวอย่างด้วยนะครับว่าเราทํายังไง ดังนั้นเนี่ยเวลาเราอารมณ์ หงุดหงิด ไม่พอใจอะไรต่าง ๆ นอกจากเรามีสติเรารับมือกับอารมณ์ได้ดีคุณพ่อคุณแม่ต้องทําให้เห็นนะครับว่าเราจะต้องทําอย่างไรได้บ้าง ที่จะไม่แสดงออกทางอารมณ์ที่รุนแรงให้ลูกเห็น

3.ไม่ลงโทษลูกด้วยความรุนแรง หลายครั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นเนี่ยมันไม่ได้เกิดจากการตีอย่างเดียวหรือทําร้ายลูกอย่างเดียวแต่ว่ามันเกิดจากคําพูดยิ่งเราโกรธคําพูดเรา บางทีมันเชือดเฉือนยิ่งทําร้ายมาก บางทีบาดแผลกายหายแล้วแต่บาดแผลทางใจมันยังคงอยู่ตลอดไป ซึ่งหลายๆ ท่านก็คงไม่ได้อยากเห็นลูกเรา จําเราได้ในด้านไม่ดี ซึ่งตรงนี้มันไม่ได้แปลว่าเราจะต้องเป็นนางฟ้าตลอดเวลาสําหรับลูก แต่ว่าอย่างน้อยเราควรจะมีโมเมนต์ที่ดี มากกว่าโมเมนต์ที่ไม่ดี มันไม่มีทางเป็นไปได้ที่เราจะมีโมเมนต์ที่ดีทั้งหมด แต่อย่างน้อยมีโมเมนต์ที่ดีกับมากกว่าไม่ดี อย่างน้อยมันก็เป็นต้นทุนที่จะทําให้ลูกรับรู้ได้ว่า เวลาเขาไม่พอใจ หงุดหงิด โมโหต่อไปเขาจะมาหาใครได้บ้าง ดังนั้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างพ่อแม่กับลูก เป็นเกราะป้องกันเลยสําหรับการเกิดปัญหาทางด้านอารมณ์ต่อไปในอนาคต

พ่อแม่จัดการอารมณ์ได้ดีเกราะป้องกันเมื่อลูกเป็นวัยรุ่น

โดยธรรมชาติวัยรุ่นต้องการค้นหาอัตลักษณ์ของตัวเองว่าจะพัฒนาเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบไหน ดังนั้นเป็นธรรมชาติที่เขาจะต้องไปหาเพื่อนติดเพื่อนมากกว่าติดพ่อแม่ ดังนั้นเขาจะค่อยๆ เรียนรู้ไปว่าเพื่อนคนนี้เป็นยังไง คนนี้นิสัยเป็นยังไง ถ้าเรายิ่งสนิทกับลูกมากตั้งแต่ตอนเล็กๆ มีอะไรเขาก็จะกล้ามาเล่าให้เราฟัง ซึ่งอันนี้เป็นจังหวะที่ดี แม้กระทั่งขับรถรถติด แล้วลูกเล่าเรื่องเพื่อน เราก็ฟัง เป็นยังไงบ้างล่ะลูก แล้วลูกคิดว่ายังไง จริงๆ การworkกับลูกวัยรุ่นเนี่ยง่ายมากเลยฟังให้เยอะแล้วตัดสินให้น้อย พยายามอย่าไปตัดสินคือควรจะต้องเข้าไปอยู่ในโลกของลูกด้วย เทรนด์อะไรใหม่ๆ เราก็ฟังกับเขาไปด้วยจะทําให้ลูกเปิดใจมากขึ้น

เมื่อเกิดอารมณ์เชิงลบอย่ามองว่าเป็นศัตรูของลูก คนเราทุกคนลองนึกภาพของตัวเรากว่าคนเราจะเติบโตมาถึงขั้นนี้เราต้องเจอทั้งอารมณ์เชิงบวกเชิงลบ การที่เรารับมือกับอารมณ์เชิงลบได้ดีเราได้ทําให้ลูกเรียนรู้ในชีวิตจริงนะ เพราะชีวิตจริงเราต้องเจอกับสิ่งที่ผิดหวัง เสียใจ ไม่ได้ดั่งใจ หงุดหงิด อะไรต่างๆ ยิ่งถ้าลูกเรียนรู้รับรู้อารมณ์ตัวเองได้ไว แล้วเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ได้อย่างดี มันจะยิ่งทําให้เขาเนี่ยสามารถค่อยๆ เติบโตมากขึ้น มีภูมิต้านทานทางด้านทางจิตใจหรืออารมณ์ มันต้องผ่านการฝึกฝนโดยเขาแค่อาศัยพ่อแม่ ผู้เลี้ยงดูที่เปรียบเสมือนเขาเรียกเป็นนั่งร้าย เป็นโครงสร้างที่คอยค้ําจุนพยุง เพื่อไม่ให้โครงสร้างนั้นมันหล่นลงมา

ไม่จําเป็นที่เวลาลูกเผชิญกับความไม่โอเค ไม่พอใจแล้วเราต้องเข้าไปช่วยจัดการทุกอย่างเพราะสุดท้ายแล้วลูกก็สามารถเรียนรู้จัดการด้วยตัวเองได้ระดับหนึ่ง แล้วเราควรจะต้องชื่นชมยินดีกับเขาด้วย เราเองมีหน้าที่รับฟังและอาจจะช่วยเติมในจุดที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้เพื่อทําให้ลูกเรียนรู้ที่จะคิดถึงวิธีต่างๆ มากขึ้น ดังนั้นเนี่ยครับเราเป็นแค่นั่งร้านแต่สุดท้ายลูกจะภูมิใจนะครับ สิ่งสําคัญคือลูกจะภูมิใจว่า ฉันเองก็สามารถรับมือกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ แล้วเด็กที่มีภูมิต้านทานแบบนี้ผมคิดว่า เขาจะห่างไกลจากพวกโรคหรือภาวะที่มีปัญหาทางด้านอารมณ์ เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล

เช็กเบื้องต้นลูกมีปัญหาด้านอารมณ์ คีย์หลักๆ คือถ้าลูกเบื่อไม่อยากทําอะไรที่เคยอยากทําเหมือนเดิม เช่น ลูกชอบวาดรูป เล่นกีฬา แต่จู่ๆ ไม่อยากเล่น เบื่อ แสดงว่าลูกอาจจะถึงขั้นที่ อาจจะมีความผิดปกติทางด้านอารมณ์ หรือลูกมีอารมณ์เศร้า ซึ่งแบบนี้พ่อแม่ต้องพอจะรู้แนวโน้มว่าลูกมีลักษณะพื้นฐานเป็นอย่างไร ถ้าเมื่อไรก็ตามลูกแบบเก็บตัว อยากอยู่คนเดียว เศร้าหรือถ้าอารมณ์เศร้าอาจจะสังเกตยาก แต่เขาจะมาด้วยอารมณ์หงุดหงิด อะไรนิดหน่อยก็ขึ้นง่าย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ก็ควรจะรีบพาไปปรึกษาคุณหมอ

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.102 (Rerun) : ชวนพ่อแม่ “รู้” และ “เท่าทัน” สื่อ

 

รักลูก The Expert Talk Ep.102 : ชวนพ่อแม่ "รู้" และ "เท่าทัน" สื่อ

 

รับมือเมื่อลูกเข้าสู่โลกดิจิตอล พ่อแม่ต้องรู้เท่าทันอย่างไร

 

ฟัง The Expert อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ

นักวิชาการด้านสื่อ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

 

เพื่อให้เรารู้เทคนิค วิธีการที่จะรับมือกับทั้งสื่อ จอ และ Content หลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ใช้สื่ออย่างรู้เท่าทัน

  

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.104 (Rerun) : เลี้ยงลูกแบบหมอเดว “ไม่สำลักความรัก จนเป็นเหยื่อถูกล่อลวง”

 

รักลูก The Expert Talk Ep.104 : เลี้ยงลูกแบบหมอเดว ไม่สำลักความรักจนเป็นเหยื่อถูกล่อลวง

รักมากไปทำร้ายลูก? รักจนสำลักความรัก ประคบประหงมจนไม่ให้ลูกทำอะไร ทุกอย่างล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรัก แต่มากไปก็ทำลายลูก

 The Expert รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม

เลี้ยงประคบประหงม เด็กป่วยได้ง่าย (Munchausen Syndrome by Proxy)

เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องเลี้ยงดูและดูแลสุขภาพแต่มีประเภทที่เยอะเกินไป มีเคสที่ลูกตกเตียงซึ่งอยู่กับพี่เลี้ยงตกตอนเที่ยงแต่พอตกเย็นก็พาลูกมาที่รพ. ให้หมอเช็กอย่างละเอียดเพราะว่ามีลูกคนเดียวและแม่ก็อ่านมาแล้วว่าเลือดที่ซึมออกมาจากในสมองมันจะไม่มีอาการ แต่อยากให้หมอรับรอง100% ว่าลูกไม่มีปัญหา หมอถามว่าเกิดอะไรขึ้น ความจริงคือเด็กตกเบาะเลี้ยงเด็กซึ่งกลิ้งแล้วหัวกระแทกพื้นไม่ปาร์เก้ลูกตกใจ ร้องไห้ เสร็จแล้วก็เล่นปกติ แต่ว่าแม่ไม่ไว้ใจ และอยากให้ทำMRI ซึ่งการทำกับเด็ก 9เดือนไม่ได้ง่าย แต่ด้วยความที่มีลูกคนเดียวและไม่พลาดไม่ได้เลยขอให้แม่ยืนยันซึ่งไแพงแค่ไหนก็ยอมจ่าย

การทำMRIเด็กต้องนิ่งมากซึ่งทางเดียวที่จะทำคือเพื่อให้เด็กหลับ แล้วฉีดสีเข้าไปในเส้นเลือดว่ามีปัญหาเกิดขึ้นตรงไหนใช้เวลาเป็นชั่วโมงก็อาจจะต้องดมยา พอแม่ได้ยินก็บอกหมอว่าเต็มที่ไม่อั้นแต่คนเจ็บตัวคือลูก ลักษณะแบบนี้คือ Munchausen Syndrome by Proxy เครียดมากและวิตกกังวลมาก อาจจะมาจากการเห็นคนในบ้านป่วยจากประสบการณ์เดิม จึงตรวจหาความเสี่ยงของลูกทุกอย่างเพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงซึ่งเป็นการดูแลสุขภาพที่เยอะเกินไป

อีกเคสคือย่าเป็นมะเร็งไตแล้วเสียชีวิต แม่ต้องการทำRenal scan (การตรวจสแกนไต) ซึ่งทำไม่ได้ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้แม่ก็ไปเอาน้ำแดงมาผสมในปัสสาวะ แล้วให้หมอตรวจคือสำหรับหมอตรวจไม่ยากว่าเป็นน้ำแดงหรือเลือด แบบนี้คือทำให้เกิดเครียด วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ เครียดแล้วมาลงที่ลูก ผลที่เกิดกับลูกคือเกิดความหวาดระแวงไปกับแม่ ลูกซึมซับความหวาดระแวงจากแม่นี่คือในแง่ของสุขภาพ ลูกกังวล เครียดมาก

เลี้ยงแบบเร่งรัด เด็กต่อต้าน (Overstimulation)

ตอนนี้มีปัญหาเยอะเพราะด้วยระบบแพ้คัดออก เรียนทุกวัน ตื่นตั้งแต่ตีห้าเลิกเรียนก็กวดวิชาแล้วก็ติวกลับมาทำการบ้าน นอนตี1 ตื่นตี5วนไปแบบนี้ทั้งสัปดาห์ พอเสาร์อาทิตย์ก็กวดวิชาเช้าบ่าย หมอเคยเจอเคสรร.สาธิตชื่อดังพอลูกสอบเสร็จพ่อก็ให้ไปเรียนกวดวิชาที่ลงเรียนไว้ ลูกก็โมโหว่าทำไมไม่ถามว่าลูกอยากเรียนไหม เขาอาจจะอยากเล่นไวโอลิน อยากไปเที่ยว พ่อบอกว่าก็อยากจะเป็นหมอ ตอนที่มาหาหมอคือแม่ร้องไห้ พ่อความดันขึ้นเพราะว่าหวังดีแต่ทำไมเป็นแบบนี้

หมอก็ถามว่านี้เป็นเป้าของใครพ่อบอกว่าเป็นของลูก แล้วพอเราลงกวดวิชาเต็มที่แล้วแต่ลูกไม่ได้เป็นหมอจะเสียใจไหมพ่อบอกว่าไม่เสียใจเพราะว่าไม่ใช่เป้าของพ่อ เป็นเป้าของลูกและพ่อก็บอกว่าการที่พ่อจะทำให้ลูกคนหนึ่งมันผิดด้วยหรือ ซึ่งพอคุยไปพ่อก็บอกว่าผมไม่ได้อยากให้ลูกเป็นหมอเขาจะทำอาชีพอะไรก็ได้ที่รักและชอบและขอให้เป็นคนดี หมอก็บอกว่าพูดดีมากให้กลับไปบอกลูก ซึ่งหลังจากนั้นความดันในบ้านก็ลดลงมากเพราะที่ผ่านมาทะเลาะกันตลอด

ตอนนี้พ่อแม่ส่วนใหญ่วางเป้าให้ลูกเรียบร้อยเลยแล้วลูกก็มีหน้าที่เดินตามเป้าและบอกตัวเองว่าการที่พ่อแม่ทำให้ลูกมันผิดด้วยเหรอ ไม่ผิดแต่เป็นเป้าของพ่อแม่หรือของลูก แล้วการที่ส่งสัญญาณว่าไม่ได้อยากให้เป็นแบบนั้นแบบนี้ ได้บอกตรงๆหรือยัง ซึ่งถ้าทำแบบนี้ได้ก็จะไม่เจอกับการเรียนแบบOverstimulationเร่งรัดบังคับจันทร์ถึงจันทร์ แต่จะได้ใจถึงใจ

เลี้ยงแบบสำลักความรัก (Over Indulgence/Spoiled Child)

มีบ้านไหนที่ลูกทำงานบ้านบ้าง นี่เป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุขในบ้านเรามีเด็กเยอะที่ไม่ปัดกวาด ถูบ้านล้างจาน พ่อแม่สปอยทุกอย่างจนทัศนคติของลูกเปลี่ยนว่า งานบ้านไม่ใช่หน้าที่เขาไม่จำเป็นต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขในบ้าน ความรักไม่เกิดบนการร่วมทุกข์ร่วมสุข มีแต่สุขอย่างเดียว เด็กจะกลายเป็นคนที่ไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นเพื่อนมนุษย์

เวลาจะรักใครก็รักแบบฉาบฉวย พ่อแม่ไม่รู้ตัวว่ากำลังพัฒนาลูกไปเป็นแบบนั้นไม่สามารถรักแบบร่วมทุกข์ร่วมสุข ปรนเปรอให้ทุกอย่าง นี่คือการสปอยล์ รักเยอะ ผิดหวังไม่ได้ เจอกับความผิดหวังก็เบรคเลย ไปไกล่เกลี่ยก็ลงเอยด้วยการใช้ความรุนแรง พ่อแม่ต้องรักแบบร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ใช่มีแต่ความสุข ปรนเปรอแต่ความสุขเจอความยากลำบากไม่ได้ ต้องเจอความยากลำบากร่วมกันง่ายๆ คือ ปัดกวาด ถูกบ้าน ซักผ้า ล้างจาน

เลี้ยงขาดพื้นที่ส่วนตัว เด็กเกิดความเครียด (Parenting Enmeshment)

หมอเคยเจอบ้านที่ไม่ดูทีวีจนอายุ 18ปีจะใช้เครื่องมือสื่อสารไม่ได้ เมื่อเข้าบ้านห้ามใช้ใช้ได้อย่างอิสระเมื่ออายุ 18ปีขึ้นไป ลูกมีห้องส่วนตัวแต่ปิดไม่ได้เพราะว่าพ่อสามารถ เข้าไปดูได้ทุกเมื่อสามารถไปดูแชทส่วนตัวได้ มีเคสที่แม่ลูกชายอายุ 14ปี ยังอาบน้ำกับแม่ขาดพื้นที่ส่วนตัวมาก ถ้าบ้านไหนทำอยู่ให้กลับมาตั้งหลักใหม่

ลูกไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ที่อยากทำอะไรก็ได้เป็นความเข้าใจผิดการให้เกียรติและเคารพศักดิ์ศรีของลูกจึงมีนัยยะแม้ลูกโตมาถึงชั้นประถมไม่ต้องรอถึงมัธยม การที่พ่อไม่จับที่สงวนของลูกเลย เคารพในพื้นที่ส่วนตัว ลูกจะเกิดการเรียนรู้เลยว่าขนาดคนเป็นพ่อยังเคารพพื้นที่ส่วนตัว แล้วคนอื่นที่เป็นคนนอกจะมารุกล้ำได้อย่างไร ถ้าไม่สอนด้วยวิธีนี้จะสอนด้วยการท่องจำหรือ

การที่พ่อแม่ทำให้ดูเป็นตัวอย่างซึ่งจะเป็นสิ่งที่ติดตัวลูกเมื่อโตขึ้น อยากให้ลูกเป็นแบบนั้นไหน อยากให้ลูกเป็นคนเคารพพื้นที่ส่วนตัวก็ต้องทำแบบนั้นกับลูกเช่นเดียวกัน ศรัทธาและสัจจะของลูกมีความหมาย วันนี้เราไม่มั่นใจลูกเลยก็ไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ซึ่งศรัทธาเกิดขึ้นจากพลังบวก เช่นเดียวกันเด็กที่โตมาในครอบครัวที่เข้มงวด ก็จะขาดความมั่นใจไม่เหลือเลย ขาดภาวะผู้นำไม่มีsense of propority การเคารพพื้นที่ส่วนตัวไม่มีถูกล่อลวงโดยไม่รู้ตัวและเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.105 (Rerun) : เปลี่ยน "วัยทอง" เป็นช่วงเวลาทองของชีวิต

 

รักลูก The Expert Talk Ep.105 (Rerun) : เปลี่ยน "วัยทอง" เป็นช่วงเวลาทองของชีวิต

เด็กจะเติบโตมาเป็นคนอย่างไร ก็อยู่ที่ช่วงเวลานี้ จุดเปลี่ยนสำคัญที่พ่อแม่ต้องเข้าใจพัฒนาการ รู้วิธีรับมือและพลิกเป็นโอกาสที่จะส่งเสริมพัฒนาทักษะลูก เพื่อให้เป็นช่วงเริ่มต้นของชีวิตที่ดีของลูก

ฟังมุมมองการรับมือวัยทองแต่ละช่วงวัยจาก The Exeprt ครูก้า กรองทอง บุญประคอง

ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กปฐมวัย และผู้ก่อตั้งโรงเรียนจิตต์เมตต์

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.114 (Rerun) : ติดจอ ต้นตอทำลูกซึมเศร้า

 

รักลูก The Expert Talk Ep.114 (Rerun) :  ติดจอ ต้นตอทำลูกซึมเศร้า

ผลวิจัยพบว่าเด็กอายุตั้งแต่ 6 -18 เดือน ถ้าอยู่กับหน้าจอทีวี จะทำให้มีปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าวเพิ่มขึ้น มีปัญหาทางด้านปฏิกิริยาทางด้านอารมณ์เพิ่มขึ้น

หมายความว่าเวลาหงุดหงิด ไม่พอใจ ก็จะวีนเหวี่ยง ใช้อารมณ์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้เป็นต้นเหตุของโรคซึมเศร้า

 

พ่อแม่รับมือและรู้เท่าทันก่อนเป็นซึมเศร้า

ฟัง The Expert ศ.นพ.วีรศักดิ์ ชลไชยะ

หัวหน้าสาขาพัฒนาการและการเจริญเติบโต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์

  

ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.115 : แพ้น้ำประปา ขัดพัฒนาการ พ่อแม่อย่ามองข้าม

 

รักลูก The Expert Talk Ep.115 : แพ้น้ำประปา ขัดพัฒนาการ พ่อแม่อย่ามองข้าม

แพ้น้ำประปาไม่ใช่เรื่องเล็กพ่อแม่ห้ามมองข้าม กระทบพัฒนาการและการเรียนรู้ลูกน้อย!!

เพราะเวลาที่เกิดอาการแพ้เด็กสามารถมี ผื่นขึ้น ผิวแห้งลอก ผื่นคัน ส่งผลให้ไม่สบายตัว หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่ดี แทนที่จะได้เล่นอย่างมีความสุข ได้พัฒนาทั้งทางร่างกาย และอารมณ์กลับถูกสกัดกั้นพัฒนาการจากเรื่องใกล้ตัวอย่างการแพ้น้ำ

มารู้ถึงสาเหตุการแพ้น้ำประปาจาก “คลอรีน” อีกสาเหตุการแพ้ใกล้ตัวที่คนมักมองข้าม รวมถึงวิธีการรับมือ และการป้องกัน ที่พ่อแม่ทำได้เองไม่ยาก และมารู้จักกับนวัตกรรมกรองคลอรีนส่งตรงจากญี่ปุ่น ฝักบัวที่ช่วยกรองคลอรีน ให้อุ่นใจทุกครั้งเมื่ออาบน้ำให้ลูกน้อย เพราะการแก้ปัญหาต้องแก้ที่ต้นเหตุ และการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือ การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานั่นเอง

 

ฟัง The Expert รศ.นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์

รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม

 

มาพูดคุยให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องการแพ้ และวิธีการป้องกันกันค่ะ คุณพ่อคุณแม่คนไหนสนใจ

ชี้เป้าฝักบัวกรองคลอรีน KUDOS Purebliss ตามด้านล่างเลยค่า👇

🛒 Lazada: https://s.lazada.co.th/s.l2Ijj

🛒 Shopee: https://shp.ee/yztsyep

🛒 Website: https://kudos.co.th/shop/kudos-purebliss-shower/

 

หรือถ้าสนใจฝักบัวนวัตกรรมเจ๋ง ๆ KUDOS เค้าก็มีให้เลือกอีกหลายรุ่น ตามไปดูได้เลย https://www.facebook.com/KUDOSTHAILAND

  

ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.116 : เช็กก่อนเป็น “ภูมิแพ้ผิวหนัง” กระทบพัฒนาการ

 

รักลูก The Expert Talk Ep.116 : เช็กก่อนเป็น "ภูมิแพ้ผิวหนัง" กระทบพัฒนาการ

โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ไม่ใช่แค่ผื่นคันแต่กระทบพัฒนาการของลูกระยะยาวหงุดหงิดง่าย ไม่สบายตัว และเมื่อคันบ่อย ๆ ก็จะเกิดเป็นแผลถลอก เป็น ๆ หาย ๆ ยิ่งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยก็กระตุ้นทำให้เกิดอาการได้ง่าย

 

ฟังวิธีการรับมือเมื่อเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง โดย The Expert

ผศ.พิเศษ.พญ.นุชนาฏ รุจิเมธาภาส

กุมารเวชศาสตร์ตจวิทยา โรงพยาบาลวิชัยยุทธ

 

ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke  

รักลูก The Expert Talk EP.124 : “พ่อแม่ขาดทักษะการใช้สื่อ กระทบสมองลูก”

 

รักลูก The Expert Talk Ep.124 : Family Out จอ Gen กับอาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ ตอนที่ 5 พ่อแม่ขาดทักษะการใช้สื่อกระทบสมองลูก

 

งานวิจัยพบว่าเด็กที่ใช้สื่อเย็นเซลล์สมองจะเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ได้มากกว่า

ขณะที่สื่อร้อนการเชื่อมต่อของเซลล์ที่ชั้นเปลือกสมองจะทําได้น้อย กระทบกับพัฒนาการของสมอง โดยเฉพาะทักษะสมอง EF

 

ไม่อยากให้ลูกติดจอ พ่อแม่ทำได้

ฟัง อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริบอกแนวทางการฝึกทักษะให้พ่อแม่มี Digital Literacy เพื่อรับมือและรู้เท่าทันก่อนสื่อหน้าจอจะทำลายสมองลูก

 

ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke 

รักลูก The Expert Talk EP.125 : Cybercrime คืออะไร? รู้ไว้ก่อนลูกถูกลวง

 

รักลูก The Expert Talk Ep.125 : Family Out จอ Gen กับอาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ ตอนที่ 6 Cybercrime คืออะไร? รู้ไว้ก่อนลูกถูกลวง

เมื่อพ่อแม่ให้โทรศัพท์ แท็บแล็ตหรือสร้างแอคเคาท์บนโซเชียลมีเดียให้ลูก เราอาจจะคิดว่าอินเทอร์เน็ตมันเป็นโลกของข้อมูลความรู้

แต่ถ้าลองคิดในมุมกลับกัน เมื่อให้ลูกเข้าถึงโลกทั้งใบ โลกทั้งใบก็เข้าถึงลูกของเราได้เหมือนกัน…การเกิดอาชญากรรมออนไลน์จึงเกิดขึ้นได้ง่าย

 

รู้กลลวงของเหล่ามิจฉาชีพบนโลกออนไลน์เพื่อรับมืออย่างเท่าทัน ฟัง อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ

 

ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke 

รักลูก The Expert Talk EP.126 : Cybercrime รับมือได้ พ่อแม่ต้องเท่าทัน

 

รักลูก The Expert Talk Ep.126 : Family Out จอ Gen กับอาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ ตอนที่ 7 Cybercrime รับมือได้ พ่อแม่ต้องเท่าทัน

 

เมื่อลูกถูมิจฉาชีพหลอกลวง พ่อแม่จะช่วยลูกและรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร ฟัง อาจารย์ธาม เชื้อสถาปนศิริ

 

 

ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke 

รักลูก The Expert Talk Ep.56 : Toxic Parents? คลี่คลายก่อนกลายเป็น (พ่อแม่) เป็นพิษ

 

รักลูก The Expert Talk Ep.56 : Toxic Parents? คลี่คลายก่อนกลายเป็น (พ่อแม่) เป็นพิษ

 

หาทางออก คลี่คลายตัวเองจากการการเป็นพ่อแม่เป็นพิษ เข้าใจความต้องการ สื่อสารความคาดหวังและรับมือจัดการด้วยวิธีการเชิงบวก เพื่อลดความเป็นพิษในตัวพ่อแม่ลง

 

ฟังวิธีการโดย The Expert ผศ. ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร

อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิด

 

Apple Podcast:https://apple.co/3m15ytB

Spotify:https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube:https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

รักลูก The Expert Talk EP.63 : "กล้าพอไหมเปลี่ยนวิถีใหม่ในบ้าน แก้ปัญหาหนักใจวัยอนุบาล"

 

รักลูก The Expert Talk Ep.63 : "กล้าพอไหม เปลี่ยนวิถีใหม่ในบ้าน แก้ปัญหาหนักใจวัยอนุบาล"

 

Series : เข้าใจ “วัยทอง” ลูกอนุบาลกับครูก้า กรองทอง บุญประคอง

วัยอนุบาลหรือช่วงปฐมวัยเป็นช่วงเวลาทองของการเรียนรู้ เป็นวัยตั้งต้นของชีวิต เด็กจะเป็นอย่างไรเริ่มต้นที่วัยนี้ หลากหลายปัญหาหนักใจ ครูก้าจะมาช่วยคลี่คลาย ช่วยหาทางออก และบอกวิธีการรับมือ

ชวนพ่อแม่เข้าใจช่วงวัยอนุบาลหรือช่วงปฐมวัย วัยตั้งต้นของชีวิต เพราะเด็กจะเป็นอย่างไรเริ่มต้นที่วัยนี้

 

เต็มอิ่ม 4 EP กับครูก้าที่จะทำให้เข้าใจเด็กมากขึ้นพร้อมวิธีรับมือแบบไม่ให้เกิดศึกกลางบ้าน EP1 "กล้าพอไหมเปลี่ยนวิถีใหม่ในบ้าน แก้ปัญหาหนักใจวัยอนุบาล" ชวนมาแก้ 3ปัญหาหนักใจที่ทุกบ้านต้องเจอ แก้ไขได้ด้วยวิธีที่ครูก้ามั่นใจว่าพ่อแม่ทำได้ไม่ยากเกินไป และติดตาม EP ต่อไปกับ EP2 คุยเรื่อง "เล่น" เรื่องใหญ่ของวัยอนุบาล, EP3 เปลี่ยน “วัยทอง” เจ้าปัญหา เป็น “วัยทอง” แห่งการเรียนรู้, EP4 ไม่ใช่แค่ "เรียน" แต่วัยอนุบาลต้อง “เรียนรู้” เข้าใจการเรียนรู้แบบเด็ก "ปฐมวัย" เพื่อให้จัดการเรียนรู้ให้ลูกได้อย่างเหมาะสมตามพัฒนาการ

 

Apple Podcast:https://apple.co/3m15ytB

Spotify:https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube:https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

Используйте уникальный промокод фонбет беларусь и играйте так, как вы давно хотели этого!

รักลูก The Expert Talk EP.64 : "เล่น" เรื่องใหญ่ของวัยอนุบาล

 

 

รักลูก The Expert Talk Ep.64 : "เล่น" เรื่องใหญ่ของวัยอนุบาล

 

เล่นให้เป็นเล่น ไม่เอามาปนกับเรื่องเรียน

 

EP ที่สองของ Seriesเข้าใจ “วัยทอง” ลูกอนุบาลกับครูก้า กรองทอง บุญประคอง ว่าด้วย เรื่อง "เล่น" เรื่องใหญ่ของวัยอนุบาล เล่นแบบไหนให้สนุกและได้ประโยชน์

 

ฟังวิธีการเล่นกับลูก การเลือกของเล่นที่ไม่ต้องแพง ไม่ต้องเยอะแต่คุ้มค่า รอพบกับอีกสอง EP ต่อเนื่องในสัปดาห์ถัดไปกับ EP3 เปลี่ยน “วัยทอง” เจ้าปัญหา เป็น “วัยทอง” แห่งการเรียนรู้แและ EP4 ไม่ใช่แค่ "เรียน" แต่วัยอนุบาลต้อง “เรียนรู้” และสามารถย้อนกลับไปฟัง EP แรก เรื่อง "กล้าพอไหมเปลี่ยนวิถีใหม่ในบ้าน แก้ปัญหาหนักใจวัยอนุบาล" ได้ในช่องทางของรักลูก Podcast เพราะเด็กจะเป็นอย่างไรเริ่มต้นที่วัยนี้ ไม่อยากให้พลาดฟังเพื่อจะได้วิธีการเลี้ยงลูกวัยตั้งต้นของชีวิตได้อย่างเหมาะสมตามพัฒนาการของวัย

 

Apple Podcast:https://apple.co/3m15ytB

Spotify:https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube:https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

รักลูก The Expert Talk EP.65 : เปลี่ยน “วัยทอง” เป็นช่วงเวลาทองของชีวิต

 

รักลูก The Expert Talk Ep.65 : เปลี่ยน "วัยทอง" เป็นช่วงเวลาทองของชีวิต

 

ช่วงวัยทองของเด็ก คือช่วงเวลาทองของชีวิตเด็ก

 

เขาจะเติบโตมาเป็นคนอย่างไร ก็อยู่ที่ช่วงเวลานี้ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่พ่อแม่ต้องรับมือและมองวัยทองในมุมมองใหม่ เพื่อให้เป็นช่วงเริ่มต้นของชีวิตที่ดีของลูก

 

ฟังมุมมองการรับมือวัยทองแต่ละช่วงวัยจากครูก้าได้ใน EP นี้ รอพบกับอีกหนึ่ง EP สุดท้ายในสัปดาห์ถัดไปกับ ไม่ใช่แค่ "เรียน" แต่วัยอนุบาลต้อง “เรียนรู้” และสามารถย้อนกลับไปฟัง EP ใน Series เข้าใจ “วัยทอง” ลูกอนุบาลกับครูก้า กรองทอง บุญประคอง ได้ในช่องทางของรักลูก Podcast เพราะเด็กจะเป็นอย่างไรเริ่มต้นที่วัยนี้ ไม่อยากให้พลาดฟังเพื่อจะได้วิธีการเลี้ยงลูกวัยตั้งต้นของชีวิตได้อย่างเหมาะสมตามพัฒนาการของวัย

 

Apple Podcast:https://apple.co/3m15ytB

Spotify:https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube:https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

ขอบคุณ exness trading คุณสามารถบรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วในการซื้อขายและทำงานกับสกุลเงินดิจิทัลโดยทั่วไป!
  • 1
  • 2