![ทารกไม่สบาย, โรค หน้า หนาว, โรค ที่ มา กับ หน้า หนาว, โรค ที่ มา กับ ฤดู หนาว, โรคหน้าหนาว ทารก, ลูกป่วยบ่อย หน้าหนาว, โรคหวัด ไข้หวัด ทารก, ทารก เป็นหวัด, ทารก อิสุกอิใส, ทารกเป็นหัด, ทารก ปอดปวม, ทารก ท้องเสีย ท้องร่วง, โรคของทารก](/images/2023/baby-development/816.jpg)
ทารกไม่สบายง่าย เพราะภูมิคุ้มกันยังทำงานได้ไม่เต็มที่ และนี่คือ 5 โรคหน้าหนาวที่มักทำให้ลูกทารกไม่สบาย คุณแม่ต้องรู้และพร้อมรับมือค่ะ
รับมือ 5 โรคหน้าหนาวที่ทำให้ลูกทารกไม่สบาย ขัดขวางพัฒนาการทารก
ลูกทารกเป็นไข้หวัด
ไข้หวัดเกิดจากเชื้อไวรัสที่อยู่บริเวณเยื่อบุจมูก แพร่กระจายผ่านทางการจามและการสั่งน้ำมูก ส่วนเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดไข้หวัดใหญ่จะอยู่บริเวณเยื่อบุของระบบทางเดินหายใจ แพร่กระจายผ่านการไอ โดยการที่ลูกน้อยเป็นหวัดส่วนใหญ่จะเป็นการรับเชื้อไวรัสมาจากคนอื่น หรือรับเชื้อที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ ซึ่งในฤดูหนาวเชื้อยิ่งแพร่ระบายเร็วเพราะเชื้อเติบโตเร็ว
- มีไข้ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ จาม
- เวลามีไข้ร่างกายจะสูญเสียน้ำมากกว่าปกติควรให้ลูกดื่มน้ำมากขึ้นเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- วัดอุณหภูมิเป็นระยะจนกว่าไข้จะลด
- เลือกเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศดี แต่อบอุ่นให้ลูก
- ถ้าลูกมีไข้ต่ำไม่เกิน 38 องศาเซลเซียสไม่ควรให้ยาลดไข้ แต่ควรลดไข้ด้วยการเช็ดตัวโดยใช้ผ้าเนื้อนุ่มชุบน้ำอุ่นเช็ดตัวโดยเฉพาะบริเวณซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ
- ถ้าลูกมีไข้เกิน 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป ก่อนให้ยาลดไข้ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อความปลอดภัย
- หากให้ยาแล้วไข้ยังไม่ลดควรพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้อง
วิธีป้องกันลูกทารกจากไข้หวัด
ในช่วงฤดูหนาวเป็นช่วงที่เชื้อไวรัสแพร่กระจายและเจริญเติบเติบโตได้เร็ว ดังนั้นไม่ควรพาลูกออกไปในที่ที่มีคนอยู่เยอะ เพราะจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อให้ลูก นอกจากนี้คนในครอบครัวที่เป็นไข้หวัดก็ไม่ควรคลุกคลีกับลูกด้วย
-------------------------------------------------------------------
ลูกทารกท้องเสีย ท้องร่วงเพราะไวรัสโรต้า
ในฤดูหนาวจะมีเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคท้องร่วงในเด็กเล็กๆ ได้ค่อนข้างบ่อย ที่พบมากคือโรตาไวรัสซึ่งก่อให้เกิดโรคท้องร่วงรุนแรง และถึงแม้จะได้รับเชื้อไม่มากก็ก่อให้เกิดโรคได้ โดยโรคท้องร่วงที่เกิดจากเชื้อโรตาไวรัสมักจะพบในเด็กอายุตั้งแต่ 3 เดือน-2 ปี
- เด็กที่ได้เชื้อจะมีไข้ อาเจียน ถ่ายเหลว ความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับจำนวนเชื้อที่รับเข้าไป
- เด็กที่มีอาการรุนแรงจะถ่ายมาก ส่งผลให้เสียน้ำและเกลือแร่ในร่างกายไปเยอะ โดยการสูญเสียน้ำจากท้องร่วงที่มีเกิดจากเชื้อโรตาไวรัสจะรุนแรงและค่อนข้างมาก
- ควรให้ลูกดื่มน้ำมากๆ เพื่อชดเชยน้ำที่เสียไป นอกจากนี้ต้องให้น้ำตาลเกลือแร่กับลูกด้วยเพื่อชดเชยเกลือแร่ที่เสียไป
- หากอาการลูกไม่ดีขึ้น ควรรีบพาไปพบคุณหมอทันที
วิธีป้องกันลูกทารกจากอาการท้องเสีย ท้องร่วง
เชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดอาการท้องร่วงกับลูกน้อยจะติดเชื้อจากทางปาก จึงต้องดูแลรักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อมและอาหาร ล้างมือให้สะอาด ระวังอย่าให้ลูกหยิบสิ่งของเข้าปาก อีกวิธีป้องกันที่ได้ผลดีคือการฉีดวัคซีน โดยวัคซีนจะฉีดในเด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือนโดยฉีด 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 หลังคลอด 6 สัปดาห์และครั้งที่ 2 ฉีดภายใน 6 เดือน
-------------------------------------------------------------------
ลูกทารกเป็นปอดบวม
โรคปอดบวมเกิดจากการติดเชื้อที่ปอด โดยติดเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรีย โรคนี้พบบ่อยในช่วงระหว่างฤดูฝนและฤดูหนาว หรือตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนมีนาคม พบมากในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 4 ปี ติดต่อผ่านทางการหายใจ น้ำมูก และน้ำลาย
- อาการของปวดบวมคือ มีไข้ ไอ หายใจเร็ว หอบเหนื่อย หายใจลำบาก นอกจากนี้ลูกจะงอแง ซึม
- บางรายอาการรุนแรงจะหายใจแรงจนจมูกบานหรือหน้าอกบุ๋ม และถ้าหลอดลมภายในปอดตีบอาจจะเกิดเสียงหายใจวี๊ด รายที่อาการรุนแรงมากอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว
- อย่าปล่อยให้ลูกหายใจลำบากอยู่นานจะทำให้ขาดออกซิเจน รีบพาลูกไปพบคุณหมอ
วิธีป้องกันลูกทารกจากปอดบวม
- หลีกเลี่ยงพาลูกน้อยไปในสถานที่ๆ มีคนมาก เช่นห้างสรรพสินค้า
- เลี่ยงเด็กจากควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์
- ช่วงอากาศที่หนาวเย็นควรให้ลูกเสื้อผ้าที่อบอุ่น นอนห่มผ้าเสมอ
- ควรพาลูกไปพบคุณหมอเกี่ยวกับการฉีควัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อและลดความรุนแรงของโรค
-------------------------------------------------------------------
ลูกทารกเป็นโรคหัด
เกิดจากเชื้อไวรัสรูบิโอลา พบมากในน้ำลายของผู้เป็นโรค ติดต่อง่ายและรวดเร็วจากการไอ จาม หายใจรดกัน หรือใช้สิ่งของร่วมกัน พบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ระบาดในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน
- อาการช่วงแรกหลังรับเชื้อโรคหัดไป 7 วัน มีอาการคล้ายไข้หวัด มีไข้สูงตลอดเวลา กินยาลดไข้แต่ไข้ไม่ลด ซึม งอแง ร้องกวน เบื่ออาหาร น้ำมูกใส ไอแห้ง บางรายทีอาการถ่ายเหลว และอาจชักจากการมีไข้
- ผื่นเริ่มขึ้น ลักษณะเป็นจุดแดงเล็กๆ ขนาดเท่าหัวเข็มหมุด เริ่มจากบริเวณตีนผม ซอกคอ ก่อนจะลามขึ้น ใบหน้า ลำตัว แขนขา อาจมีอาการคัน
- ผื่นจะขึ้นอยู่ 2-3 วันนับจากวันแรกที่ผื่นเริ่มขึ้นและจะจางลง โรคหัดส่วนใหญ่เป็นแล้วหายได้เอง
- ดูแลลูกปกติเหมือนเวลาป่วยเป็นไข้หวัด คือพักผ่อนมากๆ ดื่มน้ำเยอะ ๆ เช็ดตัวลดไข้ ไม่อาบน้ำเย็น ให้กินยารักษาตามอาการ
- ถ้ามีอาการไอ เสมหะข้น-เขียว หายใจมีเสียงวี๊ด(Wheeze) เพราะหลอดลมตีบควรพบคุณหมอ
วิธีป้องกันลูกจากโรคหัด
ควรหลีกเลี่ยงพาลูกไปยังสถานที่ที่มีคนมาก เช่น ศูนย์การค้า โรงภาพยนตร์ ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับฉีดป้องกัน และหากมีอาการควรอยู่ในการดูแลของคุณหมอ
-------------------------------------------------------------------
ลูกทารกเป็นอีสุกอีใส
มักระบาดในช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูร้อน จากเชื้อไวรัสชื่อวาริเซลลา หรือฮิวแมนเฮอร์ปี่ไวรัสชนิดที่ 3 ไวรัสนี้ติดต่อผ่านการหายใจ ไอ จาม สัมผัสถูกตุ่มแผลสุกใสโดยตรงหรือสัมผัสถูกของใช้ที่เปื้อนตุ่มแผลของคนเป็นโรค
- เมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายจะใช้เวลา 10-20 วันจึงเริ่มออกอาการ
- อาการเริ่มต้นคล้ายอาการไข้หวัดใหญ่ มีไข้ เบื่ออาหาร งอแง
- จากนั้นเริ่มมีผื่นแดง ก่อนเปลี่ยนเป็นตุ่ม มีน้ำใสภายในและคัน ตุ่มจะทยอยขึ้นทั่วตัวเต็มที่ภายใน 4 วัน ควรตัดเล็บลูกให้สั้นและใส่จำเป็นต้องใส่ถุงมือเพื่อกันลูกเกาซึ่งจะเป็นการทำให้เชื้อลุกลาม
- โรคนี้เป็นแล้วหายได้เอง แต่คุณแม่ต้องระวังอย่าให้เกิดโรคแทรกซ้อนกับลูกน้อย
- คุณแม่ควรดูแลรักษาลูกตามอาการ เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ เช็ดตัวลดไข้ ดื่มน้ำมากๆ กินยาลดไข้ตามคุณหมอสั่ง
- ควรรีบพาลูกน้อยพบคุณหมอด่วนถ้าลูกรับเชื้อไวรัสเป็นอีสุกอีใสตอนอายุน้อยกว่า 4 สัปดาห์เพราะเด็กยังไม่มีภูมิต้านทานเสี่ยงจะเกิดอาการแทรกซ้อนได้ง่ายหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง
- หากลูกมีอาการผิดปกติเช่น ตุ่มแผลติดเชื้อ หายใจขัด ควรพาลูกพบคุณหมอ
วิธีป้องกันลูกจากอีสุกอีใส
- อย่าให้ลูกสัมผัสกับผู้ป่วยโรคสุกใส ควรแยกห้องนอนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วยอีสุกอีใส
- ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคสุกใส เริ่มฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไปและฉีดซ้ำอีกครั้งเมื่ออายุ 4-6 ขวบ