บทความโดย: Danielle Devanny: Early Years 1 Team Leader, Shrewsbury City Campus

รู้ไหมคะว่าช่วง 3 ขวบปีแรกของลูกเป็นวัยที่มีพัฒนาการและการเรียนรู้แบบก้าวกระโดด ดังนั้นการเปิดโอกาสให้ลูกได้สำรวจและลงมือทำจึงเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก่อนที่จะพาลูกออกไปเรียนรู้ คุณแม่จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าลูกในวัย 2 ขวบที่ว่ากันว่าเป็นวัยร้าย ที่จริงแล้วเป็นวัยที่พร้อมมากกับการเรียนรู้ในวิธีของตัวเอง

1. วัยร้ายวัย 2 ขวบ (Terrible Two) ไม่น่ากลัวเลยสักนิด ช่วงอายุ 2 ขวบ เด็กจะมีพัฒนาแบบก้าวกระโดด ทั้งความคิด การเรียนรู้ อารมณ์ และการเข้าสังคม บวกกับเป็นวัยที่ “มีตัวตน” อย่างชัดเจน อยากทำอะไรด้วยตัวเอง ซึ่งหลายครั้งที่เขาทำไม่ได้ ไม่ถูกใจจะหงุดหงิดจนกลายเป็นอารมณ์ร้าย ๆ ที่เราต้องช่วยกันปรับและรับมือ แต่ถ้าเข้าใจพัฒนาการและวิธีการเรียนรู้ของเขาจริง ๆ จะพบว่า เราสามารถดึงศักยภาพของเขาได้มากหากเปิดโอกาสให้ลูกได้สำรวจ (ทั้งตัวเองและโลกภายนอก)และลงมือทำ โดยพ่อแม่มีหน้าที่สำคัญในการโฟกัสว่าลูก “เรียนรู้อย่างไร” มากกว่า “เรียนรู้อะไร” เพื่อส่งเสริมได้อย่างถูกต้อง
   
   
2. “เรียนรู้อย่างไร” สำคัญกว่า “เรียนรู้อะไร” นิสัยการเป็นนักเรียนรู้สำคัญนะคะ เราสามารถปลูกฝังให้ลูกผ่านการเล่นและกิจวัตรประจำวัน โดยทุกการเรียนรู้ต้องเหมาะสมกับเด็กแต่ละคนและเต็มไปด้วยความสนุก เพื่อทำให้ลูกเข้าใจได้ว่าการเรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ไม่มีอะไรยาก การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพที่มีลักษณะเฉพาะตามบุคลิกและพฤติกรรมนี้เองที่จะเป็นกุญแจสำคัญให้พ่อแม่ปูทางพัฒนาการและการเรียนรู้ของลูกได้อย่างถูกต้อง
   
   
3. ซ้ำแล้วซ้ำเล่า... ย้ำทุกการเรียนรู้ เคยสังเกตไหมคะว่า เด็กบางคนชอบหยิบของเดินถือไปมาด้วยตลอด เด็กบางคนชอบนั่งดูสีที่ผสมกันแล้วเปลี่ยนเป็นสีอื่น ๆ และจะทำแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่เบื่อ นี่คือการเรียนรู้ที่เรียกว่า Schemas หรือ สคีมา ค่ะ Schemas คือ รูปแบบการทำซ้ำ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่เด็กใช้เชื่อมโยงกับการเล่น การสำรวจสิ่งใหม่ ๆ จนกลายเป็นลักษณะหรือวิธีเรียนรู้เฉพาะตัวของแต่ละคน เป็นรากฐานของการพัฒนาความคิดและการเรียนรู้ต่อไป
   
   
   
   Schemas มี 9 รูปแบบตามวิธี (How) เรียนรู้ของเด็กแต่ละคนดังนี้
   1. Transporting คือ พฤติกรรมที่ชอบเคลื่อนย้ายตัวเองหรือสิ่งของจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง
   2. Enveloping คือ พฤติกรรมสนใจเรื่องการห่อพัสดุ การห่อตัวด้วยผ้าห่ม ใช้เทปกาวติดของ
   3. Enclosing คือ พฤติกรรมชอบสนุกกับการสร้างพื้นที่ส่วนตัว มีการทำที่กั้น ลงไปนั่งในกล่อง เล่นใต้โต๊ะ
   4. Trajectory คือ พฤติกรรมชอบอะไรก็ตามที่เคลื่อนไหว เช่น คนวิ่ง รถขับผ่าน น้ำตก
   5. Positioning คือ พฤติกรรมชอบวางข้าวของเป็นแถว เรียงเป็นแนว วางด้านหน้าด้านหลัง
   6. Rotation คือ พฤติกรรมชอบเล่นของที่หมุนได้ กลิ้งได้
   7. Connection คือ พฤติกรรมชอบประกอบของเข้าด้วยกัน ตัวต่อ ใช้กาวติด ถอดชิ้นส่วนแล้วประกอบใหม่
   8. Going Through a Boundary คือ พฤติกรรมชอบใช้ตัวเองหรือสิ่งของมุดลอดทะลุ เช่น ลอดอุโมงค์
   9. Transforming คือ พฤติกรรมชอบผสมของต่าง ๆ เข้ากัน เช่น ผสมสีต่าง ๆ ผสมเทอาหารเข้าด้วยกัน เด็กบางคนอาจไม่มี Schemas เหล่านี้เลย บางคนมีหนึ่ง หรือบางคนมีหลาย ๆ แบบรวมกัน ขึ้นอยู่กับบุคลิกและพฤติกรรมเฉพาะตัวของเขา เมื่อพ่อแม่รู้ “How” ในการเรียนรู้แบบนี้แล้ว จึงต้องคิดวิธีสนุก ๆ ในการส่งเสริมค่ะ เช่น เมื่อรู้ว่าลูกชอบการเคลื่อนย้ายขนของ ลองท้าทายเขาด้วยถุงชอปปิงขนาดต่าง ๆ กัน ให้เขาได้คิดวิธีขนของ ใส่ของในถุงขนาดต่างกัน แล้วใช้จังหวะนี้สอนเรื่องอื่น ๆ รอบตัวไปด้วย เช่น ศัพท์ภาษาอังกฤษ การคำนวณ เป็นต้น
      
      
4. เรียนรู้ได้แจ่มขึ้นถ้าลูกแม่สุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ สุขภาพดีก็สมองดี สุขภาพดีรอบด้านจึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญค่ะ เพราะเป็นรากฐานในการต่อยอดพัฒนาการทางด้านร่างกายและอารมณ์ ซึ่งเชื่อมโยงการเรียนรู้ตามช่วงวัย ลองนึกภาพตามค่ะว่า เมื่อเจ้าหนูวัย 2 ขวบของเรากินอิ่ม กินดี หลับสบาย เขาก็มีพัฒนาการสมวัย มีพลังออกไปเล่น สำรวจ และเรียนรู้นั่นเอง
   
   
5. ลูกเราไม่เหมือนใคร สังเกตให้ดีและส่งเสริมให้ถูกต้อง เด็กแต่ละคนมีบุคลิกลักษณะเฉพาะตัวต่างกัน นั่นจึงทำให้ความชอบและรูปแบบการเรียนรู้ของเขาต่างกันออกไปด้วย ดังนั้น วิธีที่ใช้กับเด็กคนหนึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ผลกับเด็กอีกคนก็ได้ค่ะ สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกคือ ให้เวลาและเปิดโอกาสให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยการเล่น วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขาค้นหาวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับตัวเองได้ค่ะ

อย่ารอให้ลูกโตก่อนถึงจะส่งเสริมการเรียนรู้ของเขานะคะ เราสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่เจ้าหนูวัย 2 ขวบเป็นต้นไป ซึ่งเป็นวัยที่เขาแสดงตัวตน ความชอบ และวิธีการเรียนรู้อย่างชัดเจน ถ้าพ่อแม่สังเกตเห็น เปิดโอกาสให้เขาได้ฝึกทักษะการฟัง พูด อ่าน และเขียน ผ่านการเล่น รับรองได้ว่าช่วงพัฒนาการที่รวดเร็วแบบก้าวกระโดด เขาจะกระโดดได้สูงและแข็งแรงตามความถนัด และอย่างเต็มศักยภาพของเขาค่ะ

ข้อมูลอ้างอิง:

• Characteristics of Effective Learning. Birth to 5 Matters is published by Early Education on behalf of the Early Years Coalition.
• https://thescienceofearlylearning.com/science/early-brain-development/ 
• Nutbrown 2006

สนใจ Shrewsbury City Campus ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

• www.shrewsbury.ac.th/city 
• Facebook: www.facebook.com/SHBcitycampus 
• Instagram: www.instagram.com/shbcitycampus 
• YouTube: www.youtube.com/shbcitycampus

(พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์)

การเลือกโรงเรียนก็เหมือนการเลือกสังคมให้ลูก พ่อแม่หลายคนจึงมองหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก อย่างโรงเรียนนานาชาติที่จะส่งเสริมตัวตนและพัฒนาศักยภาพให้ไปถึงเป้าหมายในอนาคตได้ 

โรงเรียนนานาชาติ D-PREP เป็นอีกแห่งที่เราอยากแนะนำ เพราะนอกจากหลังสูตรการเรียนการสอนที่ได้มาตรฐานแล้ว ตอนนี้ยังมีทุนการศึกษามูลค่ารวม 6 ล้านบาท มอบให้สำหรับนักเรียนเกรด 6-12 ที่โดดเด่นทางด้านวิชาการอีกด้วย 

D-PREP มอบทุนมูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท สำหรับนักเรียนเกรด 6-12 ที่โดดเด่นด้านวิชาการ เฉพาะปีการศึกษา 2025-2026 นี้

D-PREP International School โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรอเมริกัน ใจกลางบางนา พร้อมมอบทุนการศึกษามูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท สำหรับนักเรียนเกรด 6-12 ที่โดดเด่นทางด้านวิชาการ และมีประสบการณ์การเรียนในโรงเรียนนานาชาติ โครงการพิเศษเฉพาะปีการศึกษา 2025-2026 เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ จนถึงวันที่ 28 มีนาคม 2025

คุณสมบัติเบื้องต้น:

• GPA ขั้นต่ำ 3.00 ขึ้นไป​
• หลักฐานและ Portfolio ที่แสดงถึงความเป็นเลิศทางวิชาการ
• จดหมายแนะนำจากคณะครูหรือผู้ทรงคุณวุฒิในด้านที่เกี่ยวข้อง​
• Statement of Purpose ที่บอกเล่าถึงความฝันและความมุ่งมั่น​
• ผลงานการเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรระหว่างการศึกษา​
• มีประสบการณ์การเรียนรู้ในโรงเรียนนานาชาติมาก่อน

ขั้นตอนการสมัคร:​

1. กรอกแบบฟอร์มสมัครทุนให้ครบถ้วน​
2. ส่งผลการเรียนย้อนหลัง 2 ปีการศึกษา พร้อม Portfolio​
3. ส่งเรียงความ Statement of Purpose 400 คำ ที่แสดงถึงความฝันและความมุ่งมั่น สอดคล้องกับ CO-CREATORS Values ของทางโรงเรียน
4. เข้าร่วมการทดสอบ NWEA​
5. นักเรียนเข้าร่วมสัมภาษณ์กับทางผู้บริหาร
6. ผู้ปกครองเข้าร่วม​สัมภาษณ์กับทางผู้บริหาร​

เริ่มต้นสมัครทุนการศึกษาได้แล้วที่: https://bit.ly/3D5cT8C

เปิดโลกการเรียนรู้ที่ D-PREP International School

ที่ D-PREP International School นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้น Nursery จนถึง High School จะได้สัมผัสกับประสบการณ์การเรียนรู้ที่โดดเด่นมากกว่าด้านวิชาการ เพราะทางโรงเรียนยังมุ่งเน้นการจุดประกายความฝัน ส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นพบตัวตนและเป้าหมายของตนเอง เป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ และพร้อมส่งมอบสิ่งดีๆ คืนสู่สังคม ผ่านการเรียนรู้ในหลักสูตรอเมริกัน ตามมาตรฐานของ Common Core State Standards (CCSS) ผสานกับแนวทางการเรียนรู้ระดับโลก ที่ออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้เหมาะสมกับพัฒนาการของนักเรียนในแต่ละช่วงชั้น

ขยายขอบเขตการเรียนรู้ที่ D-PREP Secondary Campus

สำหรับนักเรียนระดับ Middle & High School หรือเกรด 6-12 จะได้เรียนรู้ที่ D-PREP Secondary Campusแคมปัสใหม่ที่เป็นพื้นที่การเรียนรู้สุดล้ำสมัย ตอบโจทย์กับแนวทางการเรียนรู้แบบ “Experiential Learning” ที่นักเรียนจะได้เรียนรู้ภายในห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ร่วมกัน (Collaborative Learning) ห้อมล้อมด้วยพื้นที่สีเขียว เหมาะทั้งสำหรับการพักผ่อนและการออกสำรวจ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น Rooftop Garden, ห้องเรียน Design Technology, สนามฟุตบอล, สระว่ายน้ำ, Dance Room, Music & Recording Room, หอประชุมสุดอลังการ และอื่นๆ อีกมากมาย โดยทุกพื้นที่ยังเชื่อมถึงกัน สะท้อนถึงการเรียนรู้ และการจุดประกายแรงบันดาลใจใหม่ๆ ที่ไม่รู้จบ

การเรียนรู้ในระดับ Middle School

นักเรียนจะได้เริ่มค้นหาตัวตนและความสนใจของตนเอง ผ่านการเรียนรู้แบบ Expeditionary Learning ซึ่งผสมผสานแนวคิดทางวิชาการและการออกสำรวจ เข้ากับการประยุกต์ใช้ในโลกแห่งความเป็นจริง ช่วยให้นักเรียนได้มีส่วนร่วมกับมิติที่หลากหลายของชีวิตและการศึกษา พร้อมปลูกฝังความเป็นอิสระในการเรียนรู้ของตนเอง

การเรียนรู้ในระดับ High School

ในระดับ High School นักเรียนจะได้เตรียมความพร้อมสู่การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยและเส้นทางอาชีพในอนาคต ผ่านหลักสูตรเฉพาะทางที่เข้มข้น D-PREP และ 3 เส้นทางการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เพื่อสนับสนุนการเติบโตทั้งทางวิชาการและเป้าหมายในอนาคตเฉพาะบุคคล ได้แก่:

• STEAM (Science, Technology, Engineering, Arts, and Mathematics): ออกแบบสำหรับนักเรียนที่หลงใหลในด้านวิชาการ นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์

• Global Leadership and Entrepreneurship: มุ่งเน้นพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำและความสามารถในการเป็นผู้ประกอบการในโลกยุคใหม่

• Individualized Passion Program: เส้นทางการเรียนรู้แบบเฉพาะบุคคลที่ให้นักเรียนสามารถสำรวจความสนใจและเป้าหมายอาชีพของตนเอง เพื่อให้เกิดประสบการณ์ทางการศึกษาที่ตรงตามความต้องการและมีความหมายอย่างแท้จริง

โอกาสฝึกงานและเตรียมความพร้อมสู่มหาวิทยาลัย

เพื่อช่วยให้นักเรียนประสบความสำเร็จในการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยและเตรียมความพร้อมสู่เส้นทางอาชีพในอนาคต ทาง D-PREP ยังพร้อมสนับสนุนนักเรียนทุกคนผ่านการริเริ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น

• รายวิชา AP ที่เข้มข้น เป็นความรู้พื้นฐานระดับมหาวิทยาลัย ที่ยังช่วยให้นักเรียนสามารถแลกเปลี่ยนเป็นหน่วยกิตในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ออสเตรเลีย และอื่นๆ
• โอกาสฝึกงานกับบริษัทชั้นนำ เพื่อให้นักเรียนได้รับประสบการณ์จากการทำงานจริง เปรียบเสมือนอีกหนึ่งโอกาสในการค้นพบความชอบและความฝัน ก่อนก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย
• โครงการแนะแนวอาชีพและการสมัครเข้ามหาวิทยาลัยสำหรับนักเรียน High School รวมถึงการสนับสนุนการสร้างแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) เพื่อแสดงศักยภาพและความสามารถของแต่ละคนได้อย่างดีที่สุด

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ D-PREP International School ได้แล้ววันนี้!

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

Website: https://www.dprep.ac.th 

LINE: @d-prep

Phone: 095-879-4944 | 02-105-1757

Phenomenon Based Learning หลักสูตรฟินแลนด์ ชูศักยภาพเด็ก “เจ้าโปรเจ็ก” ผ่านการลงมือและร่วมมือ

การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของเด็ก ไม่จำกัดอยู่แค่ในตำราอีกต่อไป เพราะสิ่งสำคัญในการเรียนรู้เพื่อเติบโตในโลก คือ “ความคิดวิเคราะห์และทักษะชีวิต” ซึ่งเราสามารถปลูกฝังและเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้แสดงออกทั้งทางความคิด การสื่อสาร และการเปิดรับ นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไม Thai International School นำ Phenomenon Based Learning หลักสูตรจากประเทศฟินแลนด์ ที่มีระบบการศึกษาดีติดอันดับต้น ๆ ของโลกมาปรับให้สอดคล้องกับโรงเรียนและการเรียนรู้ของเด็กไทยได้อย่างลงตัว

ทีมงานรักลูก มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหลักสูตร Phenomenon Based Learning ครูผู้สอน และผู้บริหารโรงเรียนถึงที่มาของหลักสูตร ผลสำเร็จของหลักสูตร และความเข้าใจของพ่อแม่ที่มีต่อหลักสูตรนี้ ซึ่งเป็นแนวทางการศึกษาที่น่าสนใจมาก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาโรงเรียนที่มีหลักสูตรในการเปิดพื้นที่ให้บุตรหลานของท่านได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ในแบบตัวเอง

Dr. Sari Muhonen ผู้เชี่ยวชาญหลักสูตร Phenomenon Based Learningเป็นผู้ที่เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนาและปรับใช้หลักสูตรนี้ให้กับคุณครู โดย Dr. Sari ให้มุมมองไว้อย่างน่าสนใจค่ะ

Phenomenon Based Learning มีหลากหลายวิธี ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ครูจะต้องเข้าใจคอนเซปต์ให้ได้ก่อน นั่นคือ เด็ก ๆ จะต้องตั้งตัวเป็นเจ้าของโครงการ (Project) ได้ด้วยตัวเอง และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ (Engagement) ซึ่งในระหว่างนั้นก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ความร่วมมือ(Collaboration) การคิดวิเคราะห์(Critical Thinking) ความคิดสร้างสรรค์(Creativity) และการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม 

ความร่วมมือถือว่าสำคัญมากสำหรับการเรียนรู้นี้ (Collaboration) เมื่อเด็ก ๆ ตั้งโจทย์ขึ้นมา (Phenomenon) จะมีคำถามเกิดขึ้นระหว่างกัน ทำไม อะไร อย่างไร เธอสงสัยเหมือนกันไหม งั้นมาหาคำตอบกัน ความร่วมมือจึงเกิดขึ้นและนำไปสู่การเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความสนุกและความสนใจที่จะค้นหาคำตอบ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมากพบว่า เมื่อเราวางโครงสร้างและกรอบการเรียนรู้ให้กับครูได้ชัดเจนแล้ว ก็จะนำไปสู่การปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศ และวิธีการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนที่จะไม่เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายและสนุกมากว่า ครูและนักเรียนจะสร้างโจทย์แบบไหนขึ้นมาก็ได้ มีความยืดหยุ่นมากพอที่เด็กจะสนใจอยากลงมือทำ และเห็นความเชื่อมโยงของทุกวิชาว่า สามารถนำไปสู่คำตอบและการเรียนรู้เรื่องเดียวกันได้ โดยไม่ต้องท่องตำราและเน้นเรื่องความเข้าใจเป็นสำคัญ

Dr. Sari เป็นผู้นำอบรมและร่วมพัฒนาหลักสูตร Phenomenon ในปี 2022 นับว่าเป็นปีที่ 3 แล้วที่เห็นได้ชัดว่า การเรียนรู้แบบที่เด็กสามารถออกแบบการเรียนรู้ของตัวเองได้ สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ เด็ก ๆ จะมีความสุขและสนุกในการทำงาน

Mr. Gerald E. Schoen อาจารย์ใหญ่ของ Thai International School เป็นหนึ่งในผู้เข้ารับการอบรมของหลักสูตร Phenomenon Based Learning และเห็นถึงประโยชน์ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวเด็กเป็นสำคัญ

การเรียนรู้โครงสร้าง (Structure) และ แนวทาง (Wireframe) จาก Dr. Sari ถือได้ว่าเป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแรงให้ครู เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม โดยเฉพาะการเรียนรู้แบบ Hands-on ที่จะต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำร่วมกัน

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ใช้ Phenomenon Based Learning พบว่าเด็ก ๆ ตื่นตัวมาก และได้สื่อสารความสำเร็จของเด็ก ๆ ผ่านจดหมายข่าวรายสัปดาห์ไปถึงผู้ปกครอง เพื่อให้ทราบว่าตอนนี้เด็ก ๆ เรียนรู้อะไร แบบไหน แล้วได้ผลสำเร็จอะไร ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้พ่อแม่เห็นศักยภาพในตัวลูกเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสารแนวคิดของหลักสูตรนี้มากขึ้นด้วย

โรงเรียนมีเป้าหมายว่า หลักสูตรนี้จะทำให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักคิดเชิงวิเคราะห์ และสามารถปรับใช้สิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้ในหลาย ๆ สถานการณ์

Mr. Maksymilian Alan Crawford รองอาจารย์ใหญ่ และเป็นหนึ่งในครูที่มีการปรับใช้ Phenomenon Based Learningในการเรียนของเด็กๆ กล่าวถึงผลสำเร็จของการเรียนรู้ที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนถึงระดับชุมชน (Community) ที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

การเรียนของเด็กเริ่มต้นจากการเปิดโอกาสให้เขาได้คิด และตั้งโจทย์ในเรื่องที่มีความสนใจ จากนั้นครูจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำ ชักชวนให้ตั้งคำถามและหาวิธีให้ได้คำตอบเพื่อนำมาเสนอ กระบวนการทำงานเป็นโครงการ (Project) เทอมละ 1 โครงการ เพื่อให้เด็กมีเวลาเรียนรู้อย่างเต็มที่จากทุกวิชา เพื่อนำมาประกอบกันเป็นองค์ความรู้ในการหาคำตอบและผลการทำงานตามโครงการที่ตั้งขึ้น ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้จัดเวทีในการนำเสนอผลงานของนักเรียน ในชื่อ Phenomenon Based Learning Fair พร้อมเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมชมการแสดงศักยภาพของเด็ก ๆ ตามกำหนดแผนงานด้วย

ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ปกครองเข้าใจว่า ลูกยังเล็กมากคงไม่สามารถตั้งโจทย์หรือสร้างโปรเจ็คของตัวเองได้ แต่จริง ๆ แล้วเด็ก ๆ ทำได้ดีกว่านั้นมาก แต่อาจจะเป็นเพราะความห่วง เราจึงประเมินความสามารถของเขาน้อยไป เพราะจริง ๆ แล้ว ความคิดสร้างสรรค์ การตั้งคำถามของเขาไปไกลและเก่งกว่าที่ผู้ปกครองคิด จึงเป็นที่มาว่าทำไมงานแฟร์ถึงสำคัญ เพราะเป็นโอกาสที่พี่อแม่จะได้เข้าใจทั้งหลักสูตรและเห็นการเติบโตที่น่าทึ่งของเด็ก ๆ นั่นเอง

คุณชยพล หลีระพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้ริเริ่มนำหลักสูตรPhenomenon Based Learning เข้ามาปรับใช้ในโรงเรียน โดยเล็งเห็นถึงประโยชน์และผลลัพธ์ของการเรียนรู้ที่จะสร้างคนคุณภาพในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีระบบและผลการศึกษาติดอันดับต้น ๆ ของโลก และเด็ก ๆ มีความสุขกับการเรียนมาก จึงเป็นที่มาว่า เด็กควรได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองมีความสนใจและเสริมด้วยทักษะอื่น ๆ เข้าไป การเรียนรู้ต้องไม่ทำให้เด็กเบื่อและท้อ แต่ต้องทำให้เขาตื่นตัวตลอดเวลาเพราะเขาได้ลงมือทำด้วยตัวเอง

สิ่งที่น่าสนใจของPhenomenon Based Learning คือ เด็ก ๆ จะเห็นภาพรวมของการเรียนรู้ว่าทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันหมดจนเกิดเป็นการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา เช่น มีโจทย์เรื่องแมว เด็กแต่ละคนก็จะหามุมของแมวมาเป็นโจทย์ในการศึกษา ได้แก่ ขนแมว ลิ้นแมว เท้าแมว และแต่ละวิชาในช่วงนั้นจะต้องสอนเรื่องที่เชื่อมโยงกับแมว เช่น ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ เป็นต้น เมื่อเรียนรู้ร่วมกันก็จะเห็นว่าทุกอย่างคือเรื่องเดียวกัน คุณครูก็จะเป็นผู้แนะนำและกระตุ้นให้เด็กตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ แล้วนำมาเรียบเรียง เสนอแนวคิด และสรุปการทำงานด้วยตัวเอง

การใช้เทคโนโลยีกับ Phenomenon Based Learningจึงยังจำเป็น แต่ก็ต้องมีการจำกัดการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งสำคัญคือ เขาต้องไปลงมือทำ ทดลอง ทดสอบ แล้วเห็นผลด้วยตัวเอง เมื่อการเรียนรู้เกิดขึ้นก็จะกลายเป็นการสื่อสาร ซึ่งเด็กๆ จะมีเรื่องเล่ามากมายไปเล่าให้เพื่อนฟัง เล่าให้ผู้ปกครองฟังว่าในแต่ละวันได้เรียนรู้อะไร โปรเจ็กของเรามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผู้ปกครองเองก็จะเห็นการเติบโตทางความคิดของลูกชัดเจนมาก โดยพ่อแม่เองก็มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของเขาด้วย เช่น รับฟังในสิ่งที่เขาคิด ช่วยแนะแนวทาง ช่วยหาอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกได้ลงมือทำได้อย่างเด็กที่

Phenomenon Based Learning ของ Thai International School ถือว่าเป็นหลักสูตรการเรียนที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่โลกขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การหลุดออกจากกรอบเดิม ๆ ด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ขึ้นมา ดังนั้น Life Skills จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กจำเป็นต้องมีติดตัวไว้ เพื่อนำไปปรับใช้กับทุก ๆ สถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่งค่ะ

ติดตามหลักสูตร Phenomenon Based Learning ได้ที่

https://www.facebook.com/Thaiinternationalschool

(พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์)

XCL ASB Sukhumvit มอบทุนมูลค่ารวม 6 ล้านบาท สำหรับเกรด 6-11 เฉพาะปีการศึกษา 2025-2026 นี้

คุณพ่อคุณแม่คนไหนกำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติให้ลูก ขอแนะนำ XCL ASB Sukhumvit ค่ะ และตอนนี้มีโปรเจ็คมอบทุนมูลค่ารวม 6 ล้านบาท สำหรับนักเรียนเกรด 6-11 ที่มีความเป็นเลิศ ทางด้านวิชาการและความสามารถพิเศษ

XCL American School of Bangkok, Sukhumvitหรือ XCL ASB Sukhumvit โรงเรียนนานาชาติ หลักสูตรอเมริกันที่มุ่งเน้นอนาคต ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท พร้อมเปิดรับสมัครทุนการศึกษาสูงสุด 50% มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท สำหรับนักเรียนเข้าใหม่ในระดับเกรด 6-11 ที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 3.00 และมีประสบการณ์การเรียนรู้ในโรงเรียนนานาชาติ

สมัครทุนการศึกษาได้แล้ววันนี้: https://bit.ly/4k4SiBR

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีแห่งความไว้วางใจตั้งแต่ปี 1983 ทางโรงเรียน XCL American School of Bangkok, Sukhumvit ได้เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศทางการศึกษาและนวัตกรรม มุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรอเมริกัน ที่เตรียมนักเรียนทุกคนให้พร้อมสำหรับโลกแห่งอนาคต ตั้งแต่ระดับ Pre-Kindergarten จนถึง High School จากกว่า 40 สัญชาติทั่วโลก

โดย XCL ASB Sukhumvit ให้ความสำคัญกับการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน ผ่านหลักสูตรที่เข้มข้น ยึดตามมาตรฐาน Common Core State Standards (CCSS) และการรับรองระดับสากลอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมสอดแทรกแนวทางการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น Project-based Learning, Social-Emotional Learning, โปรแกรม Advanced Placement (AP) เพื่อให้นักเรียนทุกคนเกิดทักษะและความเป็นเลิศที่รอบด้านยิ่งขึ้น

ในปีการศึกษา 2025-2026 ทางโรงเรียน XCL ASB Sukhumvit ได้จัดสรรทุนการศึกษาสูงสุด 50% มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

ทุนความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ (Academic Excellence Scholarship) มอบให้แก่นักเรียนที่มีความโดดเด่นทางวิชาการ มุ่งมั่นในการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง โดยทุนนี้ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

คุณสมบัติผู้สมัคร:

✅ เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ขั้นต่ำ 3.0 ขึ้นไป

✅ มีรางวัลทางวิชาการ เช่น เกียรติบัตร ผลงานวิจัย หรือถ้วยรางวัลทางวิชาการ

✅ จดหมายแนะนำจากคุณครูและผู้ทรงคุณวุฒิในด้านที่เกี่ยวข้อง

✅ เรียงความแสดงเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาตนเอง

✅ ประสบการณ์เข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการ

สมัครทุนการศึกษาได้แล้ววันนี้: https://bit.ly/4k4SiBR

ทุนความสามารถพิเศษ (Outstanding Talent Scholarship) มอบให้แก่นักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นในด้านศิลปะ กีฬา ดนตรี ภาวะผู้นำ และอื่น ๆ สมดุลด้วยทักษะทางด้านวิชาการ และมีศักยภาพในด้านการเป็นผู้นำ รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมรอบข้างต่อไปในอนาคต

คุณสมบัติผู้สมัคร:

✅ เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ขั้นต่ำ 3.0 ขึ้นไป

✅ ผลงานที่ได้รับการยอมรับ เช่น รางวัล การแข่งขัน หรือการแสดงในสาขาที่สมัคร

✅ แฟ้มผลงาน (Portfolio) หรือหลักฐานแสดงความสามารถ เช่น งานศิลปะ บันทึกการแสดง หรือโครงการด้านภาวะผู้นำ

✅ มีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน

✅ จดหมายแนะนำจากคุณครูและผู้ทรงคุณวุฒิในด้านที่เกี่ยวข้อง

✅ เรียงความแสดงเป้าหมายและแรงบันดาลใจ

สมัครทุนการศึกษาได้แล้ววันนี้: https://bit.ly/4k4SiBR

ผู้สมัครทุกคนสามารถส่งใบสมัครได้จนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2025 โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจะได้รับเชิญให้เข้าสัมภาษณ์ และจะประกาศผลผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาในเดือน เมษายน 2025

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

XCL American School of Bangkok, Sukhumvit | ACHIEVE. STRIVE. BELONG.

🌍 Website: https://www.asbsk.ac.th

📱 LINE: @asbsukhumvit

📞 Tel: 064-564-4949, 066-132-3202

พาไปเยี่ยมชม RBIS International School โรงเรียนนานาชาติประเทศอังกฤษ

คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ บ้านที่อยู่ในช่วงกำลังมองหาโรงเรียนให้ลูก เชื่อว่าหลายบ้านกำลังสับสนอยู่ว่าจะเลือกโรงเรียนแบบไหน โรงเรียนอะไร การเรียนการสอนแนวไหนให้ลูกดี วันนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเยี่ยมชม “โรงเรียนนานาชาติ” ที่หลายคนเคยได้ยินชื่อมายาวนาน นั่นคือ RBIS International School โรงเรียนนานาชาติประเทศอังกฤษ

RBIS International Schoolตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเลยค่ะ สามารถเดินทางมาได้หลายทาง หรือจะมาด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ก็สะดวกเช่นกัน

 

ฝั่ง Secondary RBIS International School

ใน ซอยราชวิถี 2 มี RBIS International School ตั้งอยู่ด้วยกันแยกเป็นฝั่งเด็กเล็ก และประถม หรือ Early Yearและ Primary ส่วน Secondary หรือมัธยมฯ จะตั้งอยู่ห่างออกไปนิดหน่อย แต่อยู่ในซอยเดียวกัน

 

 

บริเวณ โรงเรียนมีที่จอดรถให้สำหรับผู้ปกครองที่เข้ามาส่ง และด้วยจำนวนเด็กนักเรียนที่ไม่เยอะมาก ทำให้ไม่มีปัญหาการจราจรหน้าโรงเรียนเท่าไหร่

RBIS International School

RBIS International School เป็น โรงเรียนนานาชาติหลักสูตรประเทศอังกฤษ ตั้งอยู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ใกล้อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ นโยบายของโรงเรียนคือ การให้การศึกษานักเรียนในมาตรฐานที่สูง โรงเรียนได้เปิดสอนมากกว่า 43 ปี และได้รับการรับรองวิทยฐานะจากองค์กร CfBT ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านการศึกษาของโลก

โรงเรียนเปิดรับสมัครนักเรียนตั้งแต่อายุ 18 เดือน ถึง 18 ปี โดยมีหลักสูตรการศึกษาจากประเทศอังกฤษครบครัน ตั้งแต่ชั้นก่อนวัยเรียนจนถึงมัธยมปลาย เตรียมความพร้อมเข้ามหาวิทยาลัย เสมือนหนึ่งได้ศึกษาในประเทศอังกฤษดัวยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและบุคลากรที่มีคุณภาพเท่าเทียมกับประเทศอังกฤษ

ปรัชญาการศึกษาของเราคือ Aim Even Higher บุคลากรด้านการศึกษาของเรา รวมถึงครูผู้สอนทุกท่านล้วนมีคุณวุฒิ วัยวุฒิที่เหมาะสมทั้งสิ้น จำนวนนักเรียนที่ไม่เกิน 25 คนต่อชั้นเรียนนั้นสามารถการันตีถึงการดูแลเอาใจใส่และคุณภาพด้านการเรียนการสอนอย่างดีจากครูชาวต่างประเทศ เราภาคภูมิใจกับผลการเรียนที่ดีมากและการเจริญเติบโตที่เป็นคนที่สมบูรณ์แบบและพร้อมที่จะก้าวสู่โลกภายนอกอย่างน่าชื่นชม ในเรื่องของการสอนภาษาอื่นๆเพิ่มเติมนอกเหนือจากภาษาอังกฤษนั้นมีด้วยกัน 3 ภาษาคือวิชาภาษาไทย (เป็นวิชาบังคับ) ภาษาจีน(เป็นวิชาบังคับ) ส่วนวิชาภาษาอื่นเป็นวิชาเลือก

การศึกษาที่สมบูรณ์แบบสำหรับเราคือ การที่นักเรียนได้รับการอบรมและได้เรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมที่ดีงามของประเทศไทย ประเทศอังกฤษและประเทศต่างๆ ทั้งเรื่องความสำคัญของกาลเทศะ มารยาท ความมีคุณธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นการส่งเสริมให้นักเรียนเติบโตเป็นคนดี มีความสามารถ ทางโรงเรียนให้ความสำคัญกับความสำเร็จทิ่มาจากความพยายามของเด็กแต่ละคนเพราะทุกคนมีความสำคัญสำหรับเรา และเราดูแลนักเรียนอย่างใส่ใจทุกคน เราส่งเสริมให้นักเรียนมีความมั่นใจมีทัศนคติที่ดีต่อตัวเองและผู้อื่น รู้จักคิด รู้จักรับผิดชอบ นักเรียนอาร์บิสจะทราบดี โรงเรียนคาดหวังให้พวกเขามีความมุมานะเพื่อผลการเรียนที่ดี และอนาคตที่ดี เราจะสนับสนุนให้นักเรียนสร้างความเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตัวเองในทุกเทอม

สำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายนั้นเป็นช่วงที่จะต้องก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยและเข้าสู่ชีวิตวัยทำงานในอนาคต ฝ่ายแนะแนวจะเพิ่มความเข้มข้นและการวางแผนให้นักเรียน

องค์กร CfBT ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านการศึกษาของโลก ได้พูดถึงโรงเรียนว่า

RBIS International Schoolให้ความใส่ใจเป็นอย่างมากกับผลการเรียนและการพัฒนาด้านบุคลิกภาพของนักเรียน ผลการเรียนของนักเรียนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่สูง แต่ที่เราประทับใจมากคือทัศนคติที่เป็นบวกของนักเรียนต่อตัวเองและผู้อื่น นักเรียนมีความสุขกับการมาโรงเรียนเพื่อเรียนรู้ มาตรฐานความสุขและสังคมที่ช่วยเหลือกันและกันของโรงเรียนนั้นสูงมาก นักเรียนมีความตั้งใจสูงมากและสนุกกับการเรียนเป็นอย่างมาก เราเห็นชัดว่านักเรียนเหล่านี้กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่รู้จักหน้าที่ของตัวเองและคนรอบข้าง ส่วนหลักสูตรของโรงเรียนนั้นก็นำสมัยและกระตุ้นจินตนาการ เนื้อหาของแต่ละวิชาจะเชื่อมโยงกันและสร้างความเข้าใจในด้านลึกให้แก่ผู้เรียนทั้งในด้านองค์ความรู้และทักษะ นักเรียนจะเห็นและเข้าใจความต่อเนื่องของวิชาต่างๆ ทำให้การเรียนนั้นเป็นเรื่องสนุกและง่ายขึ้นเพราะนักเรียนสามารถเห็นถึงประโยชน์ของการเรียนและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้


เหตุผลหลักที่นักเรียนประสบความสำเร็จในการเรียนและมีความสุขสนุกกับการเรียนคือ หลักสูตรที่ทันสมัยและกระตุ้นจินตนาการของผู้เรียน ครูผู้สอนมีคุณภาพมากและเตรียมการสอนมาเป็นอย่างดีนักเรียนทราบจุดมุ่งหมายของการเรียนในแต่ละครั้ง เนื้อหาขององค์ความรู้และทักษะของแต่ละวิชาจะมีความเชื่อมโยงและต่อเนื่อง จึงทำให้การเข้าใจนั้นง่ายขึ้นและสามารถนำไปใช้ในชีวิตจริงได้


กิจกรรมหลังเลิกเรียนก็หลากหลายทั้งด้านกีฬา ดนตรีและศิลปะ และอื่นๆ มีชมรมที่มีครูเป็นผู้สอนและนักเรียนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เช่นชมรมคณิตศาสตร์ โยคะ ฟุตบอล ซึ่งบางชมรมผุ้ปกครองก็สามารถร่วมกิจกรรมได้

การเยี่ยมชมโรงเรียน
ผู้ปกครองที่สนใจเยี่ยมชมโรงเรียนสามารถดูข้อมูลเบื้องต้นได้ผ่านทางเว็บไซต์ ของโรงเรียน หรือโทรเข้ามานัดเยี่ยมชมโรงเรียนได้ที่เบอร์ 02- 644 5291 ต่อ 101

สถานที่ตั้ง :

48/2 ซอยราชวิถี 2 ถนนราชวิถี

สามเสนใน พญาไท กรุงเทพ 10400

อีเมล์ :

• This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
• This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

โทรศัพท์ : +66 (0) 26445291-2

เว็บไซต์ :www.rbis.ac.th

School Profile

RBIS International School

We are a caring, active , forward–thinking and professional institution; an established British urriculum School from 18 months (EYFS and Primary) to 18 years (IGCSEs, A Levels).The school provides first rate education in a safe and nurturing environment with smaller class sizes. Quality education is at the heart of our policy.

Age Range:18 months to 18 years

Curriculum: British System (EYFS, Primary, IGCSEs, A Levels) Day and Boarding

School Motto: AIM EVEN HIGHER

Accreditations:CfBT, ONESQA
Member of International Schools of Thailand Association
International Examinations Centre of University of Cambridge

School Transportation Service: Yes

Enrichment Programmes: Saturday School, October School, Summer Taster (March-May),IGCSE Revision, Summer School (July-August)

School Address: RBIS International School, 48/2 Soi Rajavithi, Rajavithi Road, Samsennai, Phayathai, Bangkok 10400, Thailand

Nearest Sky Train Stations: Sanam Pao and Victory Monument

Telephone Number:+66(2)6445291-2

School website: www.rbis.ac.th

Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. , This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.

รวมโรงเรียนนานาชาติ 163 แห่ง ทั่วประเทศไทย

โรงเรียนนานาชาติเป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาในระบบโดยใช้หลักสูตรต่างประเทศ หรือหลักสูตรต่างประเทศที่ปรับรายละเอียดเนื้อหา รายวิชาใหม่หรือหลักสูตรที่จัดทำขึ้นเองที่ไม่ใช่หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ และใช้ภาษาต่างประเทศเป็นสื่อในการเรียนการสอนให้กับนักเรียน โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และไม่ขัดต่อศีลธรรมและความมั่นคงของประเทศ

ซึ่งในประเทศไทยมีโรงเรียนนานาชาติเยอะมากค่ะ คุณพ่อคุณแม่คนไหนที่กำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติให้ลูก รักลูกรวบรวมเอาไว้ที่ให้แล้วค่ะ 

​