เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เดี๋ยวอากาศร้อน สักพักฝนตก เจ้าตัวเล็กอาจจะมีอาการของระบบทางเดินหายใจ
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกเริ่มเข้าใกล้โรคภูมิแพ้แล้ว
ฟังวิธีการสังเกต และวิธีการดูและเมื่อลูกเป็นโรคภูมิแพ้โดย The Expert รศ.พญ.รวีรัตน์ สิชณรังษี
กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน โรงพยาบาลพระรามเก้า
Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB
Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX
Youtube: https://bit.ly/3cxn31u
โรคภูมิแพ้ผิวหนัง ไม่ใช่แค่ผื่นคันแต่กระทบพัฒนาการของลูกระยะยาวหงุดหงิดง่าย ไม่สบายตัว และเมื่อคันบ่อย ๆ ก็จะเกิดเป็นแผลถลอก เป็น ๆ หาย ๆ ยิ่งสภาพอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยก็กระตุ้นทำให้เกิดอาการได้ง่าย
ฟังวิธีการรับมือเมื่อเป็นภูมิแพ้ผิวหนัง โดย The Expert
ผศ.พิเศษ.พญ.นุชนาฏ รุจิเมธาภาส
กุมารเวชศาสตร์ตจวิทยา โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke
ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ ลูกแพ้นมวัว หรือแม้แต่ลูกแพ้อาหาร สาเหตุหนึ่งอาจเกิดจากกรรมพันธุ์จากพ่อแม่ แต่รู้ไหมว่านมแม่ช่วยลดอาการภูมิแพ้ในเด็กของลูกเล็กได้นะ
คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะ ว่า โรคภูมิแพ้ ภูมิแพ้ในเด็ก หรือลูกที่เป็นภูมิแพ้ เป็นโรคทางพันธุกรรมที่สามารถถ่ายทอดจากพ่อแม่ไปสู่ลูกได้โดยไม่รู้ตัว ยิ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่เป็นโรคภูมิแพ้ทั้งคู่ด้วยแล้วล่ะก็ ลูกเราอาจมีความเสี่ยงหรือมีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ได้สูงถึง 80% เลยทีเดียว
ลูกเป็นโรคภูมิแพ้ ถ่ายทอดจากพ่อแม่โดยไม่รู้ตัว แต่นมแม่ช่วยได้
อาการบางอย่างของโรคภูมิแพ้ คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตความผิดปกติเองได้ เช่น ไอจามยาวๆ คัดจมูกฟึดฟัด หายใจไม่ออก นอนกรน ฯลฯ ซึ่งเป็นสัญญาณของอาการโรคภูมิแพ้ของลูก แต่สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ยังไม่รู้คือ สาเหตุหลักที่กระตุ้นให้ลูกแสดงอาการของโรคภูมิแพ้ออกมา ดังนั้นหากเรารู้สาเหตุหลักก็จะสามารถป้องกันและดูแลกันได้อย่างถูกต้องเพื่อลดและเลี่ยงความเสี่ยงของอาการภูมิแพ้ในเด็กค่ะ

แพ้อาหาร แพ้นมวัว ตัวการสำคัญที่กระตุ้นและทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ในเด็ก
โรคภูมิแพ้ในเด็กเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยสุดคือ การแพ้อาหาร โดยเฉพาะการแพ้โปรตีนนมวัว เนื่องจากโมเลกุลของโปรตีนนมวัวที่มีขนาดใหญ่ พอถูกดูดซึมจะเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิต้านทานของเด็กทารกที่ยังพัฒนาไม่สมบูรณ์ ทำให้ร่างกายคิดว่าเป็นสิ่งแปลกปลอม พยายามกำจัดออกจนเกิดอาการแพ้ต่างๆ เช่น เป็นผื่นแพ้ผิวหนัง ปวดท้อง เป็นหวัดบ่อย หายใจมีเสียงวี้ด บางรายถึงขั้นอาเจียน หอบเหนื่อย ถ่ายเป็นเลือด และอาจถึงภาวะช็อคได้
นอกจากนี้ การแพ้โปรตีนนมวัวยังมักเป็นอาการเริ่มแรกที่อาจลุกลามไปสู่อาการแพ้อื่นๆ ตามมาในอนาคต จนอาจเป็นอุปสรรคต่อพัฒนาการของลูกในระยะยาว คุณพ่อคุณแม่จึงยิ่งต้องให้ความสำคัญกับการป้องกันไม่ให้ลูกเกิดโรคภูมิแพ้ตั้งแต่ในขวบปีแรก

นมแม่ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ในเด็กได้
ศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แนะนำว่า การรักษาโรคแพ้นมวัวเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ใช้เวลานาน และส่งผลเสียต่อพัฒนาการด้านต่างๆ ของเด็ก การป้องกันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
การให้นมแม่ช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ได้ดีที่สุด แพทย์จึงแนะนำให้เด็กหลังคลอดดื่มนมแม่อย่างเดียวจนถึง 6 เดือนแรก เพื่อลดโอกาสการแพ้นมวัว เพราะธรรมชาติได้สร้างให้น้ำนมแม่มีโปรตีนรูปแบบเฉพาะที่ไม่กระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้ และยังมีองค์ประกอบที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ลูกหลายชนิด เช่น พรีไบโอติก
ในบางกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมแม่กับลูกได้ เช่น คุณแม่อยู่ในระหว่างรักษาโรคติดเชื้อในกระแสเลือด ทำคีโมรักษามะเร็ง เป็นอีสุกอีใส ฯลฯ การเลือกนมสำหรับเด็กเพื่อทดแทนนมแม่ในช่วงดังกล่าวมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคภูมิแพ้ หรือไฮโปแอลเลอเจนิค (H.A. Hypo-Allergenic) ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลูกได้ค่ะ เพราะนมดังกล่าวจะได้รับการพัฒนาและผ่านกระบวนการย่อยสลายโปรตีนเวย์ให้มีโมเลกุลขนาดเล็กลง* พร้อมเสริมสร้างภูมิต้านทานด้วยพรีไบโอติกในสัดส่วนที่มีผลการวิจัยยืนยันว่า ช่วยลดการเกิดผื่นแพ้ผิวหนังได้ถึงกว่า 50% ปกป้องลูกน้อยยาวนานจนอายุ 5 ปี
มาทดสอบความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ในเด็ก ลูกแพ้นมวัว ลูกแพ้อาหารกันเถอะ
ถ้าคุณพ่อคุณแม่คนไหนสงสัยว่า ลูกเรามีความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิแพ้ในเด็ก แพ้นมวัว หรือแพ้อาหารหรือไม่ เราสามารถเช็คเบื้องต้นได้ตั้งแต่ตอนตั้งครรภ์ เพื่อหาวิธีป้องกัน ลดความเสี่ยง รวมถึงรับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยค่ะ
Remark: * ตามแนวทางปฏิบัติในการป้องกันโรคภูมิแพ้ของประเทศไทย โดยสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย

(พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์)

ปัจจุบันแม่เลือกผ่าคลอดลูกมากขึ้นด้วยเหตุผลต่างกัน การผ่าคลอดเสี่ยงทำให้ลูกเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นตามไปด้วยจริงไหม คุณหมอมีข้อเท็จจริงมาบอกค่ะ
หมอมาแนะเอง! แม่เลือกผ่าคลอด เพิ่มความเสี่ยงลูกเป็นภูมิแพ้
ปัจจุบันทารกที่คลอดด้วยการผ่าตัดนั้น มีความเสี่ยงต่อการเกิด โรคภูมิแพ้ สูงกว่าทารกที่คลอดด้วยวิธีธรรมชาติ โดยเฉลี่ยเด็กมากกว่า 30-40 % จะป่วยเป็น โรคภูมิแพ้ และในอนาคตเด็กที่โตเป็นผู้ใหญ่ มีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้ เช่น พันธุกรรม มลพิษที่มีอยู่ทั่วไป อายุที่เปลี่ยนแปลง และส่วนหนึ่งที่องค์การอนามัยโลกได้วิจัยมาแล้วว่า เกิดจากการคลอดทารกโดยวิธีผ่าตัดทางหน้าท้อง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เด็กจำนวนมากป่วยเป็นโรคภูมิแพ้เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน
ปกติแล้วเมื่อครบกำหนดก็จะคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ คือ ทารกจะเคลื่อนออกจากมดลูกผ่านลงมายังช่องคลอด และได้รับจุลชีพโพรไบโอติกที่เป็นประโยชน์ ซึ่งอยู่ในช่องคลอดและในลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง ใกล้ ๆ ทวารหนักของคุณแม่ รวมถึงที่ปนอยู่กับมูกเลือดในช่องคลอด ผ่านเข้าทางปากและจมูกของทารก โดยจุลชีพนี้จะไปกระตุ้นให้ร่างกายเริ่มพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สมบูรณ์
ต่างจากวิธีการผ่าตัดคลอดที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ที่ทารกจะคลอดออกมาทางแผลผ่าตัดหน้าท้อง ทำให้หมดโอกาสที่จะได้รับจุลชีพโพรไบโอติกในช่องคลอดและลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง นอกจากนี้ในการผ่าตัดคลอด คุณแม่ส่วนใหญ่มักจะได้รับยาปฏิชีวนะ เพื่อป้องกันการติดเชื้อขณะผ่าตัด ทำให้เชื้อจุลชีพ ทั้งเชื้อก่อโรคและโพรไบโอติกถูกฆ่าทำลายไปด้วยกัน ก็ยิ่งทำให้ทารกหมดโอกาสที่จะได้รับจุลชีพโพรไบโอติก และอาจได้รับเชื้อจุลชีพก่อโรคภายในโรงพยาบาล
ปัจจุบันมีทารกและเด็กเป็นภูมิแพ้มากขึ้นจนน่าเป็นห่วง เมื่อดูประวัติการคลอดพบว่า เด็กที่คลอดโดยการผ่าตัดคลอด มีอัตราการเจ็บป่วยมากกว่าเด็กที่คลอดด้วยวิธีปกติ 3-4 เท่า อย่างไรก็ดี โดยทั่วไปสูติแพทย์จะแนะนำให้คุณแม่ทุกคนคลอดด้วยวิธีธรรมชาติตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ก่อน เพราะเสียเลือดน้อย ฟื้นตัวไว เจ็บแผลน้อยกว่า และมดลูกกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วกว่าการผ่าคลอด ซึ่งควรเป็นทางเลือกที่มีความจำเป็นสำหรับคุณแม่และทารก หรือ ตามข้อบ่งชี้ของมาตรฐานการดูแลสตรีมีครรภ์ขณะคลอดเท่านั้น
ผศ.นพ.มานพชัย ธรรมคันโธ
ภาควิชาสูติศาสตร์ –นรีเวชวิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

อาการแพ้นมวัวอาจเกิดขึ้นกับลูกทารกได้ค่ะ อาการแพ้นมวัวเป็นอย่างไร ผื่นแพ้นมวัวสังเกตอย่างไร รีบอ่านกันค่ะ เพื่อการป้องกันและรักษาได้อย่างถูกต้อง
เด็กแพ้นมวัว อาการเด็กแพ้นมวัวเป็นอย่างไร มารู้สาเหตุและวิธีแก้อาการแพ้นมวัว
อาการแพ้นมวัว ลูกแพ้นมวัวได้อย่างไร
- คุณพ่อหรือคุณแม่มีประวัติโรคภูมิแพ้ เช่น แพ้อากาศ แพ้อาหาร หอบหืด เป็นต้น
- ลูกคนก่อนเคยมีประวัติแพ้นมวัว
- คุณแม่ดื่มนมวัวมากเป็นพิเศษระหว่างตั้งครรภ์
- คุณแม่ดื่มนมวัวเป็นประจำขณะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
- ลูกดื่มนมวัวตั้งแต่แรกเกิด
- ลูกได้รับนมแม่ในระยะสั้น
- ลูกปวดท้องร้องกวนแบบโคลิก
- ลูกมีอาการป่วยแบบเป็นๆ หายๆ ท้องเสียเรื้อรัง
พันธุกรรมเป็นสาเหตุเด่น โดยเฉพาะเด็กที่มีพ่อแม่เป็นภูมิแพ้ใด ๆ ก็ตาม เพราะอาการนี้ถ่ายทอดทางสายเลือด สาเหตุอีกประการ คือการถูกกระตุ้นด้วยสารก่อภูมิแพ้อยู่เป็นประจำ เช่น ช่วงตั้งครรภ์คุณแม่กินนมวัวมากเกินกว่าปกติ ทำให้ลูกในท้องมีโอกาสที่จะแพ้ได้ง่าย
ถ้าลูกมีอาการในข้อสุดท้าย และข้ออื่น ๆ มากกว่า 2 ข้อขึ้นไป แสดงว่าลูกมีโอกาสที่จะแพ้นมวัวสูง ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อตรวจวินิจฉัย และรับการรักษาอาการแพ้นมวัวอย่างถูกต้อง
อาการแพ้นมวัวเป็นอย่างไร
‘แพ้นมวัว’ มักเป็นในเด็กเล็กวัยต่ำกว่า 1 ปี สามารถจัดแบ่งกลุ่มอาการได้ 3 ระบบหลัก ได้แก่
- อาการแพ้นมวัวในระบบผิวหนัง เช่น ขึ้นผื่น ลมพิษ ผื่นแพ้ผิวหนังชนิดแห้งและลอก เป็นต้น เป็นกลุ่มอาการที่พบมากที่สุด โดยอาการทางผิวหนังจะเกิดขึ้นหลังกินนมไปแล้วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงจนถึงนานเป็นสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับลักษณะของผื่น
- อาการแพ้นมวัวในระบบทางเดินอาหาร ส่วนใหญ่จะมีอาการท้องเสียเรื้อรัง มีเพียงส่วนน้อยที่มีอาการท้องผูก ทำให้วินิจฉัยได้ยาก เพราะอาการอาจเป็นเรื้อรัง และไม่ได้เป็นทันทีหลังจากกินนมเข้าไป
- อาการแพ้นมวัวในระบบอื่น ๆ ในร่างกาย คือมีอาการแพ้รุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นในหลายระบบพร้อมกัน วินิจฉัยอาการได้ง่าย จะเกิดอาการหลังจากกินนมวัวภายใน 1-2 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 24 ชั่วโมง ได้แก่ เป็นผื่น หายใจไม่ออก อาเจียน ความดันต่ำ และช็อกหมดสติ ถือว่าเป็นภาวะภูมิแพ้ชนิดรุนแรง(Anaphylaxis) ซึ่งถ้าไม่รักษาให้ทันท่วงทีอาจทำให้เสียชีวิตได้
วิธีรักษาอาการแพ้นมวัว
วินิจฉัยด้วยการเจาะเลือด ต้องวินิจฉัยให้ทราบก่อนว่าลูกแพ้นมวัวแน่นอนหรือไม่ ถ้าเป็นภูมิแพ้ชนิดรุนแรง หรือมีอาการแสดงทางผิวหนัง การวินิจฉัยโดยการเจาะเลือดอาจได้ผล แต่ถ้าคนไข้มาด้วยอาการท้องเสีย จะต้องส่องกล้อง หรือตรวจอุจจาระ หรือทดสอบ Oral Challenge คือ ให้เด็กลองกินนมวัวทีละน้อยๆ จากนั้นสังเกตอาการเด็กภายใน 3-5 วัน ถ้าพบว่าแพ้ก็ต้องหลีกเลี่ยง วิธีนี้ไม่ควรทำเองที่บ้านเพราะถ้าอาจทำให้เกิดอาการแพ้แบบรุนแรงได้ ควรทำในโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการแพ้
กินนมเสริมชนิดที่ใช้กินทดแทนนมวัว ที่ให้คุณค่าทางสารอาหารใกล้เคียงนมวัว เช่น นมถั่วเหลือง ซึ่งผลวิจัยทางการแพทย์พิสูจน์แล้วว่าให้ประโยชน์โภชนาการครบถ้วนตามที่ร่างกายต้องการ และพบว่าเด็กส่วนใหญ่ที่แพ้นมวัวแล้วเปลี่ยนกินนมถั่วเหลืองจะไม่ปรากฏอาการแพ้
ดูแลอาการลูกแพ้นมวัวอย่างไร
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ต้องเลี่ยงนมวัว และถ้าเลิกกินนมแม่แล้ว ควรให้กินนมเสริมชนิดที่ใช้กินทดแทนนมวัว รวมถึงไม่กินอาหารเสริมหรือขนมที่มีนมวัวเป็นส่วนผสม ซึ่งคุณพ่อคุณแม่เองอาจไม่รู้ว่า อาหารชนิดนั้นมีนมวัวผสมอยู่หรือไม่ เลี่ยงได้ด้วยการไม่ให้ลูกกินขนม หรืออาหารที่ไม่มีคำอธิบายส่วนประกอบข้างบรรจุภัณฑ์
- ใช้ยา เป็นยาที่เหมาะสำหรับภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง ถ้าแพ้อาหารแล้วให้ยาป้องกันเพื่อให้กินอาหารชนิดนั้น ๆ ได้ จะไม่ค่อยได้ผลในการรักษา แนะนำให้หลีกเลี่ยงจะดีที่สุด
อาการนี้ไม่ใช่แพ้นมวัว
การพาลูกมาพบหมอด้วยอาการป่วยอื่นๆ เช่น น้ำมูกไหลเรื้อรัง หอบหืด เป็นหวัดบ่อย ต้องพึงระวังว่าอาจไม่ใช่อาการแพ้นมวัว ต้องให้แพทย์วินิจฉัยให้ชัดเจน และสิ่งสำคัญคือ การป้องกันสำหรับลูกคนต่อไปไม่ให้มีอาการแพ้ โดยคุณแม่ที่มีประวัติเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ ควรหลีกเลี่ยงการกินนมวัวปริมาณมากในขณะตั้งครรภ์ หรือต่อให้ไม่มีประวัติ แต่การกินนมวัวมากๆ อาจไปกระตุ้นให้เกิดการแพ้ได้
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการแพ้นมวัว
ความเชื่อที่ว่าให้กินอาหารทีละน้อย ๆ เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันเองนั้น เป็นความคิดที่ผิด เพราะการกินทีละน้อยๆ แบบนี้เหมือนเป็นการสะสม จะทำให้ร่างกายแพ้รุนแรงมากขึ้น เช่น เดิมทีอาจแพ้โดยมีอาการทางผิวหนังอย่างเดียว แต่พอคุณแม่ให้กินทีละนิดไปเรื่อยๆ อาจทำให้ลูกแพ้ถึงขั้นช็อกได้ เพราะหลักการของผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ร่างกายจะไวต่อสิ่งกระตุ้น ถ้ายิ่งได้รับสิ่งที่แพ้ไป ยิ่งไปกระตุ้นอาการแพ้ให้เป็นมากขึ้น
วิธีแก้อาการลูกแพ้คือต้องทำให้ร่างกายลืมว่าเคยแพ้อะไร เช่น ถ้าลูกแพ้นมวัว ลองให้ลูกหยุดกินไป 3-5 ปี ก็จะหาย และสามารถกลับมากินนมวัวได้ แต่อาหารบางชนิดอย่างถั่ว อาจแพ้ตลอดชีวิต ดังนั้นระยะเวลาในการงดอาหารแต่ละชนิดก็จะแตกต่างกันไป แค่คุณพ่อคุณแม่หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของลูกน้อย และทำตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด ลูกน้อยก็จะไม่เป็น 'เด็กขี้แพ้(นมวัว)' อีกต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ผศ.พญ.อรพรรณ โพชนุกูล
หัวหน้าหน่วยโรคภูมิแพ้ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์