facebook  youtube  line

10 วัดไหว้พระขอลูก มีลูกยาก อยากมีลูกต้องรีบไปก้มกราบ


ไหว้พระของลูก, ไหว้สิ่งสักดิ์สิทธิ์ขอลูก, ขอพรขอลูก, ขอลูกจากพระ, ขอลูกจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์, วัดดังขอลูก, อยากมีลูก, มีลูกยาก

คนอยากมีลูก มีลูกยากต้องไหว้พระ ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดไหนถึงจะมีลูกสมใจ เรารวบรวม 10 วัดไหวะพระขอลูกสำหรับคนอยากมีลูกมาไว้ให้แล้ว

10 วัดไหว้พระขอลูก มีลูกยาก อยากมีลูกต้องรีบไปก้มกราบ

ถ้าคุณเป็นคู่หนึ่งที่อยากมีลูกมาก แต่มีลูกยากเหลือเกิน ในระหว่างที่ใช้วิธีธรรมชาติสารพัด แถมยังรับคำแนะนำจากทั้งเพื่อนทั้งหมอมาก็เยอะแต่ยังไม่ท้อง ก็อย่าเพิ่งท้อค่ะ ลองหาที่พึ่งทางใจที่หลายๆ คู่ก็ไปพึ่งกันมาจนมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันมาเยอะว่า สถานที่เหล่านี้คือวัดและที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับขอพร ขอลูก ไหว้พระขอลูกกัน ลองไปตามดูกันค่ะว่ามีที่ไหน วัดไหนกันบ้าง

  1. วัดพระธาตุดอยคำ จ.เชียงใหม่
  2. วัดโสธรวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา
  3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร จ.กรุงเทพฯ
  4. วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร จ.กรุงเทพฯ
  5. ศาลเจ้าพ่อเสือ จ.กรุงเทพฯ
  6. เจ้าแม่กวนอิม วัดเล่งเน่ยยี่ จ.กรุงเทพฯ
  7. วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช
  8. พระพรหมเอราวัณ จ.กรุงเทพฯ
  9. พระแม่อุมาเทวี หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ จ.กรุงเทพฯ
  10. ศาลเจ้าปุดจ้อ จ.ภูเก็ต


สำหรับเครื่องไหว้ต่างๆ แต่ละสถานที่ก็จะไม่เหมือนกัน แถมที่เดียวกันยังมีการไหว้หลายแบบ ถ้าใครจะไปก็ศึกษาหาข้อมูลกันไปก่อนหรือไปลุยกันหน้าวัดไปเลยค่ะ แต่อย่างที่บอกนะคะว่าการไหว้พระขอพรเป็นที่พึ่งทางใจอย่างหนึ่งสำหรับคนอยากมีลูกให้สบายใจขึ้นค่ะ แต่ถ้าจนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีลูกซักที อย่าลืมไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ

 

6 วิธีผสมเทียม สำหรับคนมีลูกยากแต่อยากมีลูก

การผสมเทียม, มีลูกยาก, อยากมีลูก, อิ๊กซี่, ทำกิฟท์, เด็กหลอดแก้ว, บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์, IUI, GIF, ZIFT, IVF& ET, ICSI, Blastocyst Culture, อยาก มี ลูก แต่ มี ยาก, มี ลูก ยาก อยาก มี ลูก, อยาก มี ลูก มี ลูก ยาก, ติด ลูก ยาก, อยาก มี ลูก แต่ มี ลูก ยาก, มี ลูก ยาก, อยากมีลูกแต่มียาก, มีลูกยากอยากมีลูก, ติดลูกยาก, อยากมีลูกแต่มีลูกยาก, มีลูกยาก, เทคโนโลยี ตั้งครรภ์, เทคโนโลยี ช่วยมีลูก

การผสมเทียม เด็กหลอดแก้ว เป็นเทคโนโลยีช่วยให้ผู้มีบุตรยาก ตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น การผสมเทียมเพื่อตั้งครรภ์มีวิธีอะไรบ้าง เรามีคำแนะนำค่ะ

6 วิธีผสมเทียม สำหรับคนมีลูกยากแต่อยากมีลูก

การผสมเทียมคืออะไร

การผสมเทียม คือ การนำน้ำอสุจิฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงโดยไม่มีการร่วมเพศ การผสมเทียม นี้พบว่ามีโอกาสตั้งท้องได้ประมาณร้อยละ 50 ซึ่งปัจจุบันมี การผสมเทียม สามารถทำได้ทั้งการนำ อสุจิ และ ไข่ มาผสมภายนอกก่อนแล้วจึงนำไปใส่ในมดลูกู และการฉีดอสุจิเข้าโพรงมดลูก แต่ก่อนที่คู่สามีภรรยาจะตั้งครรภ์ด้วยวิธีผสมเทียม จำเป็นต้องรู้ข้อกฏหมายบางข้อที่สำคัญของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 เช่น

  1. การผสมเทียมจะต้องใช้อสุจิและไข่ของคู่ สามี ภรรยา ตามกฏหมาย (จดทะเบียนสมรส)

  2. หากจำเป็นต้องใช้อสุจิหรือไข่ของบุคคลอื่น จะต้องให้ความยินยอมเป็นหนังสือทั้งผู้รับบริจาคและผู้บริจาค

  3. ห้ามไม่ให้ผู้หญิงโสดทำการผสมเทียมเพื่อป้องกันการรับจ้างท้อง อุ้มบุญในเชิงธุรกิจ และช่วยปกป้องสิทธิ์ของเด็กที่เกิดจากการผสมเทียมด้วยเหตุผลที่ไม่ถูกต้องด้วย 

การผสมเทียมเหมาะกับสามีภรรยาที่มีปัญหาอะไร 

  1. ผู้มีปัญหา มี ลูก ยาก โดยประเมินเบื้องต้นจากการมีเพศสัมพันธ์กันสม่ำเสมอ แล้วยังไม่ตั้งครรรภ์ได้ในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งมีเพียงร้อยละ 15 เท่านั้น ถือว่าเข้าข่ายการมีลูกยาก ซึ่งควรไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อหาสาเหตุและทำการรักษา

  2. ฝ่ายชายมีปัญหาสุขภาพ เช่น อวัยวะสืบพันธุ์ผิดปกติ แต่กำเนิด (สามีอวัยวะเพศสั้นทำให้มีลูกยากจริงไหม อ่านต่อคลิก) ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ พันธุกรรมผิดปกติไม่สามารถสร้างตัวอสุจิได้หรือสร้างได้น้อยมาก การได้รับสารเคมีที่ส่งผลต่ออสุจิ (เช่น ยาฆ่าแมลง สารตะกั่ว สารประกอบเบนซีน รวมถึงการใช้ยาบางชนิด) สูบบุหรี่เป็นประจำ มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ส่งผลต่อภาวะเจริญพันธุ์ (เช่น เบาหวาน) เป็นโรคคางทูมในวัยเด็ก ได้รับอุบัติเหตุ เป็นต้น

  3. ฝ่ายหญิงมีปัญหาสุขภาพ เช่น อายุมาก สูบบุหรี่เป็นประจำ อวัยวะสืบพันธุ์ผิดปกติแต่กำเนิด เนื้องอกของมดลูกขนาดใหญ่หรืออยู่ในโพรงมดลูก ท่อนำไข่ตัน มีเยื่อพังผืดในอุ้งเชิงกรานหรือเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ รังไข่ทำงานไม่ได้ตามปกติ มีซิสต์หรือเนื้องอกของรังไข่ มีความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกายที่ส่งผลต่อการตกไข่ เป็นต้น

เมื่อคู่สามีภรรยาที่ปัญหาการตั้งครรภ์ยากที่ต่างกันจากหลายสาเหตุ การเลือกวิธีผสมเทียมจึงมีหลายวิธีเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละคู่เช่นกัน นี่คือ 6 วิธีผสมเทียมเพื่อการตั้งครรภ์ สำหรับคนมีลูกยากที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ช่วยได้ค่ะ 


 การผสมเทียม, มีลูกยาก, อยากมีลูก, อิ๊กซี่, ทำกิฟท์, เด็กหลอดแก้ว, บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์, IUI, GIF, ZIFT, IVF& ET, ICSI, Blastocyst Culture, อยาก มี ลูก แต่ มี ยาก, มี ลูก ยาก อยาก มี ลูก, อยาก มี ลูก มี ลูก ยาก, ติด ลูก ยาก, อยาก มี ลูก แต่ มี ลูก ยาก, มี ลูก ยาก, อยากมีลูกแต่มียาก, มีลูกยากอยากมีลูก, ติดลูกยาก, อยากมีลูกแต่มีลูกยาก, มีลูกยาก, เทคโนโลยี ตั้งครรภ์, เทคโนโลยี ช่วยมีลูก

วิธีที่ 1: การฉีดเชื้อหรือการผสมเทียม (Intra Uterine Insemination หรือ IUI)

คือ การนำเชื้ออสุจิของฝ่ายชายมาคัดเชื้อที่มีคุณภาพโดยเลือกตัวที่วิ่งเร็ว แข็งแรง และรูปร่างดีที่สุด ฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก โดยแพทย์จะใช้ฮอร์โมนจากภายนอกช่วยฉีดเข้าไปหรืออาจมีการอัลตราซาวนด์ด้วย แล้วลองดูว่าการทำลักษณะนี้แล้วได้ผลหรือไม่

โดยปกติแล้วการผสมเทียมจะทำไม่เกิน 3 ครั้ง ถ้าเกิน 3 ครั้งแล้วยังไม่ตั้งครรภ์ก็ต้องเปลี่ยนวิธีไปทำกิฟท์ ซึ่งความสำเร็จแต่ละครั้งประมาณ 15-20% วิธีนี้ใช้ในกรณีฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิไม่แข็งแรงหรือมีปริมาณน้อย ฝ่ายหญิงไม่มีมูกที่ปากมดลูกหรือมูกเหนียวข้น และไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้เพียงพอต่อการผลิตไข่ที่สมบูรณ์ได้ ซึ่งอาจต้องใช้ฮอร์โมนเพิ่มและกระตุ้นการตกไข่


 การผสมเทียม, มีลูกยาก, อยากมีลูก, อิ๊กซี่, ทำกิฟท์, เด็กหลอดแก้ว, บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์, IUI, GIF, ZIFT, IVF& ET, ICSI, Blastocyst Culture, อยาก มี ลูก แต่ มี ยาก, มี ลูก ยาก อยาก มี ลูก, อยาก มี ลูก มี ลูก ยาก, ติด ลูก ยาก, อยาก มี ลูก แต่ มี ลูก ยาก, มี ลูก ยาก, อยากมีลูกแต่มียาก, มีลูกยากอยากมีลูก, ติดลูกยาก, อยากมีลูกแต่มีลูกยาก, มีลูกยาก, เทคโนโลยี ตั้งครรภ์, เทคโนโลยี ช่วยมีลูก

วิธีที่ 2: การทำกิฟท์ (Gamete IntraFollopain Transfer หรือ GIF)

คือ การเก็บเซลล์สืบพันธุ์ทั้งไข่และอสุจิมาผสมกัน จากนั้นจึงใส่กลับเข้าสู่ท่อนำไข่ทันที โดยให้อสุจิและไข่ปฏิสนธิกันเองตามธรรมชาติในร่างกายของแม่ โอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 30-40%

วิธีนี้ใช้ในกรณี ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิอ่อนแอไม่มากนัก ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่ที่ปกติอย่างน้อย 1 ข้าง มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ หรือมีพังผืดมาก อาจใช้สำหรับคู่สมรสที่ไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยาก


 การผสมเทียม, มีลูกยาก, อยากมีลูก, อิ๊กซี่, ทำกิฟท์, เด็กหลอดแก้ว, บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์, IUI, GIF, ZIFT, IVF& ET, ICSI, Blastocyst Culture, อยาก มี ลูก แต่ มี ยาก, มี ลูก ยาก อยาก มี ลูก, อยาก มี ลูก มี ลูก ยาก, ติด ลูก ยาก, อยาก มี ลูก แต่ มี ลูก ยาก, มี ลูก ยาก, อยากมีลูกแต่มียาก, มีลูกยากอยากมีลูก, ติดลูกยาก, อยากมีลูกแต่มีลูกยาก, มีลูกยาก, เทคโนโลยี ตั้งครรภ์, เทคโนโลยี ช่วยมีลูก

วิธีที่ 3: การทำซิฟท์ (Zygote IntraFollopain Transfer หรือ ZIFT)

คือการผสมกันระหว่างไข่กับอสุจิคล้ายการทำกิ๊ฟท์ แต่ต่างกันตรงที่ต่างจากการทำกิฟท์ตรงที่เป็นการนำไข่และอสุจิมาผสมกันให้เกิดการปฏิสนธินอกร่างกายก่อน แล้วจึงนำตัวอ่อนในระยะ Zygote ใส่กลับเข้าไปในท่อนำไข่ โอกาสตั้งครรภ์แต่ละครั้งประมาณ 20-30%

วิธีนี้ใช้ในกรณี ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิน้อยกว่าปกติ ฝ่ายหญิงที่ท่อนำไข่ไม่ตัน แต่ทำงานไม่ปกติ มีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และมีพังผืดมาก และคู่สมรสที่ไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยากด้วย 


การผสมเทียม, มีลูกยาก, อยากมีลูก, อิ๊กซี่, ทำกิฟท์, เด็กหลอดแก้ว, บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์, IUI, GIF, ZIFT, IVF& ET, ICSI, Blastocyst Culture, อยาก มี ลูก แต่ มี ยาก, มี ลูก ยาก อยาก มี ลูก, อยาก มี ลูก มี ลูก ยาก, ติด ลูก ยาก, อยาก มี ลูก แต่ มี ลูก ยาก, มี ลูก ยาก, อยากมีลูกแต่มียาก, มีลูกยากอยากมีลูก, ติดลูกยาก, อยากมีลูกแต่มีลูกยาก, มีลูกยาก, เทคโนโลยี ตั้งครรภ์, เทคโนโลยี ช่วยมีลูก

วิธีที่ 4: การทำเด็กหลอดแก้ว (InVitro Fertilization and Embryo Transfer หรือ IVF& ET)

คือการเอาไข่ 10-20 ใบ ออกมาผสมกับอสุจิในจานหรือในหลอดแก้ว พอผสมกันแล้วจะรู้เลยว่าจะมีการปฏิสนธิหรือไม่ แล้วก็ต้องเลี้ยงตัวอ่อนประมาณ 3-5 วัน แล้วจึงใส่กลับเข้าไปในมดลูกของฝ่ายหญิง โอกาสตั้งครรภ์สูงสุดคือ 30-50% 

วิธีนี้ใช้ในกรณี ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิที่ไม่แข็งแรง ฝ่ายหญิงมีท่อนำไข่อุดตันทั้ง 2 ข้าง และมีพังผืดในอุ้งเชิงกราน

 


 การผสมเทียม, มีลูกยาก, อยากมีลูก, อิ๊กซี่, ทำกิฟท์, เด็กหลอดแก้ว, บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์, IUI, GIF, ZIFT, IVF& ET, ICSI, Blastocyst Culture, อยาก มี ลูก แต่ มี ยาก, มี ลูก ยาก อยาก มี ลูก, อยาก มี ลูก มี ลูก ยาก, ติด ลูก ยาก, อยาก มี ลูก แต่ มี ลูก ยาก, มี ลูก ยาก, อยากมีลูกแต่มียาก, มีลูกยากอยากมีลูก, ติดลูกยาก, อยากมีลูกแต่มีลูกยาก, มีลูกยาก, เทคโนโลยี ตั้งครรภ์, เทคโนโลยี ช่วยมีลูก

วิธีที่ 5: การทำอิ๊คซี่ (IntraCytoplasmic Sperm Injection หรือ ICSI)

เป็นการต่อยอดจากเด็กหลอดแก้ว โดยเอาเข็มที่มีเชื้อสเปิร์มอยู่หนึ่งตัวเจาะเข้าไปในไข่ เป็นการช่วยตัวเชื้อสเปิร์มที่ไม่แข็งแรง และไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ โอกาสตั้งครรภ์ประมาณ 25-30%

วิธีนี้ใช้ในกรณี ฝ่ายชายมีเชื้ออสุจิผิดปกติอย่างมาก ฝ่ายหญิงมีรังไข่ผิดปกติ ไม่มีการตกไข่ และไข่กับอสุจิไม่สามารถปฏิสนธิกันเองได้


 การผสมเทียม, มีลูกยาก, อยากมีลูก, อิ๊กซี่, ทำกิฟท์, เด็กหลอดแก้ว, บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์, IUI, GIF, ZIFT, IVF& ET, ICSI, Blastocyst Culture, อยาก มี ลูก แต่ มี ยาก, มี ลูก ยาก อยาก มี ลูก, อยาก มี ลูก มี ลูก ยาก, ติด ลูก ยาก, อยาก มี ลูก แต่ มี ลูก ยาก, มี ลูก ยาก, อยากมีลูกแต่มียาก, มีลูกยากอยากมีลูก, ติดลูกยาก, อยากมีลูกแต่มีลูกยาก, มีลูกยาก, เทคโนโลยี ตั้งครรภ์, เทคโนโลยี ช่วยมีลูก

วิธีที่ 6: บลาสโตซิสท์ คัลเจอร์ (Blastocyst Culture)

เป็นขั้นตอนเลี้ยงตัวอ่อนก่อนจะใส่กลับเข้าไปในมดลูก โดยจะเลี้ยงตัวอ่อนประมาณ 3-5 วัน ซึ่งวันที่ 3 ของการเลี้ยงจะเป็นระยะของการแตกเซลล์ วันที่ 5 จะเป็นระยะบลาสโตซิสท์ ซึ่งตัวอ่อนที่โตมาถึงระยะบลาสโตซิสท์จะมีคุณภาพดีระดับหนึ่ง

วิธีนี้ใช้ในกรณีที่ไข่ของผู้หญิงไม่สมบูรณ์หรือไม่แข็งแรง ซึ่งจะเป็นการเพาะเลี้ยงภายนอกจนตัวอ่อนแข็งแรงพร้อมที่สุดที่จะเกาะผนังมดลูก แล้วจึงค่อยนำกลับไปใส่ในมดลูกเพื่อเจริญเติบโตต่อไป

 

IUI ทางเลือกของคนมีลูกยาก แถมราคาไม่แพงอย่างที่คิด

IUI, การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก, Intrauterine Insemination-IUI, อยากมีลูก, มีลูกยาก, ผสมเทียม, ฉีดน้ำเชื้อ, เด็กหลอดแก้ว, มีลูกยาก ทำอย่างไร, ตัวช่วยมีบุตร, ผสมเทียม ราคาไม่แพง, วิธีผสมเทียม

การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก IUI สำหรับคนมีลูกยาก มีขั้นตอนอย่างไร ค่าใช้จ่ายแพงไหม คุณหมอสูตินรีแพทย์มีคำแนะนำก่อนตัดสินใจค่ะ

IUI การผสมเทียม ที่ช่วยให้ คนมีลูกยาก ตั้งท้อง ได้สมใจ แถม ราคาไม่แพง อย่างที่คิด

สำหรับคู่สมรสที่มีลูกยาก การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก (Intrauterine Insemination-IUI) หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า “IUI” ก็เป็นวิธีการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ วิธีนี้จะช่วยให้คู่สมรสตั้งท้องได้สมใจ ซึ่งมักจะได้ผลดีในระดับหนึ่ง ปลอดภัย และเสียค่าใช้จ่ายไม่มากเลยค่ะ เพราะน่าสนใจแบบนี้ เราจึงมีคำแนะนำจากคุณหมอมาฝากค่ะ

การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก (IUI) คืออะไร

วิธีนี้จะมีการคัดเอาเฉพาะตัวอสุจิที่ยังมีชีวิตและเคลื่อนที่ได้ดี แล้วนำเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง โดยใช้ท่อพลาสติกเล็ก ๆ สอดผ่านปากมดลูก แล้วฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในช่วงที่มีหรือใกล้กับเวลาที่มีไข่ตก โดยที่ตัวอสุจิไม่ต้องว่ายผ่านปากมดลูก ทำให้มีตัวอสุจิที่เคลื่อนไหวจำนวนมากเข้าไปในโพรงมดลูก และพร้อมที่จะผสมกับไข่

IUI, การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก, Intrauterine Insemination-IUI, อยากมีลูก, มีลูกยาก, ผสมเทียม, ฉีดน้ำเชื้อ, เด็กหลอดแก้ว, มีลูกยาก ทำอย่างไร, ตัวช่วยมีบุตร, ผสมเทียม ราคาไม่แพง, วิธีผสมเทียม

ขั้นตอนการฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก (IUI) 

  1. ขั้นตอน IUI ในการเตรียมฝ่ายหญิง
    แพทย์จะทำการกระตุ้นรังไข่ให้มีการเจริญเติบโตของฟองไข่ในรอบเดือนนั้น ๆ หลาย ๆ ใบ โดยใช้ยาฉีดหรือยารับประทานซึ่งมักจะเริ่มในวันที่ 3 ของรอบเดือน หลังจากนั้นจะมีการนัดตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อติดตามดูขนาด จำนวนของฟองไข่ และความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก เมื่อฟองไข่มีขนาดพอเหมาะ แพทย์จะทำการฉีดยากระตุ้นให้มีการตกไข่

    หลังจากนั้นประมาณ 36-40 ชั่วโมงจะเป็นเวลาที่มีการตกไข่ แพทย์จะทำการนัดอีกครั้งเพื่อทำการฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูกในวันที่ไข่ตก เห็นไหมครับว่าการทำ IUI นั้นไม่ยากอย่างที่คิดนะครับใช้เวลามาพบแพทย์เพียง 3 ครั้งต่อการทำในรอบหนึ่ง ๆ เท่านั้น

  2. ขั้นตอน IUI ในการเตรียมอสุจิของฝ่ายชาย
    จะต้องงดเพศสัมพันธุ์ 2-7 วัน เพื่อเก็บน้ำอสุจิแล้วนำมาส่งภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญจะนำอสุจิที่ได้มาทำการคัดกรอง เลือกเฉพาะตัวอสุจิที่ยังมีชีวิตและเคลื่อนไหวดี เพื่อให้แพทย์นำมาฉีดกลับเข้าไปในโพรงมดลูก ในขั้นตอนนี้จะใช้เวลาเตรียมประมาณ 1-2 ชั่วโมง (หากฝ่ายชายมีธุระต้องทำก็สามารถไปทำได้เลยภายหลังจากทำการเก็บเชื้ออสุจิ เสร็จสิ้นโดยไม่ต้องรอ)

  3. ขั้นตอน IUI การฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก
    เมื่อเตรียมอสุจิเรียบร้อยก็จะนำเอาน้ำเชื้ออสุจิบรรจุลงในท่อพลาสติก ปราศจากเชื้อขนาดเล็ก ๆ แล้วแพทย์จะทำการสอดท่อขนาดเล็กนี้ผ่านปากมดลูกอย่างนุ่มนวล จากนั้นจึงทำการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในโพรงมดลูก โดยใช้เวลาในการทำไม่กี่นาที ไม่เจ็บ และหลังทำ IUI แล้วท่านสามารถปฏิบัติตัวได้ตามปกติ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

  4. ข้อปฏิบัติตัวหลังทำ IUI
    ทั่วไปแล้วหลังฉีดเชื้ออสุจิจะให้นอนพักประมาณ 30 นาทีแล้วให้กลับบ้านได้ งดเพศสัมพันธ์ในวันที่ทำ IUI และหลังจากนั้นสามารถมีเพศสัมพันธุ์ได้ตามปกติ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และสามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ แล้วจะมีการนัดหมายเพื่อมาตรวจการตั้งครรภ์ภายหลังทำการฉีดอสุจิในระยะ 2 สัปดาห์

ค่าใช้จ่ายในการฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูก IUI

การทำ IUI หรือ การฉีดเชื้อผสมเทียมในโพรงมดลูกสามารถรับบริการได้ในโรงพยาบาล หรือคลินิกที่ให้บริการ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่หลักพัน ถึง หลักหมื่น ขึ้นอยู่กับสถานบริการ และ เงื่อนไขสุขภาพที่ในบางรายอาจจะต้องดูแลสุขภาพให้พร้อมก่อนที่จะเข้ารับการทำ IUI ค่ะ 

โดยสรุปแล้วการทำ IUI เป็นวิธีช่วยการเจริญพันธุ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายวิธีหนึ่ง มีอัตราความสำเร็จมากพอสมควร ปลอดภัย และเสียค่าใช้จ่ายไม่มาก แต่หากทำวิธีข้างต้นแล้วฝ่ายหญิงยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ แพทย์จะนำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์วิธีอื่นมาใช้ในการรักษาต่อไป เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว การทำอิ๊กซี่ เป็นต้น

ขอบคุณข้อมูลจาก: นายแพทย์ธีรยุทธ์ จงวุฒิเวศย์ สูตินรีแพทย์ เวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลเวชธานี

 

PRP ทางเลือกใหม่ปฏิวัติวงการอยากมีลูกในคนที่รังไข่ทำงานน้อย

PRP, อยากมีลูก, อยากมีบุตร, รังไข่แก่, รังไข่น้อย, ไม่ท้องสักที, อยากท้อง

ผู้หญิงเราอายุมากขึ้น รังไข่ทำงานน้อยลง อย่ากังวลไปค่ะ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ PRP ทางเลือกใหม่ปฏิวัติวงการอยากมีลูก

PRP ทางเลือกใหม่ปฏิวัติวงการอยากมีลูกในคนที่รังไข่ทำงานน้อย

เมื่อผู้หญิงอายุมากขึ้น จะพบว่าทั้งจำนวนและคุณภาพไข่ ลดลงอย่างมากและลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้โอกาสที่จะตั้งครรภ์ ทั้งกรณีการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติหรือแม้แต่ความสำเร็จจากเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์เองก็ตามจะลดลงด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เนื่องจากปัญหาความเสื่อมของรังไข่ จากอายุที่มากขึ้น จะพบว่าฟองไข่จะมีความผิดปกติเกี่ยวกับการแบ่งตัวของเซลล์ ทำให้เพิ่มโอกาสที่จะมีทารกที่ผิดปกติของโครโมโซมหรือความผิดปกติของการพัฒนาของตัวอ่อน และแท้งบุตรมากขึ้น

ในปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ที่จะลด ชะลอ หรือเปลี่ยนให้ความเสื่อมที่เกิดจากอายุที่มากขึ้นกลับมาเด็กลงได้ แม้ว่าจะมีรายงานการใช้อาหารเสริมประเภทสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี วิตามินอี หรือการใช้เมลาโตนิน ดีเอชอีเอ รวมทั้งโคเอนไซม์คิวเท็น ในกลุ่มผู้ที่ประสบปัญหาจากความเสื่อมของรังไข่ แต่ยังไม่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ สำหรับแนวทางหรือทางเลือกของความต้องการมีบุตรในบุคคลกลุ่มนี้ ได้แก่ การทำเด็กหลอดแก้วโดยใช้ไข่บริจาคหรือการรับบุตรบุญธรรมนั่นเอง แต่นั่นไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ทำให้ได้รับความพึงพอใจ เนื่องจากความเกี่ยวข้องทางสายเลือดทางพันธุกรรมยังไม่สามารถเป็นของเจ้าตัวได้นั่นเอง

จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและวิทยาการทางแพทย์ ในปัจจุบันได้มีการนำ PRP(platelet-rich plasma) มาใช้กันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นในด้านการบาดเจ็บของข้อหรือเส้นเอ็นจากการเล่นกีฬา รวมทั้งการรักษาเกี่ยวกับความงามหรือการปลูกผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาของการดูแลเกี่ยวกับเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่พบว่าการรักษาด้วย PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเองนั้น ให้ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ จึงได้มีการพัฒนาและนำวิธีการดังกล่าวมาใช้ในกลุ่มคนที่มีปัญหาความเสื่อมของรังไข่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยหมดประจำเดือนที่รังไข่หยุดทำงานตามธรรมชาติ, วัยใกล้หมดประจำเดือน, คนที่รังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควร, หรือในรายที่เคยรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วแต่พบว่าการตอบสนองต่อการรักษาน้อยกว่าเกณฑ์ที่ควรจะเป็น กลับพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ตอบสนองต่อการรักษาด้วย PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเอง ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และสามารถกลับมามีประจำเดือนได้ปกติ มีการทำงานของรังไข่ที่ดีขึ้น ภายใน 1 - 3 เดือนหลังการรักษา

นอกจากนี้ มีรายงานการตั้งครรภ์ที่ปกติทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติและความสำเร็จจากการรักษาด้วยเด็กหลอดแก้ว และไม่พบภาวะแทรกซ้อนใด ๆ จากการรักษาและต่อเด็กที่คลอดอีกด้วย ในวงการของเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ได้มีการศึกษาและนำมาใช้กันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเอง และฉีดเข้าไปที่รังไข่โดยตรง

ซึ่งการเตรียม PRP นั้นได้มาจากการเจาะเลือดที่แขน (โดยใช้เลือดปริมาณ 10 - 60 มล. ขึ้นอยู่กับวิธีการสำหรับเตรียมเป็น PRP) แล้วนำไปสู่ขั้นตอนของการสกัดเตรียม PRP สำหรับ PRP ที่ได้จะมีปริมาณเกล็ดเลือดที่สูงมากกว่าเลือดทั่วไป ทำให้มีปริมาณของ growth factor, cytokines ที่สูงขึ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ของร่างกาย

เมื่อได้ PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเองแล้ว จะนำไปฉีดเข้ารังไข่ข้างละประมาณ 4 มล.ทันที โดยขั้นตอนของการฉีดที่รังไข่นั้นอาจทำได้ 2 วิธี

  1. วิธีแรกคือการผ่าตัดส่องกล้องแล้วฉีด PRP ที่ได้ไปที่รังไข่โดยการมองเห็นโดยตรง

  2. วิธีที่ 2 คือการฉีดเข้าไปในรังไข่ผ่านทางช่องคลอดด้วยการอัลตราซาวด์ประเมินตำแหน่งของรังไข่และเข็มที่ฉีด (วิธีการเช่นเดียวกันกับการเจาะเก็บไข่เพื่อทำเด็กหลอดแก้วนั่นเอง)

ซึ่งพบว่าวิธีที่ได้รับความนิยมมากกว่าคือการฉีดผ่านทางช่องคลอดเหมือนการเก็บไข่ หลังจากนั้นจะมีการติดตามผลการรักษา โดยพบว่าภายหลังการรักษาเพียง 1 เดือน กลุ่มวัยหมดประจำเดือนกลับมามีประจำเดือนอีกครั้ง ส่วนกลุ่มรังไข่เสื่อมก่อนวัยอันควรหรือวัยใกล้หมดประจำเดือนการกลับมามีประจำเดือนที่สม่ำเสมอมากขึ้น

นอกจากนี้จากการตรวจประเมินการทำงานของรังไข่ พบว่า ระดับ AMH ที่บ่งบอกถึงทุนสำรองของรังไข่มีระดับเพิ่มขึ้นในผู้ที่ได้รับการรักษาทุกราย ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารังไข่ฟื้นตัวและทำงานได้ดีขึ้น และยังพบว่าระดับฮอร์โมน FSH จากต่อมใต้สมองที่มีค่าสูงมากเมื่อรังไข่ทำงานน้อย หลังได้รับการรักษาด้วย PRP ระดับฮอร์โมนลดลงอย่างชัดเจน และมีการตอบสนองต่อการกระตุ้นไข่สำหรับการทำเด็กหลอดแก้วได้ดีขึ้น รวมทั้งมีจำนวนฟองไข่มากขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนได้รับการรักษา เมื่อมีจำนวนฟองไข่มากขึ้น อัตราการปฏิสนธิดีขึ้น จำนวนตัวอ่อนย่อมมากขึ้นไปด้วย จึงเป็นการเพิ่มโอกาสสำเร็จจากการรักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทำให้ตั้งครรภ์ได้ และเพิ่มโอกาสสำเร็จของการตั้งครรภ์โดยธรรมชาติอีกด้วย

ดังนั้นจึงนับว่า PRP ที่สกัดจากเลือดของตนเอง เป็นทางเลือกใหม่ของวงการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ที่จะช่วยทำให้กลุ่มคนที่รังไข่มีการทำงานน้อย ได้มีโอกาสมีลูกที่มาจากสายเลือดและพันธุกรรมของตนเอง

พญ.วนากานต์ สิงหเสนา
สูตินรีแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ศูนย์เทคโนโลยีเพื่อการมีบุตร V Fertility Center

 

Q&A มีลูกหัวปี ท้ายปี ลูกคนที่สองจะไม่แข็งแรง พัฒนาการไม่ดีจริงไหม

มีลูกหัวปีท้ายปี

Q&A มีลูกหัวปี ท้ายปี ลูกคนที่สองจะไม่แข็งแรง พัฒนาการไม่ดีจริงไหม

Q: เพิ่งคลอดลูกชายไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ค่ะ พอพฤศจิกายนมีอาการแปลกๆ เลยไปตรวจ ปรากฏว่าตั้งท้อง ตอนนี้เครียดมาก เพราะลูกก็ยังเล็กและติดแม่มาก แล้วเขาบอกว่ามีลูกติดกันแบบหัวปีท้ายปีแบบนี้ ร่างกายแม่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ จะทำให้ลูกคนที่สองไม่แข็งแรง พัฒนาการไม่ดีจริงหรือเปล่าคะ

A:ความจริงแล้วคุณแม่ควรตั้งครรภ์ห่างกันอย่างน้อย 2 ปี เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวจากการตั้งครรภ์แรก รูปร่างและน้ำหนักตัวเริ่มเข้าที่ หรือลูกคนแรกก็อาจจะเริ่มเข้าโรงเรียน ทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกว่าทรุดโทรมหรือเหนื่อยมากจนเกินไป เพราะลูกคนแรกช่วยเหลือตนเองได้แล้ว อีกทั้งเสื้อผ้าเครื่องใช้ก็ใช้ต่อด้วยกันได้ ไม่ต้องซื้อหาใหม่ ประหยัดเงินได้อีกด้วย ลูกไม่รู้สึเหงาเพราะวัยไล่เลี่ยเป็นเพื่อนเล่นกันได้

แต่ในกรณีนี้ที่ท้องแล้วก็ไม่เป็นไรครับ ดูแลเขาให้ดีที่สุดดีกว่า การเครียดต่างหากที่อาจจะทำให้ลูกไม่แข็งแรงได้ คุณแม่ควรฝากท้องทันทีเมื่อรู้ว่าท้อง ดูแลตัวเองในด้านโภชนาการให้ดี รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ควรเน้นอาหารที่มีโปรตีนและแคลเซียมสูง ลดอาหารจำพวกแป้งและไขมัน ทานยาบำรุงเลือดตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด หลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง บุหรี่ และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด

ท้องสองคุณอาจจะรู้สึกว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติโดยเฉพาะคุณแม่ที่เพิ่งคลอดบุตรคนแรกไม่กี่เดือน ทั้งนี้เป็นเพราะร่างกายยังไม่กลับเข้าสู่สภาวะเดิม ดังนั้นจึงควรควบคุมอาหารให้ดี อย่าให้น้ำหนักตัวเพิ่มมากเกินไป พยายามให้น้ำหนักตัวเพิ่มทีละน้อยตามเกณฑ์ แต่ในบางรายคุณแม่อาจจะรู้สึกเหนื่อยมากจากการเลี้ยงดูลูกคนแรกทำให้เบื่ออาหาร ทานไม่ลง ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้ คุณแม่ที่มีภาวะโภชนาการที่ดีจะมีน้ำหนักตัวขึ้นตามเกณฑ์ปกติ ถ้าน้ำหนักตัวไม่ขึ้นตามที่ควรจะเป็นก็ควรเพิ่มปริมาณสารอาหารตามความเหมาะสม

เมื่อรู้ว่าท้องคุณแม่อาจจะเกิดความลังเล ความกังวลใจ ความไม่พร้อม ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดความเครียดขึ้นมาจนทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สดชื่นไม่สบายใจในการท้องครั้งใหม่ คุณแม่ต้องพยายามปรับตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะต้อนรับสมาชิกใหม่ มั่นใจต่อการท้องครั้งนี้ให้มาก อาจมองในแง่ดีว่าเป็นความโชคดีที่เคยมีประสบการณ์จากท้องแรกมาแล้ว และหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะส่งผลเสียต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย

คุณแม่ควรมีเวลาพักผ่อนให้มากกว่าตอนที่ท้องแรกเพราะจะเหนื่อยจากการเลี้ยงลูกคนแรก คุณพ่อควรช่วยเลี้ยงลูกในเวลากลางคืน ให้คุณแม่มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณแม่คลายความเครียด รู้สึกสดชื่น กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น อาจเป็นการเล่นโยคะ กายบริหารเล็กน้อย แต่ถ้าคุณแม่ไม่มีเวลาออกกำลังกายก็สามารถเลือกใช้เวลาระหว่างการดูแลลูกคนแรกมาออกกำลังกายร่วมด้วย เช่น การพาลูกคนแรกนั่งรถเข็นเดินเล่น

นอกจากสภาพร่างกายที่คุณแม่จะต้องดูแลเป็นพิเศษแล้ว สภาพจิตใจก็เป็นส่วนสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะด้วยสภาพร่างกายของคุณแม่ท้องที่เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย อยากพักผ่อน แต่ขณะเดียวกันหากลูกคนแรกยังเล็กก็ต้องการการดูแลเอาใจใส่จากคุณแม่ ซึ่งกรณีนี้จะทำให้คุณแม่รู้สึกอ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย เป็นสาเหตุให้อารมณ์แปรปรวน ทั้งยังไม่มั่นใจกับสภาพร่างกายตัวเอง กังวลว่าสามีจะเบื่อหน่าย ซึ่งภาวะเช่นนี้อาจจะทำให้คุณแม่เกิดภาวะซึมเศร้าได้ ซึ่งไม่ดีแน่สำหรับคุณแม่ที่ท้องและต้องเลี้ยงลูกเล็กครับ

รศ.ดร.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล

จริงไหม? การมีลูกหนึ่งคนจะทำให้แม่ต้องแก่ลงกว่าเดิมถึง 11 ปี

มีลูกแล้วแก่เร็ว แก่ไว, ทำไม มีลูก แล้วดูแก่, มีลูกแล้วไม่ดูแลตัวเอง, แม่แก่, ทำไมเป็นแม่แล้วแก่, ผู้หญิงแก่เร็ว, ยิ่งมีลูก ยิ่งแก่เร็ว, แม่มีลูก โทรม, ผู้หญิงมีลูก โทรม, ฮอร์โมนผู้หญิง

ยิ่งมีลูก ผู้หญิงยิ่งแก่เร็ว เรื่องนี้ชัวร์หรือเท็จเรามาเช็กกันด้วยผลวิจัยกันเลยว่า ผู้หญิงที่มีลูกแล้วจะดูแก่มากกว่าเดิม แถมยังดูแลตัวเองได้น้อยลงด้วย

จริงไหม? การมีลูกหนึ่งคนจะทำให้แม่ต้องแก่ลงกว่าเดิมถึง 11 ปี

เป็นแม่ไม่ง่ายเลยนะคะ ไหนจะแบกน้ำหนักเป็นสิบกิโล ไหนจะแพ้ท้อง เวลาคลอดก็แสนจะกังวลไปทุกอย่าง นี่ยังไม่รวมเรื่องหมดสวยในช่วงตั้งครรภ์อีกนะ บอกเลยว่า "ไม่ท้องเองไม่รู้หรอก" การเป็นแม่จึงเต็มไปด้วยความเสียสละที่ยากลำบากแต่ก็เต็มไปด้วยความสุขค่ะ

ทราบไหมคะว่าตอนนี้มีผลวิจัยออกมาบอกให้คนเป็นแม่อย่างเราต้องตะลึงมากขึ้นอีกว่า "การมีลูกหนึ่งคน จะทำให้แม่ต้องแก่ลงกว่าเดิมในระดับเซลล์ถึง 11 ปี"

นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์จเมสันของสหรัฐฯ ศึกษาข้อมูลจากตัวอย่างเลือดของหญิงอเมริกันอายุ 20-44 ปี ราว 2,000 คน ที่เข้าร่วมในโครงการตรวจสุขภาพและภาวะโภชนาการระดับชาติระหว่างปี 1999-2002 โดยศึกษามุ่งเน้นไปที่การวัดความยาวของเทโลเมียร์ (Telomere) ซึ่งเป็นส่วนปลายของโครโมโซมที่เป็นเสมือนปลอกหุ้มปกป้องสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอในเซลล์เอาไว้

ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Human Reproduction ระบุว่า หญิงที่มีบุตรแล้วจะมีความยาวของเทโลเมียร์หดสั้นลงกว่าหญิงที่ไม่มีบุตรโดยเฉลี่ย 4.2% ซึ่งเป็นความยาวที่เท่ากับเทโลเมียร์ของหญิงที่มีอายุแก่กว่าถึง 11 ปี แสดงว่าเซลล์ของหญิงที่มีบุตรจะถูกเร่งให้ชราลงเร็วยิ่งขึ้น และยิ่งมีบุตรมากคนขึ้นเท่าไหร่ เทโลเมียร์ก็จะยิ่งสั้นลงเท่านั้น

ดร.แอนนา พอลแล็ก ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า ความยาวของเทโลเมียร์นั้นเชื่อมโยงกับสุขภาวะของร่างกายในระยะยาวรวมทั้งอายุขัยด้วย ซึ่งการที่หญิงมีบุตรมีเทโลเมียร์หดสั้นลงราว 4.2% นั้นน่าตกใจอย่างยิ่ง เพราะเท่ากับว่าเซลล์ร่างกายแก่ชราลงในอัตราที่มากยิ่งกว่าการสูบบุหรี่หรือเป็นโรคอ้วนด้วยซ้ำ

"เรารู้มาก่อนแล้วว่าการมีบุตรนั้นเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจหรือเบาหวานให้กับคนเป็นแม่ แต่ผลวิเคราะห์ล่าสุดนี้ยังชี้ว่าการตั้งครรภ์และคลอดลูกยังเร่งกระบวนการเข้าสู่วัยชราของเซลล์ให้ดำเนินไปอย่างรวดเร็วขึ้นอีกด้วย" ดร.พอลแล็กกล่าว

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาล่าสุดนี้ขัดกับงานวิจัยของมหาวิทยาลัยไซมอนเฟรเซอร์ในแคนาดา ซึ่งวัดความยาวของเทโลเมียร์ในหมู่หญิงที่คลอดบุตรแล้วทารกรอดชีวิตที่ประเทศกัวเตมาลา โดยพบว่าหญิงเหล่านี้กลับมีส่วนของเทโลเมียร์ขยายยาวมากขึ้น

ดร.พอลแล็กอธิบายในส่วนนี้ว่า "ผลการศึกษาผู้หญิงในชุมชนสองแห่งที่มีสภาพทางสังคมวัฒนธรรมแตกต่างกัน อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันได้ เพราะการที่เทโลเมียร์หดสั้นลงอาจไม่ได้มาจากการคลอดบุตรโดยตรง แต่การที่แม่ชาวอเมริกันมีความเครียดมากกว่า เพราะไม่มีเครือข่ายทางสังคมสนับสนุนรองรับการเลี้ยงดูบุตรเหมือนแม่ชาวกัวเตมาลา อาจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เทโลเมียร์หดสั้นลงก็เป็นได้ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมในเรื่องนี้ต่อไป"

ขอบคุณข้อมูลจาก: www.bbc.com/thai

ประจำเดือน ไม่ค่อยมา มาไม่ตรง ทำให้มีลูกยาก จริงไหม?

ประจำเดือนไม่ปกติ มีลูกยาก, ประจำเดือนมาบ้าง ไม่มาบ้าง มีลูกยาก มีบุตรยาก, ไม่มีประจำเดือน มีลูกได้ไหม มีลูกยาก, ภาวะมีบุตรยาก, รักษา มีบุตรยาก, รังไข่มีปัญหา มีลูกยาก

ประจำเดือนมาไม่ปกติ ประจำเดือนมาบ้างไม่มาบ้างเป็นสาเหตุที่ทำให้ตั้งท้องซักทีใช่ไหม ใครกำลังสงสัยกับคำถามนี้อยู่ คุณหมอมีคำตอบค่ะ

ประจำเดือน ไม่ค่อยมา มาไม่ตรง ทำให้มีลูกยาก จริงไหม?

อการแบบไหนคือภาวะมีลูกยาก มีบุตรยาก

ภาวะมีบุตรยากจะวินิจฉัยเมื่อคู่สมรสที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง เป็นเวลานาน 6 เดือน แล้วยังไม่ตั้งครรภ์หรือในกลุ่มสตรีที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี เป็นเวลานาน 1 ปี แล้วยังไม่ตั้งครรภ์ก็ถือว่าอยู่ในภาวะมีบุตรยาก

ประจำเดือนมาไม่ปกติเสี่ยงมีลูกยากไหม?

ในกรณีที่ประจำเดือนมาไม่ค่อยตรงวัน หรือไม่สม่ำเสมอทุก 28-30 วัน แสดงว่าน่าจะมีปัญหาในเรื่องการทำงานของรังไข่ อาจจะมีไข่ตกนาน ๆ ครั้ง หรือไข่ตกเร็วกว่าปกติ ส่งผลให้ประจำเดือนมาช้าหรือเร็วกว่าปกติได้ และอาจจะเป็นสาเหตุของการมีบุตรยากได้เช่นกัน

ในกรณีการตกไข่ที่ช้ากว่าปกติ ทำให้ประจำเดือนเลื่อนออกไป แต่ถ้าเลื่อนออกแบบสม่ำเสมอ โดยมีประจำเดือนมาทุก 35 วัน ก็ยังถือว่าปกติ แสดงว่าเป็นคนที่มีรอบเดือนยาว ดังนั้น ให้เลยกำหนดที่ประจำเดือนมาไปประมาณ 5-7 วัน ค่อยตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์ก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนตรวจ เพราะในช่วงแรกปริมาณฮอร์โมนที่ตรวจพบในปัสสาวะยังน้อยอยู่ อาจจะยังตรวจไม่พบ ควรรอให้เลยกำหนดไปก่อน จะได้ไม่ทำให้เกิดความเครียดถ้าผลยังเป็นลบ

บทความโดย: พญ.สายฝน ชวาลไพบูลย์

ปล่อยแล้ว ไม่คุมกำเนิด แต่ไม่ท้องสักที แบบนี้เข้าข่ายมีลูกยากหรือยัง

มีลูกยาก, มีบุตรยาก, ภาวะมีบุตรยาก, มีลูกยาก สาเหตุ, มีบุตรยาก สาเหตุ, ภาวะมีลูกยาก สาเหตุ, อยากมีลูก, ปล่อยท้องแต่ไม่ท้อง, แม่ท้องต้องรู้, รักลูก Community of The Experts

ปล่อยท้องมาเป็นปีแต่ไม่ตั้งครรภ์สักที อาจเป็นไปได้ว่าเราเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากนะคะ ภาวะมีบุตรยากจากทั้งฝ่ายชายและหญิงเกิดจากอะไร คุณหมอมีคำตอบค่ะ

ปล่อยแล้ว ไม่คุมกำเนิด แต่ไม่ท้องสักที แบบนี้เข้าข่ายมีลูกยากหรือยัง

สำหรับใครที่กำลัง อยากมีลูก แต่ปล่อยท้องเท่าไหร่ก็ยังไม่สำเร็จสักที เลยเริ่มสงสัยว่าเข้าข่าย มีลูกยาก หรือเปล่า คุณหมอจะมาตอบให้ค่ะว่าแบบไหนที่เรียกว่า มีลูกยาก

ภาวะมีบุตรยาก (Infertility) คือ ภาวะที่คู่แต่งงานยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ด้วยวิธีธรรมชาติในระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไป แบบนี้ก็เข้าข่ายการมีภาวะ มีลูกยาก แล้วค่ะ 

ภาวะบุตรยากแบ่งเป็น 2 ประเภท

  1. ภาวะบุตรยากปฐมภูมิ (Primary Infertility) คือ ไม่เคยมีการตั้งครรภ์ ภายในระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี

  2. ภาวะบุตรยากทุติยภูมิ (Secondaryinfertility) หมายถึง เคยต้ังครรภ์และการตั้งครรภ์น้ันอาจสิ้นสุดด้วยการคลอด การแท้ง หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูก แล้วไม่เคยตั้งครรภ์อีก อย่างน้อย 1 ปี

สาเหตุมีบุตรยากจากฝ่ายชาย

เนื่องจากน้ำเชื้อปริมาณน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ น้อยกว่า 20 ล้านตัวต่อ CC ตัววิ่งมีน้อย และรูปร่างเชื้อไม่ดีทำให้ยากในการปฏิสนธิของไข่

ปัจจัยที่มีผลต่อความแข็งแรงของน้ำเชื้อ

  • อัณฑะมีการอักเสบ ติดเชื้อ เช่น คางทูม เคยได้รับการผ่าตัด เป็นมะเร็ง เป็นเส้นเลือดขอด เคยได้รับการฉายแสง

  • การทำงานในที่ร้อนใส่กางเกงรัดๆ

  • มีการอุดตันของท่อนำอสุจิ

  • มีความผิดปกติทางฮอร์โมนขาดฮอร์โมนเพศชาย

  • สาเหตุทางพันธุกรรม โครโมโซมเพศผิดปกติ

  • ยาที่มีผลต่อภาวะมีบุตรยากในฝ่ายชาย เช่นยา sulfasalazine ที่รักษาเรื่องโรคข้อ rheumatoid   ยาเสตียรอยด์ ยาเคมีบำบัด การใช้กัญชา โคเคนทำให้น้ำเชื้อคุณภาพแย่ลง

  • อายุมากกว่า 40 ปี  การสัมผัสสารกำจัดศัตรูพืช การดื่ม แอลกอฮอล์  ภาวะอ้วน ความเครียด

 สาเหตุมีบุตรยากจากฝ่ายหญิง

  • อายุมากขึ้น

  • การสูบบุหรี่ (ทำให้เพิ่มอัตราการแท้ง)

  • การดื่มแอลกอฮอล์

  • น้ำหนักตัวที่มากขึ้น

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ทำให้ท่อนำไข่ไม่ดี

  • สัมผัสสารกำจัดศัตรูพืชและสัตว์

  • ภาวะเครียด ซึ่งทำให้มีผลต่อกระบวนการตกไข่

  • ความผิดปกติที่รังไข่ เช่น ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนดคือหมดประจำเดือนก่อนอายุ 40 ปี กลุ่มอาการถุงน้ำในรังไข่หลายๆใบ (pcos)

  • ภาวะโปรแลคตินในเลือดสูง ซึ่งมีผลต่อกระบวนการตกไข่

  • โรคไทรอยด์

  • ปัญหาจากท่อนำไข่ เนื้องอกที่มดลูก ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ผิดที่

  • การใช้ยาต้านอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (nsaids) การใช้ยาแอสไพรินนานๆ

  • การได้เคมีบำบัด การได้รับการฉายแสง การใช้สารเสพติด

หากไม่คุมกำเนิด 1 ปี แต่ไม่มีลูก ต้องไปตรวจกับคุณหมอนะคะ อาจมีอาการหรือสาเหตุมาจากที่คุณหมอกล่าวข้างต้น เพื่อที่จะได้รักษา แก้ไข และมีลูกน้อยได้นั่นเองค่ะ

บทความโดย: แพทย์หญิง วรประภา ลาภิกานนท์ สูตินรีแพทย์

มดลูกคว่ำทำให้มีลูกยากจริงไหม คนอยากมีลูกต้องรู้จักมดลูกตัวเองด้วย

มดลูกคว่ำ, มดลูกคว่ำ ผิดปกติไหม, มดลูกคว่ำ มีลูกยาก, มดลูกคว่ำ อยากมีลูก, มดลูกคว่ำ มีลูกได้ไหม, ทำไมมดลูกคว่ำ, มดลูกปกติเป็นยังไง, มดลูกผิดปกติ, มดลูกมีปัญหา, มีลูกยาก, อยากมีลูก, มี ลูก ยาก, มี บุตร ยาก

มดลูกคว่ำเป็นเกิดจากมีพังผืดดึงรั้งบริเวณด้านหลังของมดลูก ทำให้มดลูกคว่ำไปด้านหลัง หลายคนจึงเข้าใจว่ามดลูกคว่ำทำให้มีลูกยาก เรามีคำแนะนำมาบอกค่ะ

มดลูกคว่ำทำให้มีลูกยากจริงไหม คนอยากมีลูกต้องรู้จักมดลูกตัวเองด้วย

อยาก มี ลูก จังเลย แต่พอไปตรวจภายในเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์พบว่า "มดลูกคว่ำ" ซึ่งทำให้เกิดความกังวลและสงสัยขึ้นมาทันทีว่า มดลูกคว่ำ แปลว่าจะ มี ลูก ยาก อสุจิสามี ไม่เกาะ ใช่ไหม เรามาหาคำตอบเรื่องนี้กันจากผู้เชี่ยวชาญค่ะ 

มดลูกคว่ำ เป็นลักษณะตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล หรืออาจเกิดจากมีพังผืดดึงรั้งบริเวณด้านหลังของมดลูก ทำให้มดลูกคว่ำไปด้านหลัง แทนที่จะโค้งมาด้านหน้าตามที่พบในคนส่วนใหญ่

มดลูกคว่ำ ของผู้หญิง ไม่มีผลกับการตั้งครรภ์ยากแต่อย่างใดโดยทั่วไปแล้วมดลูกอาจอยู่ในลักษณะคว่ำหน้า คว่ำหลัง หรืออยู่ตรงกลางก็ได้อยู่แล้ว แต่การตั้งครรภ์ได้นั้นก็มีหลายปัจจัย เช่น ความแข็งแรงของมดลูก ไข่สมบูรณ์ อสุจิมีตัวและแข็งแรง เป็นต้น ดังนั้นหากใครตรวจพบว่ามดลูกคว่ำและยังไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ จึงควรพบแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียดเพื่อหาปัจจัยอื่นและแก้ไขได้อย่างถูกต้อง

มดลูกคว่ำมดลูกคว่ำ, มดลูกคว่ำ ผิดปกติไหม, มดลูกคว่ำ มีลูกยาก, มดลูกคว่ำ อยากมีลูก, มดลูกคว่ำ มีลูกได้ไหม, ทำไมมดลูกคว่ำ, มดลูกปกติเป็นยังไง, มดลูกผิดปกติ, มดลูกมีปัญหา, มีลูกยาก, อยากมีลูก, มี ลูก ยาก, มี บุตร ยาก
ขอบคุณข้อมูลจาก: น.พ.พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ และ อ.นพ.ประภัทร วานิชพงษ์พันธ์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

มดลูกโต ไม่แสดงอาการก็อาจเป็นได้และเสี่ยงมีลูกยากหากไม่รีบรักษา

มดลูกโต, อาการมดลูกโต, ประจำเดือนมากกว่าปกติ, ประจำเดือนมีลิ่มเลือด, โรคมดลูกโต, ประจำเดือนมาไม่ปกติ, เนื้องอกมดลูก, ประจำเดือนมามากผิดปกติ, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, มดลูกโต มีลูกยาก, มดลูกโต มะเร็งมดลูก

มดลูกโต เป็นคนละกับเนื้องอกมดลูก บางคนไม่แสดงอาการแต่ก็เป็นได้และเสี่ยงกับการเป็นอีกหลายโรคตามมา รวมถึงการมีลูกยากด้วย

มดลูกโต ไม่แสดงอาการก็อาจเป็นได้และเสี่ยงมีลูกยากหากไม่รีบรักษา

ผู้หญิงหลายคนอาจไม่เคยรู้จักโรคมดลูกโต หรือหลายคนอาจเกิดความสับสนว่า เนื้องอกมดลูก กับ มดลูกโต ใช่โรคเดียวกันหรือไม่ ความจริงแล้ว โรคมดลูกโต กับ เนื้องอกมดลูก นั้นเป็นคนละโรคกัน ดังนั้นหากประจำเดือนมากผิดปกติและมีลิ่มเลือดขนาดใหญ่ อาจเป็นสัญญาณของโรคมดลูกโตได้ หรือที่น่ากังวลใจยิ่งกว่านั้นคือ แม้ไม่มีอาการแสดงผู้หญิงก็มีโอกาสเป็นมดลูกโตได้เช่นกัน

รู้จักมดลูกโต โรคมดลูกโต พบได้จากหลายสาเหตุหลัก ได้แก่ เนื้องอกในมดลูก เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ มะเร็งในระบบสืบพันธุ์ แต่ส่วนใหญ่ที่พบคือ โรคมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Adenomyosis) คือการที่เนื้อเยื่อในโพรงมดลูกเจริญหรือแทรกซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกเกิดภาวะอักเสบเรื้อรังจนเกิดพังผืดในชั้นกล้ามเนื้อมดลูก สุดท้ายมดลูกเกิดการขยายตัวและหนาขึ้น เกิดภาวะมดลูกโต ทำให้เกิดอาการประจำเดือนมามากผิดปกติ และอาการต่าง ๆ ที่แตกต่างกันในแต่ละบุคคล ที่สำคัญคือโรคมดลูกโตนั้นไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด หากผู้ป่วยมีกรรมพันธุ์หรือเคยทำการผ่าตัดเกี่ยวกับมดลูกอาจทำให้เป็นโรคมดลูกโตได้ นอกจากนี้การหมุนเวียนของฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกายของผู้หญิงที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอาจส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน ดังนั้นผู้หญิงที่หมดประจำเดือนหรือผู้หญิงที่ตัดมดลูกทิ้งจึงหมดโอกาสเป็นโรคมดลูกโต

อาการบอกมดลูกโต

  • ประจำเดือนมามากกว่าปกติ
  • ปวดท้องประจำเดือนมากผิดปกติและปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ไหว
  • มีลิ่มเลือดขนาดใหญ่เท่าลูกปิงปองออกมาขณะมีประจำเดือน มีอาการคล้าย ๆ ตกเลือดขณะมีประจำเดือน
  • ปวดเชิงกรานและช่องท้อง
  • รู้สึกแน่นและหนักบริเวณช่องท้องส่วนล่าง
  • เจ็บปวดมากขณะมีเพศสัมพันธ์

นอกจากนี้เมื่อมดลูกโตอาจส่งผลให้มีอาการท้องอืดหรือท้องผูกเพราะมดลูกโตจนเบียดลำไส้ ปัสสาวะบ่อยเพราะมดลูกเบียดกระเพาะปัสสาวะ อีกทั้งอาจมีอาการร่วมด้วยเพิ่มขึ้น ได้แก่ ปวดหลัง ปวดกระดูกเชิงกราน ตะคริวบริเวณท้อง เลือดออกจากช่องคลอด รวมถึงมีบุตรยากเพราะการตั้งครรภ์ไม่สมบูรณ์

 


มดลูกโต, อาการมดลูกโต, ประจำเดือนมากกว่าปกติ, ประจำเดือนมีลิ่มเลือด, โรคมดลูกโต, ประจำเดือนมาไม่ปกติ, เนื้องอกมดลูก, ประจำเดือนมามากผิดปกติ, เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, มดลูกโต มีลูกยาก, มดลูกโต มะเร็งมดลูก

การตรวจวินิจฉัยมดลูกโต

  1. ซักประวัติโดยสูติ-นรีแพทย์อย่างละเอียด
  2. สูติ-นรีแพทย์ตรวจภายใน
  3. อัลตราซาวนด์ทางช่องคลอดหรือทวารหนักในกรณีที่ผู้ป่วยยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
  4. ตรวจ MRI ช่องท้องส่วนล่าง (MRI Lower Abdomen) ในกรณีที่ต้องการยืนยันและหรือประเมินความรุนแรงของโรคว่าเกิดพังผืดต่ออวัยวะข้างเคียงหรือไม่

ดูแลรักษามดลูกโต

ในกรณีที่มดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้นสูติ-นรีแพทย์จะทำการรักษาตามอาการและความรุนแรงของโรคเป็นสำคัญ ได้แก่ รับประทานยาพอนสแตน (Ponstan) และหรือ ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อช่วยให้อาการปวดและการอักเสบดีขึ้น ใช้ Progestin Only Hormone และหรือยาคุมกำเนิดเพื่อลดอาการปวด และช่วยให้ปริมาณรอบเดือนมาน้อยลง ชะลอการเติบโตของพังผืดในกล้ามเนื้อมดลูก หากมีอาการรุนแรงสูติ-นรีแพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัดมดลูก ซึ่งปัจจุบันด้วยการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง (MIS - Advanced Minimal Invasive Surgery) ทำให้ไม่จำเป็นต้องผ่าตัดเปิดหน้าท้อง แผลมีขนาดเล็กเพียง 5 - 10 มม. ที่สำคัญเสียเลือดน้อย ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนหรือติดเชื้อ ฟื้นตัวเร็วใน 1 - 2 วัน และกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ภายใน 1 สัปดาห์ ลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการเข้ารับการรักษาได้เป็นอย่างดี

การป้องกันมดลูกโต

อย่างที่ทราบกันว่าสาเหตุของโรคมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้นไม่แน่ชัด แต่การป้องกันดูแลด้วยการควบคุมน้ำหนักให้ไม่เกินเกณฑ์ ตรวจร่างกายและตรวจภายในกับสูติ-นรีแพทย์เป็นประจำทุกปี รวมทั้งเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเมื่อถึงวัยที่เหมาะสมตามคำแนะนำของสูติ-นรีแพทย์จะช่วยให้ทราบถึงความผิดปกติและรับมือได้ทันท่วงที

แบบไหนเรียกประจำเดือนเป็นปกติ

ประจำเดือนมาไม่เกิน 80 ซีซีต่อวัน ประจำเดือนมามากเฉพาะช่วง 3 วันแรก ประจำเดือนมาไม่เกิน 7 วัน ลิ่มเลือดระหว่างมีประจำเดือนขนาดเท่าเม็ดถั่ว

ผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคมดลูกโตนั้นมักไม่ทราบอาการจนเมื่อเข้าสู่ระยะรุนแรง ดังนั้นการหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายตนเองอยู่เสมอคือสิ่งสำคัญ และควรใส่ใจตรวจเช็กสุขภาพภายในกับสูติ-นรีแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

ขอบคุณข้อมูลจาก : พญ.หยิงฉี หวัง สูติ-นรีแพทย์ผู้ชำนาญการผ่าตัดส่องกล้อง โรงพยาบาลกรุงเทพ

มีลูกตอนอายุ 35+ เสี่ยงจริงไหม ต้องทำอย่างไรถึงท้องอย่างปลอดภัย

ท้องอายุเยอะ, ท้องตอนแก่, ท้องอายุ 35 ปี, ท้องตอนอายุ 35 ปี, ท้องหลังอายุ 35 ปี, ตั้งครรภ์หลังอายุ 35 ปี, อยากมีลูก, ความเสี่ยงแม่ตั้งครรภ์, แม่ตั้งครรภ์อายุ 35 ปี, ท้องตอนแก่ เสี่ยงอะไรบ้างล ท้องตอนแก่ ลูกจะแข็งแรงไหม, ท้องตอนแก่, ลูกเป็นดาวน์ซินโดรม, ท้องตอนอายุเยอะ เสี่ยงแท้ง

แม่ท้องตอนอายุ 35+ อาจมีความเสี่ยง เช่น ลูกเป็นดาวน์ซินโดรม เสี่ยงแท้ง เป็นต้น การตั้งครรภ์ตอนอายุ 35 ปี ท้องตอนอายุเยอะจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพให้ดี

มีลูกตอนอายุ 35+ เสี่ยงจริงไหม ต้องทำอย่างไรถึงท้องอย่างปลอดภัย

ตั้งครรรภ์เมื่ออายุเกิน 35 ปี ทำได้ไหม

การตั้งครรภ์เมื่ออายุเกิน 35 ปี สามารถทำได้ โดยจำต้องตรวจสุขภาพและความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ก่อน เนื่องจากอายุที่มากขึ้นทำให้สุขภาพของผู้หญิงเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร รวมถึงสุขภาพและคุณภาพของไข่ที่อาจไม่สมบูรณ์เท่าช่วงอายุเจริญพันธุ์ (20-30 ปี) ดังนั้น หากตัดสินใจจะตั้งครรภ์เมื่ออายุมากกว่า 35 ปี จึงควรศึกษาภาวะเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และดูแลสุขภาพอย่างเหมาะสมด้วย

ตั้งครรภ์เมื่ออายุมากมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง

  • อาจมีปัญหาบุตรยาก เนื่องจากการตกไข่ลดลงหรือไข่ไม่สมบูรณ์

  • ภาวะแท้งโดยไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ เพราะเข้าใจว่าประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนด หรือแท้งบุตรง่ายจากสาเหตุบางอย่าง เช่น ไข่ไม่สมบูรณ์ ฮอร์โมนจากรังไข่ไม่เพียงพอต่อการตั้งครรภ์ในระยะแรก โดยพบว่าอายุ 35 ปี มีความเสี่ยงแท้งบุตรร้อยละ 12-15 และหากอายุ 40 ปี ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25

  • ทารกในครรภ์มีความผิดปกติ เช่น ความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือภาวะดาวน์ซินโดรมหรือทารกในครรภ์เติบโตช้า หากทารกคลอดก่อกำหนด มีน้ำหนักน้อยกว่าปกติอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หายใจเร็วเนื่องจากปอดยังทำงานได้ไม่เต็มที่

  • คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูงหรือหากเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทารกจะตัวโตมากกว่าปกติทำให้เกิดปัญหาการคลอดยากตามมา "ตรวจสุขภาพ" ลดความเสี่ยงลูกน้อยพิการแต่กำเนิด


คุณแม่ตั้งครรภ์วัย 35 ปีขึ้นไป หากพบความเสี่ยง แพทย์จะวางแผนการรักษาทันที เพราะโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนมีมากกว่าการตั้งครรภ์เมื่ออายุยังน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติหรือคนในครอบครัวเสี่ยงเกิดโรค เช่น ดาวน์ซินโดรม ครรภ์เป็นพิษ หรือโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน เป็นต้น 


 ท้องอายุเยอะ, ท้องตอนแก่, ท้องอายุ 35 ปี, ท้องตอนอายุ 35 ปี, ท้องหลังอายุ 35 ปี, ตั้งครรภ์หลังอายุ 35 ปี, อยากมีลูก, ความเสี่ยงแม่ตั้งครรภ์, แม่ตั้งครรภ์อายุ 35 ปี, ท้องตอนแก่ เสี่ยงอะไรบ้างล ท้องตอนแก่ ลูกจะแข็งแรงไหม, ท้องตอนแก่, ลูกเป็นดาวน์ซินโดรม, ท้องตอนอายุเยอะ เสี่ยงแท้ง

ตั้งท้องตอนอายุ 35 ปีขึ้นไปต้องดูแล 9 เรื่องต่อไปนี้

  1. ทำอัลตร้าซาวด์เพื่อตรวจดูอายุครรภ์และติดตามพัฒนาการทารกในครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์เกินวัย 35 ปีขึ้นไป จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจวิเคราะห์หาสัญญาณการเกิดภาวะแทรกซ้อนและความผิดปกติของทารก

  2. การตรวจเลือดคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อคัดกรองดาวน์ซินโดรม หรือความผิดปกติทางโครโมโซมอื่นๆ ของทารกในครรภ์

  3. การเจาะน้ำคร่ำ เพื่อวินิจฉัยทารกในครรภ์ว่าเป็นดาวน์ซินโดรมหรือมีความผิดปกติทางโครโมโซมอื่นๆ หรือไม่

  4. รับประทานโฟลิกให้เพียงพอ เพราะกรดโฟลิกช่วยให้สมองและกระดูกสันหลังของลูกเติบโตดี พบมากในผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ กล้วย นม ไข่ เป็นต้น และ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

  5. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มอิ่มประมาณ 8-10 ชั่วโมง/วัน

  6. งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ และการสูบบุหรี่

  7. ออกกำลังกายแบบเบาๆ หรือปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการออกกำลังกายอย่างปลอดภัย

  8. เมื่อไม่สบาย ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะยาหลายชนิดสามารถส่งผ่านจากแม่ และมีผลต่อทารกในครรภ์อาจเกิดการแท้งบุตรได้

  9. ควบคุมน้ำหนัก เพราะหากมีน้ำหนักมากเกินไปอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือครรภ์เป็นพิษได้

  10. ห้ามเครียด และ หาวิธีผ่อนคลายจิตใจให้สดใสอยู่เสมอ เพราะอารมณ์ของคุณแม่มีผลต่อการตั้งครรภ์

  11. พบแพทย์ตรวจครรภ์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงและทราบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นเพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที

ขอบคุณข้อมูลจาก: นพ.วิศิษฐ์ ค้อสุวรรณดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลนนทเวช
 
 

มีลูกยากเพราะกำลังเป็นช็อกโกแลตซีสต์อยู่หรือเปล่า หมอสูติฯ มีคำตอบ

ช็อกโกแลตซีสต์, ช็อกโกแลตซีสต์ อาการ, ช็อกโกแลตซีสต์อ สาเหตุ, ช็อกโกแลตซีสต์ วิธีรักษา, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตยาก, อยากมีลูก, รักลูก Community of The Experts

พยายามท้องมาตั้งนานแต่ไม่ท้องซักที มีลูกยากอาจเป็นเพราะเป็นช็อกโกแลตซีสต์ก็เป็นไปได้ ต้องรักษาช็อกโกแลตซีสต์อย่างไร เพื่อให้มีลูกได้ง่ายขึ้น

มีลูกยากเพราะกำลังเป็นช็อกโกแลตซีสต์อยู่หรือเปล่า หมอสูติฯ มีคำตอบ

สาเหตุของการมีลูกยากมีหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ถ้าหากผู้หญิงมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยบ่อยๆ อาจคาดเดาได้ว่าเป็นช็อกโกแลตซีสต์ได้ ช็อกโกแลตซีสต์มีอาการอย่างไร วิธีการรักษาช็อกโกแลตซีสต์ต้องทำอย่างไร มารู้เบื้องต้นกันก่อนเลยค่ะ

สาเหตุของช็อกโกแลตซีสต์

เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หมายถึง เยื่อบุโพรงมดลูกที่ไปเจริญเติบโตอยู่ผิดที่นอกโพรงมดลูก โดยอาจแทรกตัวอยู่ในผนังหรือกล้ามเนื้อมดลูก หรืออาจเข้าไปในช่องท้องจนไปเจริญเติบโตอยู่ตามอวัยวะต่างๆในอุ้งชิงกราน เช่น เยื่อบุช่องท้อง รังไข่ ผนังลำไส้ และผนังกระเพาะปัสสาวะ และบางครั้งอาจกระจายไปสู่อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป เช่น กระบังลม ปอด และ ช่องเยื่อหุ้มปอด

เยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่นี้ เป็นปฏิกิริยาการอักเสบที่ขึ้นกับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen-dependent, benign, inflammatory disease) เมื่อไปเจริญเติบโตอยู่ผิดที่ก็จะยังคงทำหน้าที่เช่นเดิม คือ สร้างประจำเดือน จึงทำให้มีเลือดสีแดงคล้ำหรือสีดำข้นคล้ายช็อกโกแลตขังอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาการผิดปกติต่างๆที่พบได้ในผู้ป่วยโรคนี้ เช่น ปวดท้องประจำเดือน ปวดท้องน้อยเรื้อรัง มีบุตรยาก

ทฤษฎีการก่อกำเนิดของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่นั้นมีหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากการไหลย้อนกลับของ ประจำเดือนผ่านท่อนำไข่เข้าไปฝังตัวอยู่ตามอวัยวะต่างๆภายในช่องท้อง (Sampson's theory) โดยมักจะตกไปอยู่ในอุ้งเชิงกราน ในรายที่การทำหน้าที่ของระบบภูมิคุ้มกันไม่สมบูรณ์ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่สามารถกำจัดเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกเหล่านี้ได้ก็จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้เพิ่มขึ้น

ตำแหน่งที่พบเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่บ่อย ๆ 

  1. รังไข่ หรือช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) เกิดจากเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกและประจำเดือนไหลย้อนกลับไปสะสมในรังไข่ มีลักษณะเป็นถุงน้ำรังไข่ที่บรรจุของเหลวคล้ายช็อกโกแลต ซึ่งถุงน้ำจะใหญ่ขึ้น ๆ จากการถูกเติมเต็มในรอบเดือนแต่ละเดือน จะใหญ่เร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและทำให้เกิดพังผืดหนาขึ้นเรื่อยๆ 

  2. กล้ามเนื้อมดลูก เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก ทำให้เกิดพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งภาวะนี้เรียกว่า โรคที่เกิดจากการที่มีเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญอยู่ในกล้ามเนื้อมดลูก (Adenomyosis) ซึ่งมี 2 แบบคือ ชนิดที่อยู่เฉพาะที่ในชั้นกล้ามเนื้อมดลูกและชนิดที่กระจายในชั้นกล้ามเนื้อมดลูกทั่วไป

นอกจากนี้ยังมีบริเวณเส้นเอ็นยึดมดลูกด้านหลัง (Uterosacral Ligament) บริเวณรอยต่อมดลูกกับกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Reflection) เป็นต้น


ช็อกโกแลตซีสต์, ช็อกโกแลตซีสต์ อาการ, ช็อกโกแลตซีสต์อ สาเหตุ, ช็อกโกแลตซีสต์ วิธีรักษา, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตยาก, อยากมีลูก, รักลูก Community of The Experts

อาการและอาการแสดงของเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

อาการแสดงที่สำคัญของโรคนี้ ได้แก่ อาการปวดบริเวณท้องน้อย (80%) โดยเฉพาะอาการปวดประจำเดือนที่มากผิดปกติความรุนแรงของอาการปวดจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเวลาที่ผ่านไป (progressive dysmenorrhea) ลักษณะอาการปวดจะปวดแบบตื้อ ๆ หรือปวดแบบบีบ ๆ เป็นตั้งแต่ 1-2 วัน ก่อนเป็นประจำเดือน

ซึ่งอาการปวดท้องเกิดจาก มีการเพิ่มการสร้างสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ บางรายที่รอยโรคอยู่ค่อนไปทางด้านหลังของมดลูก ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใกล้กับลำไส้ตรง ก็จะมีอาการปวดหน่วงลงทวารหนักได้ในช่วงที่มีประจำเดือน ส่วนอาการอื่นๆที่พบได้บ่อย ได้แก่ เจ็บในอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์ (dyspareunia) ปวดท้องน้อยเรื้อรัง และภาวะมีบุตรยาก(25%) ซึ่งสัมพันธ์กับการอักเสบและการเกิดพังผืดในอุ้งเชิงกราน  นอกจากนี้ผู้ป่วยบางรายอาจมีเลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างรอบเดือน (intermenstrual bleeding) 

ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดบริเวณต้นคอ, สะบัก แน่นหน้าอก หรือไอเป็นเลือด หากรอยโรคอยู่บริเวณช่องอก อย่างไรก็ตาม พบว่ามีผู้ป่วยจำนวนไม่น้อยที่ถึงแม้จะมีรอยโรคชัดเจน แต่ก็กลับไม่มีอาการผิดปกติแต่อย่างใด ผู้ป่วยบางราย อาจมาด้วยคลำพบก้อนบริเวณท้องน้อย (20%) หรืออาจตรวจเจอโดยบังเอิญ จากการทำ ultrasound 

พยาธิวิทยาของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

ภาวะนี้จะมีลักษณะที่มองเห็นด้วยตาเปล่าค่อนข้างจำเพาะ ได้แก่ จะเห็นจุดสีน้ำตาลหรือม่วงคล้ำ บริเวณผิวของรังไข่, มดลูก, กระเพาะปัสสาวะ, ลำไส้ และเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งจะมีขนาดแตกต่างกันออกไป หรืออาจพบเป็นก้อนบริเวณรังไข่ ภายในมีของเหลวข้นสีช็อกโกแลต

กลไกที่ Endometriosis ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก 

อุบัติการณ์ของภาวะมีบุตรยากในผู้ป่วยendometriosisพบได้ประมาณร้อยละ 30-40 การมีบุตรยากเกิดจากกลไกทางกายภาพ (mechanical) คือมีพังผืดในเชิงกรานทำให้กายวิภาคปกติ ของรังไข่และท่อนำไข่ถูกทำลายขัดขวางการเดินทางของไข่โดยตรง

  1. ขัดขวางการเดินทางของไข่โดยตรงจากพังผืดในอุ้งเชิงกราน

  2. ความผิดปกติในการทำงานของรังไข่ซึ่งอาจเป็น
    • ภาวะไม่ตกไข่พบได้บ่อยในผู้ป่วย endometriosis
    • มีระดับโปรแลคตินสูงในบางราย
    • ความผิดปกติในการทำงานของคอร์ปัสลูเตียมตียมซึ่งพบได้ใน  endometriosis บางรายและการเสื่อม สลายของคอร์ปัสลูเตียมเร็วผิดปกติ

  3. สารเคมีธรรมชาติที่สร้างโดยเซลล์เยื่อบุโพรงมดลูกที่เจริญผิดที่    อาจรบกวนการเจริญของไข่การเคลื่อนไหวของท่อนำไข่การตกไข่หรือการทำงานของคอร์ปัสลูเตียมซึ่งทำให้เกิดผลรวมคือ กลไกการปฏิสนธิและการฝังตัวของตัวอ่อนเสียไป ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากตามมาได้

  4. ปริมาณmacrophagesในน้ำในช่องท้องเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติและยังทำงานมากกว่าปกติ  จะคอยเก็บ กินตัวอสุจิที่วิ่งผ่านจากท่อนำไข่เข้าไปในช่องท้องและโอกาสปฏิสนธิก็ลดลงนอกจากนี้ยังสร้างcytokinesหลายชนิด เช่น interleukin-1, interferon และ tumor necrosis factor (TNF) ซึ่งสารเหล่านี้จะดึงเอาเอา macrophages และเม็ด เลือดขาวเข้าสู่ช่องท้องมากขึ้นทำให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบต่อเนื่องตลอดเวลา และยังมีผล รบกวนการเคลื่อนที่ของตัวอสุจิ และการปฏิสนธิ 

  5. อาการเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ทำให้มีเพศสัมพันธ์น้อยลง และมีบุตรยาก 

ช็อกโกแลตซีสต์, ช็อกโกแลตซีสต์ อาการ, ช็อกโกแลตซีสต์อ สาเหตุ, ช็อกโกแลตซีสต์ วิธีรักษา, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตยาก, อยากมีลูก, รักลูก Community of The Experts

แนวทางการตรวจวินิจฉัยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

สิ่งที่ตรวจพบจากการตรวจร่างกายค่อนข้างหลากหลาย ขึ้นกับตำแหน่ง และขนาดของเยื่อบุโพรงมดลูกที่มาฝังตัว โดยส่วนใหญ่ จะตรวจภายในพบมดลูกโต อาจคลำได้ nodule บริเวณด้านหลังมดลูก (Posterior fornix) หรือตรวจพบมดลูกเอียงหรือคว่ำจากการมีพังผืดดึงรั้ง ซึ่งหากตรวจร่างกายไม่พบความผิดปกติ ก็ไม่สามารถตัดภาวะภาวะนี้ออกไปได้

แต่หากผลการตรวจร่างกายยังไม่ชัดเจนอาจทำการตรวจ ultrasound ทางช่องคลอดหรือทางทวารหนัก โดยจะพบ ovarian cyst (endometrioma) , nodules บริเวณ rectovaginal septum และกระเพาะปัสสาวะ แต่การตรวจ ultrasound จะไม่สามารถวินิจฉัยรอยโรคตามเยื่อบุช่องท้องได้ 

การส่องกล้องตรวจภายในช่องท้อง (laparoscopy) ช่วยให้การวินิจฉัยแม่นยำขึ้น ยังไม่มีการส่งตรวจทางห้องปฎิบัติการ ที่จำเพาะสำหรับภาวะนี้ แต่อาจตรวจพบ CA125 เพิ่มขึ้นได้ (>35u/ml)แต่ไม่เฉพาะเจาะจง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของ CA125 สามารถพบได้หลายภาวะ 

วิธีการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

การรักษาเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคน ประกอบด้วย

  1.  การใช้ยา ได้แก่ ยาแก้ปวดกลุ่มที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบแบบไม่มีสเตียรอยด์เพื่อลดอาการปวดประจำเดือนและปวดท้องน้อย

  2. ฮอร์โมนบำบัด มีทั้งยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด และห่วงฮอร์โมนที่ใส่ในโพรงมดลูก เพื่อลดการมีเลือดประจำเดือนมากหรือปวดประจำเดือน ซึ่งผู้ป่วยไม่สามารถตั้งครรภ์หากใช้ยาในการรักษา

  3. ผ่าตัด โดยการผ่าตัดส่องกล้อง (Laparoscopic Surgery) ช่วยให้เจ็บน้อย แผลเล็ก 

  4. การผ่าตัดเนื้องอกผ่านผนังหน้าท้อง (Abdominal Myomectomy)

ช็อกโกแลตซีสต์กับการตั้งครรภ์

ผู้หญิงหลายคนที่อยากมีบุตรแล้วตรวจพบช็อกโกแลตซีสต์ ยังคงสามารถตั้งครรภ์ได้ตามวิธีธรรมชาติ และอาการของช็อกโกแลตซีสต์จะดีขึ้นด้วย เนื่องจากในระหว่างที่ตั้งครรภ์ ฮอร์โมนเพศจะลดลงช่วง 9 เดือนของการตั้งครรภ์ รวมถึงหลังคลอดบุตร 3-6 เดือน ทำให้ไม่มีประจำเดือน ถุงน้ำช็อกโกแลตซีสต์ไม่ถูกเติมด้วยประจำเดือน ค่อย ๆ ฝ่อหายไปเองได้ แต่อย่างไรก็ตามช็อกโกแลตซีสต์ยังมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ

ทั้งนี้เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อาจมีสาเหตุจากกรรมพันธุ์ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นควรตรวจภายในอย่างสม่ำเสมอทุกปีและหากมีอาการผิดปกติควรรีบพบสูติ-นรีแพทย์โดยเร็ว

บทความโดย: แพทย์หญิง วรประภา ลาภิกานนท์ สูตินรีแพทย์

ยกสะโพก ยกขาสูงหลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยให้มีลูกง่ายจริงไหม

ยกขาสูงหลังมีเซ็กส์ ท้องง่าย, ยกสะโพก มีลูกง่าย, มีเพศสัมพันธ์ ยกสะโพก ท้องง่าย, ยกสะโพกสูง อสุจิไม่ไหลออก, ยกขาพาดกำแพง หลังมีเซ็กส์ มีลูกง่าย, ยกขาสูง หลังมีเพศสัมพันธ์, อสุจิไม่ไหลออก ท้องง่าย, เพิ่มโอกาสท้องง่าย

ถ้าอยากท้องไว ๆ ตั้งท้องง่าย หลังมีเพศสัมพันธ์จะต้องยกสะโพกและยกขาสูงไว้ จะทำให้ตั้งท้องสมใจ วิธีนี้จริงหรือเท็จ เรามีคำตอบค่ะ

ยกสะโพก ยกขาสูง หลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยให้มีลูกง่ายจริงไหม

สำหรับคนอยากมีลูกแต่มีลูกยาก การได้ลองทำตามคำแนะนำหลาย ๆ วิธีก็ช่วยเพิ่มกำลังใจในการพยายามตั้งครรภ์ได้ค่ะ หนึ่งในคำแนะนำที่ตอนนี้น่าจะกลายเป็นความเชื่อไปแล้วสำหรับคนอยากมีลูก นั่นคือ หลังมีเพศสัมพันธ์ต้องยกสะโพกสูง หรือ ยกขาสูงค้างไว้ จะช่วยให้อสุจิไม่ไหลออกและตั้งครรภ์ง่าย

  • หลังมีเพศสัมพันธ์ ฝ่ายหญิงอย่าเพิ่งลุกขึ้นพื่อไม่ให้อสุจิจะไหล

  • ใช้หมอนรองสะโพกให้สูงไว้หลังมีเพศสัมพันธ์

  • ยกขาสูง หรือ ยกขาพาดกำแพงไว้ 15-20 นาที

  • ห้ามอาบน้ำทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์เพราะอสุจิอาจจะโดนชำระล้าง

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานการทางแพทย์ยืนยันว่าการยกสะโพกหรือยกขาสูงหลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยให้ตั้งครรภ์ได้ทุกคน เพียงแต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น แต่สำหรับผู้ที่มีภาวะตั้งครรภ์ยาก เช่น สามีมีปัญหาการหลั่งที่ไม่เข้าไปถึงโพรงมดลูก หรือ ภรรยามีปัญหาความผิดปกติที่อวัยวะสืบพันธุ์จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทางการรักษาผู้มีบุตรยาก เพื่อได้รับการดูแลให้ตั้งครรภ์ตามปัญหาที่เกิดขึ้นจริงค่ะ

อ้างอิงเนื้อหาจาก: www.pregnancytips.org

รวบตึง 15 เรื่องถามตอบการแก้หมันที่คนอยากมีลูกอยากรู้ที่สุด

วิธีแก้หมัน, แก้หมันหญิง, แก้หมันชาย, แก้หมันให้มีลูก, แก้หมัน ราคา, แก้หมันกี่เดือนท้อง, เป็นหมัน อยากมีลูก, มีลูกยาก, มีบุตรยาก, แก้หมัน อย่างไร, แก้หมันเจ็บไหม, แก้หมันสำเร็จไหม, แก้หมันแล้วท้องเลยไหม, ทำไมต้องแก้หมัน

แก้มหมันทำยังไง เจ็บไหม แพงหรือเปล่า แก้หมันแล้วมีลูกได้เลยไหม มีโรคประจำตัว อายุเยอะแล้วยังแก้หมันได้ใช่ไหม ทุกคำถาม เรามีคำตอบค่ะ

รวบตึง 15 เรื่องถามตอบการแก้หมันที่คนอยากมีลูกอยากรู้ที่สุด

ทำยังไงดี อยากมีลูก อีกสักคนแต่ทำหมันไปแล้ว แก้หมัน ได้ไหม แก้หมัน แล้วจะมีลูกได้เลยใช่ไหม แก้หมัน แพงไหม คำถามเหล่านี้เรารวบรวมมาตอบให้โดย สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะค่ะ 

  1. การแก้หมันมีหลักการอย่างไร 
    ตอบ: พูดถึงหลักการทำหมันก่อน(ผู้หญิง) คือ การตัดท่อนำไข่ออก และผูกสองข้างไว้ ทำให้ไข่ของสตรีไม่สามารถผ่านท่อรังไข่ไปได้ ไม่สามารถผสมกับตัวเชื้อผู้ชายได้ การแก้หมันก็คือ การนำท่อสองท่อที่ตัดออกมาเชื่อมกันโดยการผ่าตัด

  2. หมันแบบไหนที่สามารถแก้ได้
    ตอบ: ทั่วโลกมีการทำหมันวิธีเดียวคือการตัดท่อนำไข่ สามารถต่อได้ ขึ้นอยู่กับว่าแพทย์ที่ทำให้หมันให้ตัดท่อนำไข่ไปมากน้อยแค่ไหน เหลือส่วนท่อนำไข่ทำการต่อได้แค่ไหน ผลสำเร็จมันขึ้นอยู่กับตรงนั้น

  3. การแก้หมันได้มีเงื่อนไขอะไรบ้าง
    ตอบ: ต้องดูคนไข้มีปัญหากสุขภาพอะไรบ้าง เช่น มีโรคประจำตัวหรือไม่ มีปัญหาสุขภาพจิตหรือไม่ มีความเสี่ยงกับภาวะแทรกซ้อนหรือไม่ รวมถึงปัจจัยเรื่องอายุด้วย หากอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป แม้จะแก้หมันได้แต่ก็อาจจะมีโอกาสตั้งครรภ์น้อยลง

  4. แก้หมันต้องนอนโรงพยาบาลนานเท่าไร
    ตอบ: ส่วนใหญ่ที่มาทำประมาณ 2-3 คืน

  5. ค่าใช้จ่ายในการแก้หมัน
    ตอบ: ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล เช่น โรงพยาบาลรัฐบาลอาจะอยู่ในระดับ 10,000-30,000 บาท ถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชนจะอยู่ที่ 60,000 บาทขึ้นไปจนถึงระดับแสนบาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล ความเชี่ยวชาญของแพทย์ รวมถึงการดูแลหากมีภาวะแทรกซ้อน

  6. แก้หมัน สามารถตั้งครรภ์ได้เลยไหม
    ตอบ: หลังแก้หมันแล้ว แพทย์จะนัดคนไข้มาเพื่อฉีดสีนัดดูท่อนำไข่ประมาณ 2 เดือนหลังแก้หมัน ถ้าท่อนำไข่เปิดก็ปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้

  7. อายุมากสามารถแก้หมันได้ไหม
    ตอบ: วัยไหนก็สามารถแก้ได้ แต่หากผู้หญิงอายุเกิน 40 ปี โอกาสตั้งครรภ์จะน้อยลง แต่ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย ฮอร์โมน หรือภาวะไข่ตก


    วิธีแก้หมัน, แก้หมันหญิง, แก้หมันชาย, แก้หมันให้มีลูก, แก้หมัน ราคา, แก้หมันกี่เดือนท้อง, เป็นหมัน อยากมีลูก, มีลูกยาก, มีบุตรยาก, แก้หมัน อย่างไร, แก้หมันเจ็บไหม, แก้หมันสำเร็จไหม, แก้หมันแล้วท้องเลยไหม, ทำไมต้องแก้หมัน

  8. ทำหมันมานานแล้วสามารถแก้ได้ไหม
    ตอบ: แก้ได้

  9. ถ้าหาหมอเสร็จแล้วจะสามารถทำการผ่าตัดได้เลยไหม
    ตอบ: ต้องนัดทำการผ่าตัดอีกครั้ง เพราะก่อนผ่าตัดจะต้องตรวจภายในคนไข้ก่อนว่ามีมะเร็งปากมดลูกไหม มีเนื้องอกมดลูกไหม และต้องตรวจผู้ชายด้วยว่ามีตัวเชื้อไหม ต้องตรวจสุขภาพทั้งผู้ชายและผู้หญิง พร้อมทั้งต้องตรวจความพร้อมในการมีบุตร

  10. ทำหมันต้องพาแฟนมาด้วยไหม
    ตอบ: ควรพาสามีมาเพื่อรับทราบว่า ภรรยาต้องเตรียมตัวการผ่าตัด แล้วให้รู้ว่าคุณผู้ชายต้องตรวจอะไรบ้าง ตรวจเลือด ตรวจสเปิร์ม หรือน้ำเชื้อว่าแข็งแรงดีไหม

  11. มีโอกาสแก้หมันสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์
    ตอบ: ค่าในการแก้หสันสำเร็จเฉลี่ยประมาณ 50 -70 % ขึ้นอยู่กับภาวะของคนไข้ ขึ้นอยู่กับภาวะการผ่าตัดครั้งก่อน ขึ้นอยู่กับอายุคนไข้

  12. ตอนนี้เป็นไทรอยด์ที่คอ สามารถแก้หมันได้ไหม
    ตอบ: หากคนไข้มีโรคประจำตัว หรือ จากที่แจ้งว่าเป็นไทรอยด์ ก็จำเป็นต้องรักษาก่อนเข้าผ่าตัดแก้หมัน รวมถึงแพทย์จะต้องตรวจอย่างละเอียดว่าโรคที่เป็นอยู่สามารถผ่าตัดได้ไหม มีปัญหาเรื่องการบล็อกหลังหรือดมยาสลบไหม ถ้ามีความเสี่ยงใดๆ แพทย์จะแจ้งให้คนไข้ทราบเพื่อหาวิธีรักษาก่อน

  13. เคยผ่าคลอดมาแล้ว 2 ครั้ง สามารถทำการแก้หมันได้ไหม
    ตอบ: เคยผ่าคลอดมาแล้วก็สามารถแก้หมันได้ 

  14. หลังแก้หมันกี่เดือนถึงตั้งครรภ์ได้
    ตอบ: ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้หลังผ่าตัดฟื้นตัวดีแค่ไหน ต้องนัดมาฉีดสี เอ็กซเรย์ดูว่าท่อนำไข่เปิดไหม ประมาณ 2-3 เดือนก็ปล่อยให้ตั้งครรภ์ได้

  15. แก้หมันเจ็บไหม แผลผ่าตัดใหญ่ไหม
    ตอบ: คนไข้จะเจ็บหลังการผ่าตัดเสร็จ ถ้าคนเคยผ่าตัดคลอดก็ต้องผ่าแผลเดิม ถ้าไม่เคยผ่าตัด ต้องผ่าตัดบริเวณหัวหน่าว ใกล้เคียงกับแผลผ่าคลอดแต่จะเล็กกว่าแผลผ่าคลอด

ขอบคุณข้อมูลจาก: นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชัย และสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลเอกชัย

 

รักลูก The Expert Talk EP 08: ตอน ปั้นน้ำเชื้อเป็นตัว โดย โรงพยาบาลวิภาวดี

มีลูกยาก...การบ้านก็ทำแล้วนะ...พึ่งทุกทางแล้วเนี่ยะ...เจ้าตัวเล็กก็ยังไม่มาซักที

ชวนคนอยากมีลูก มีลูกยากมาปั้นน้ำเชื้อให้เป็นตัว โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง พญ.อัญชุลี พฤฒิวรนันทน์ สูตินรีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำศูนย์รักษา ผู้มีบุตรยากและผ่าตัด ผ่านกล้องทางนรีเวช โรงพยาบาลวิภาวดี

 

จำนวนคนไข้ที่มีบุตรยากมีเพิ่มขึ้น จริงๆ มีมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกปี อาจจะด้วยว่ามันคงสะสมมาระยะหนึ่ง ด้วยเทรนด์ที่คนกว่าจะตั้งตัวได้ กว่าจะเรียนจบ ด้วยอายุถือเป็นปัจจัยหนึ่ง เพราะกว่าจะเรียนจบ ก็ยังต้องทำงานก่อน จะมามีลูกก็ยังไม่มีเงินเลี้ยงลูก พออยากจะมีลูกอายุก็มากขึ้น

ซึ่งจริงๆ โดยทฤษฏี พออายุมากเกิน 35 ปี ก็จะเข้าข่ายมีบุตรยากแล้ว มีแนวโน้มไม่ใช่ว่ามีไม่ได้ ถ้าสมมติว่าอายุเกิน 35 ปี ก็ไม่ควรปล่อยนาน บางคนแต่งงาน 35 36 ละไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็มี ไม่ได้นะคะเพราะว่าเป็นปัจจัยแล้ว ต้องมีการบ้านแล้วละต้องตอบโจทย์ตัวเองแล้วว่าอยากมีลูกตอนไหน อยากมีลูกอายุเท่าไหร่ ก็จะต้องวางแผนละ ถ้าเราอยากมีเร็วก็ไม่ควรปล่อยเลยตามเลย ต้องจริงจัง โดยทฤษฎีถ้าปล่อยมีลูกนานเกินกว่า 12 เดือน หรือ 1 ปี ก็ยังไม่มีก็ควรจะต้องพบแพทย์แล้ว แต่ถ้าอายุเกิน 35 ปี ก็ไม่ควรรอนานถึง 12 เดือน ควรจะเป็น 6 เดือน ถ้าจริงจังแล้วยังไม่มีควรมาพบแพทย์ได้แล้ว

นวัตกรรมหรือเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้มีลูก

มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับปัจจัยในแต่ละคู่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องตรวจร่างกายก่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเพื่อหาสาเหตุ และแก้ไขไปตามสาเหตุนั้นๆ บางคนอาจจะต้องมีผ่าตัดก่อนแก้ไข ถ้าเจอโรคเช่น เนื้องอกมดลูก หรือว่ากลุ่มซีสต์รังไข่ ก็จะต้องไปผ่าตัดก่อนการวางแผนมีบุตร พอแก้ไขเสร็จเรียบร้อยก็เข้าสู่กระบวนการรักษาเรื่องการมีบุตร

ถ้าง่ายที่สุดคือถ้ารังไข่ไม่ค่อยดีแล้วตกไข่ไม่ค่อยดีก็อาจใช้ยากระตุ้นไข่ เป็นวิธีแรก อันนี้ในกรณีที่คุณพ่อแข็งแรงดี ทุกคนแข็งแรงดี แต่ไข่อาจมีขี้เกียจบ้าง คุณภาพไม่ค่อยดี เพื่อที่จะได้ไข่ที่สมบูรณ์รู้วันตกไข่ที่ชัดเจนหลังจากนั้นก็กระตุ้นไข่ด้วยวิธีรับประทานธรรมดาไม่ต้องฉีดอะไร ถ้าปัจจัยไม่เยอะจะลองวิธีนี้ก่อน

ซึ่งถ้าเรารู้วันตกไข่ที่แน่นอนโอกาสของการทำการบ้านอยู่แค่ 24-48 ชั่วโมง ปกติเรารักษาแต่ละคู่เราก็จะบอกเลยว่ามันจะประมาณการวันตกไข่ได้ ถ้าอยู่คนละจังหวัด อยู่คนละที่ก็ต้องวางแผนกลับมาเจอกัน

IUI (Intra – Uterine Insemination)

สำหรับวิธีต่อไปถ้ากระตุ้นไข่แล้วยังไม่สำเร็จ โดยทั่วไป 3-6 เดือนควรต้องเริ่มขยับวิธีอื่น ซึ่งวิธีต่อไปก็จะเป็นเรื่องของการฉีดเชื้อ ก็คือนำน้ำเชื้อหรืออสุจิของฝ่ายชายหลั่งออกมาและบางที่อาจจะมีทั้งตัวที่สมบูรณ์ ไม่สมบูรณ์ วิ่งได้บ้าง จอดนิ่งบ้าง ก็เอามาล้างเอามาคัดเชื้อเอาเฉพาะตัวที่สมบูรณ์ เสร็จแล้วก็ฉีดกลับเข้าไปในโพรงมดลูก หมอชอบอธิบายคุณไข้ง่ายๆ ว่านึกถึงสภาพรถติด บนถนนมีทั้งรถติด รถแข่ง รถจอดตาย มันก็มีตัวดีๆ นะ มีรถแข่ง มันวิ่งไปไม่ได้รถมันติดก็ต้องมาล้างมาคัดเชื้อเอาเฉพาะรถแข่งแล้วนอกจากนั้นส่งขึ้นทางด่วนด้วย เพื่อไปให้ถึงผิวไข่เพื่อไปปฏิสนธิให้ได้ วิธีนี้เรียกว่า IUI

ถ้าเทียบกับวิธีแรกคือการกระตุ้นไข่อย่างเดียวเทียบเป็นระดับเท่าคือมีมากกว่าประมาณ 2-3 เท่า แต่ถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ ต้องนับจากธรรมชาติก่อนโดยที่ไม่ทำอะไรเลยโอกาสท้อง 1-2 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน หมายความว่า 100 คู่ มีโอกาสสำเร็จ 1-2 คู่ต่อเดือน แต่ถ้าเป็นสเต็ปแรกที่เล่าให้ฟังไปเป็นการกระตุ้นไข่อย่างเดียวก็จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวก็จะเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ก็ขยับมาเป็น 20 คู่ท้อง 1 คู่ แล้วพอมาเป็น IUI ก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 10 เปอร์เซ็นต์

วิธีนี้นิยมมากที่สุด ถ้าเทียบกับฐานคนไข้ทั้งหมด เพราะราคาไม่แพง แล้วก็ยังเป็นหัตถการที่ไม่ค่อยเจ็บตัว ไม่โดนฉีดยาอะไรมากมาย ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ นัดวันมากระตุ้นไข่ นัดวันมาฉีดเชื้อ

เด็กหลอดแก้ว

วิธีต่อไปจะขยับมาเป็นเด็กหลอดแก้ว ซึ่งเด็กหลอดแก้วจริงๆ ก็จะมี 2 แบบ ก็คือ IVF กับ อิ๊กซี่ ก็คือICSI แต่เราก็จะเรียกเป็นอิ๊กซี่ ซึ่งจริงๆ ทั้ง IVF และ อิ๊กซี่ คือเด็กหลอดแก้วทั้งหมด หมายความว่าเก็บไข่ออกมาข้างนอก เก็บสเปิร์มออกมาปฏิสนธิเสร็จเรียบร้อย พอทำให้เป็นตัวอ่อนแล้วที่ห้องแลป

พอได้ตัวอ่อนมาแล้วย้ายกลับเข้าโพรงมดลูกนี่คือเป็นเด็กหลอดแก้ว แต่ว่าต่างกันอย่างไร IVF คือการเอาสเปิร์ม ล้าง คัด หยอดลงไปที่ผิวหน้าไข่โดยเฉพาะ สเปิร์มยังต้องเจาะไข่เองเพื่อที่จะเข้าไปปฏิสนธิ แต่ถ้าเป็นอิ๊กซี่ก็คือ 1ไข่ ต่อ 1 สเปิร์ม คือฉีดสเปิร์มเข้าไปในใจกลางไข่เลย เพื่อที่จะทำให้เขาปฏิสนธิได้สมบูรณ์ที่สุด ปอกเปลือกไข่ก่อนด้วยแล้วก็ยิงสเปิร์มเข้าไปด้วยแล้วก็เฝ้าดูด้วยว่าเขาจะเจริญเติบโตแบ่งเซลล์หรือเปล่า ซึ่งมีโอกาสสูงมากตั้งแต่ 50 เปอร์เซ็นต์ ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขึ้นอยู่กับปัจจัยในแต่ละคู่

วิธีการนี้เจ็บตัวในช่วงที่ต้องกระตุ้นไข่ เพราะว่ายากระตุ้นไข่จะต้องเป็นยาฉีด จะต้องฉีดยาทุกวัน ฉีดประมาณ 8-10 วัน ฉีดแล้วต้องมามอนิเตอร์ก็คือต้องมีการอัลตราซาวนด์บ่อยมากขึ้นเพื่อที่จะเห็นไข่เติบโตตามระยะ มีการปรับยากระตุ้นไข่ และเจ็บตัวอีกทีตอนเก็บไข่

แต่จริงๆ แล้วเวลาเก็บไข่จะเจ็บตอนฉีดยาเพราะนอนเสร็จหมอก็จะฉีดยานอนหลับให้ ที่เหลือก็เป็นหน้าที่คุณหมอ ที่เหลือหลับสบาย คนไข้บอกว่าจะกลัววันเก็บไข่ที่สุดแต่ปรากฎว่าไม่เจ็บเลยเพราะนอนหลับไป ตื่นมาก็เสร็จแล้ว

ผสมเทียมกับการได้เด็กฝาแฝด

ทางการแพทย์ไม่ต้องการเลย หมอทุกคนที่รักษาในกลุ่มมีบุตรยากไม่อยากให้เกิดแฝดเลย เพราะเวลาที่เราทำให้คนไข้ท้องคนหนึ่งเรามองไปถึงจุดที่ต้องคลอดแล้ว เพราะฉะนั้นเรามองไปถึงระยะยาวเลยว่ามีความเสี่ยงระหว่างตั้งครรภ์ การแท้ง คลอดก่อนกำหนดไหม เด็กจะออกมาสมบูรณ์ไหม

เพราะฉะนัั้นเมื่อไหร่เป็นแฝดจะมีความเสี่ยงมากขึ้นอยู่แล้วไม่ว่าแท้งคูณเป็นสองเท่า ถ้าเป็นแฝดสองก็คูณสองเท่าระหว่างทางก็มีโอกาสที่จะกระตุ้นครรภ์เป็นพิษ เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ความดันสูง คลอดก่อนกำหนด ซึ่งพอคลอดก่อนกำหนดก็ขึ้นอยู่กับว่าเด็กคลอดก่อนกำหนดมากน้อยแค่ไหน ถ้าก่อนกำหนดมากก็ต้องอยู่ตู้อบ ซึ่งเสียเงินแล้วค่าใช้จ่ายในการมอนิเตอร์ก็เยอะ ซึ่งเป็นความเจ็บของแม่ที่เห็นลูกนอนอยู่ในตู้

หมอไม่อยากได้แฝดแต่ว่าเทคโนโลยีในการกระตุ้นไข่มีโอกาสได้ไข่มากกว่าธรรมชาติ ก็คือถ้าเป็น IUI มีโอกาสได้ไข่ตั้งแต่ หนึ่งใบสองใบสามใบแล้วเราคอนโทรลให้มีการปฏิสนธิไม่ได้ เนื่องจากว่าเราปล่อยเชื้อเข้าไปปฏิสนธิในช่องท้อง เพราะเราฉีดสเปิร์มเข้าไปในมดลูกเลย

เพราะฉะนั้นสมมติมาบังเอิญติดทั้งหนึ่งไข่สองไข่สามไข่ ก็มีสิทธิ์เป็นแฝดสองแฝดสามได้ เพราะฉะนั้นการ IUI ก็มีข้อกำหนดว่าเมื่อไหร่มีไข่เกินสามใบห้าม IUI ทันที จะต้องยกเลิก อันนี้เป็นข้อบางชี้ทางการแพทย์ เพราะถ้ามีโอกาสที่ได้มากกว่าสามก็เป็นแฝดสี่แฝดห้า ซึ่งความเสี่ยงก็จะเยอะมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเป็น IUI โอกาสที่จะคอนโทรลเรื่องของแฝดก็จะอยากกว่าที่เป็นเด็กหลอดแก้ว

แต่ถ้าเป็นเด็กหลอดแก้วก็คือไม่ว่าจะเป็น IVF หรืออิ๊กซี่ ซึ่งจริงในปัจจุบัน IVF ไม่ค่อยมีใครทำแล้วนะคะ เนื่องจากอิ๊กซี่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้สูงกว่าเนื่องจากเราบังคับปฏิสนธิเลย จริงๆ ถ้าความเข้าใจของหมอ 98-99 เปอร์เซ็นต์ เรียกว่าเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

ในประเทศไทยตอนนี้ทำเป็นอิ๊กซี่หมดทุกเซ็นเตอร์เพราะโอกาสการตั้งครรภ์สูงกว่า ยกเว้นว่าเซ็นเตอร์ไหนนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถคอนโทรลเรื่องของการทำอิ๊กซี่ได้เขาก็อาจจะมั่นใจในการทำ IVF มากกว่าก็คือแล้วแต่เซ็นเตอร์นั้นๆ แต่ถ้าอย่างเซ็นเตอร์โรงพยาบาลวิภาวดีคือทำอิ๊กซี่ 100 เปอร์เซ็นต์มา 15 ปีแล้วไม่มี IVF เลย

ย้อนกลับไปเรื่องแฝด ถ้าเป็นเด็กหลอดแก้วมันก็มีโอกาสเก็บไข่ออกมาได้มากอยู่แล้ว มีตั้งแต่สามใบในคนอายุเยอะจนกระทั้งถึง 20-25 ใบในคนอายุน้อยลง เพราะฉะนั้นถ้า 20-25 ใบก็มีโอกาสเป็นตัวอ่อนประมาณเป็น 10 ตัว พอเป็น 10 ตัวเราเลือกย้ายตัวอ่อนที่ดีที่สุด เวลาย้ายตัวอ่อนก็จะย้ายได้ 1 หรือ 2 ตัว

ปัจจุบันทางราชวิทยาลัยหรือสมาคมเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์แนะนำว่าไม่ควรย้ายตัวอ่อนเกิน 2 ตัว ซึ่งจริงๆ แนะนำให้ย้ายตัวอ่อนทีละตัวเท่านั้นเพราะว่าเราไม่ต้องการแฝดอย่างที่บอก และโดยเฉพาะคนที่มีลูกยากอายุเยอะความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนต่างๆ ก็ยิ่งมากขึ้นไปอีกเพราะฉะนั้นแฝดจะเรียกเป็นเหมือนภาวะแทรกซ้อนที่เราไม่อยากได้ก็ได้จริงแล้วดูเหมือนคุ้มแต่หมอจะพยายามบอกคนไข้ทุกคนว่าความคุ้มมันต้องมองไปถึงจุดสุดท้าย

ถ้าให้อธิบายเรื่องของพัฒนาการจริงๆ เลี้ยงลูกทีละคนดีกว่าเรามอบความรัก แล้วดูแลเอาใจใส่เขาได้มากที่สุดทีละคนรวมถึงพัฒนาการที่พี่กระตุ้นน้องตามลำดับไปด้วย

คุณแม่ดูแลสุขภาพ

การทำด้วยเทคโนโลยีมีงานวิจัยออกมาเป็นหมื่นๆ งานวิจัยเลย และได้ข้อสรุปมาเป็น 10 ปีแล้วว่าไม่มีผลใดๆ ทุกอย่างเทียบเท่ากับธรรมชาติ แต่ถ้าในส่วนของเรื่องภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ให้อธิบายในแง่ของพื้นฐานของคนที่มีลูกยากมักมีปัจจัยอยู่แล้วไม่ว่าจะอายุเยอะหรือว่าอาจจะโรคที่เป็นมาอยู่เดิม เนื้องอกมดลูก พังผืด ซีสต์รังไข่

ทั้งหมดทั้งมวลคือการทำให้เกิดในเรื่องโอกาสการคลอดก่อนกำหนด อาจมีภาวะรกเสื่อม น้ำคล่ำน้อย เพราะฉะนั้นในช่วงท้ายๆ ก็ต้องมีการพักผ่อนมากขึ้นเพื่อที่จะทำให้ลูกไปถึงการคลอดครบกำหนดให้ได้ จริงๆ ไม่เฉพาะไตรมาสสามตั้งแต่ไตรมาสแรก แล้วก็พูดถึงความพยายามความจริงจังในแต่ละคู่สมรสกว่าจะได้มาก็เหมือนแบบ Golden Child / Platinum Child ไม่รู้จะตั้งระดับไหน ก็เหมือนเป็นเด็กที่เราต้องประคบประหงมเขาหน่อยกว่าจะได้เขามา เสียเงินก็มาก เสียเวลาไปเสียทุกสิ่งอย่าง

สำหรับการดูแลก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ถ้าเป็นแค่ปัจจัยน้อยๆ กระตุ้นไข่น้อยๆ จริงๆ ก็เหมือนกับการตั้งครรภ์ปกติ ก็คือใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ถ้าเกิดว่าต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้นก็อาจจะต้องเฝ้าระวัง คืออาจจะเกิดเหตุก็ได้ เกิดเหตุที่จะมีภาวะแทรกซ้อน หรือคลอดก่อนกำหนด

ทั้งนี้ทั้งนั้นหมอที่ดูแลเวลาที่เราฝากครรภ์ก็จะประเมินอยู่แล้วว่าเราเป็นกลุ่มคนที่มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนไหม เพราะฉะนั้นอย่างแรกเลยคือเชื่อฟังหมอไปฝากครรภ์สม่ำเสมอตามกำหนด ถ้ามีความเสี่ยงอะไรพอหมอแนะนำให้ตรวจเพิ่มเติมพอเราตรวจแล้วถ้ามีภาวะแทรกซ้อน ก็จะต้องปฏิบัติตัวมีวินัยตามระยะของการตั้งครรภ์

แนะนำหากอยากมีลูก

อย่างแรกต้องทำการบ้านก่อนคุยกันว่าพร้อมหรือยัง ถ้าพร้อมเลยก็ไม่ต้องกลัวที่จะมาตรวจ จริงๆ แล้วตรวจเบื้องต้นพอเราจอสาเหตุก็จะได้รักษาไปตามสาเหตุนั้นๆ ตรวจเบื้องต้นควรจะมาตรวจทั้งคู่ ตรวจทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย แล้วก็ระหว่างทางที่รักษาไปก็ควรดูแลสุขภาพ ตั้งใจเต็มที่ แล้วก็เรื่องการดูแลสุขภาพตัวเอง การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีช่วยทำให้มีบุตรง่ายขึ้น ทำให้ร่างกายแข็งแรง แล้วก็วิตามินที่เตรียมการตั้งครรภ์ก็ควรจะเริ่มกินได้ จริงๆ มีแค่โฟลิกเม็ดเล็กๆ วันละเม็ดก็ทานไปเลยทานได้นานเลย

บางคนถามว่าอยากมีลูกปีหน้าทานได้เลยไหม จริงๆ คือทานไว้ได้เลยค่ะ โฟลิกก็คือดูแลในเรื่องเซลล์พื้นฐานตั้งแต่หัวจรดเท้า คือเป้าหมายหลักเราต้องการให้เซลล์ไข่คุณภาพดีป้องกันความพิการของทารกได้ด้วย แต่จริงๆ โฟลิกเป็นสารตั้งต้นที่ดูแลผิวดูแลผมได้ด้วย

นวัตกรรมผู้มีบุตรยาก

ที่โรงพยาบาลวิภาวดีเราทำเป็นเทคนิคอิ๊กซี่มากที่สุด ทำมาเป็น 15 ปีแล้ว ก็คือในอัตราการตั้งครรภ์ของเราค่อนข้างสูงคือ 50-80 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่บอกมีโอกาสได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยถ้าปัจจัยไม่ได้เยอะมาก รวมถึงเรามีห้องแล็ปของเราเองไม่ได้จำเป็นต้องส่งไข่หรือตัวอ่อนออกไปที่อื่น แล้วยังสามารถตรวจโครโมโซมตัวอ่อนได้ด้วยในคนที่มีข้อบ่งชี้ สามารถบ่งชี้ได้เลยว่าตัวอ่อนมีโครโมโซมที่ปกติไหม มีโครโมโซมผิดปกติมากน้อยแค่ไหน โรงพยาบาลเรามีหมอเฉพาะทางหลายท่านสามารถที่จะให้บริการได้ทุกวันทั้ง 7 วัน เข้ามาได้ตามวันที่สะดวกค่ะ

 

พบกับ รายการ รักลูก The Expert Talk ทุกวันพฤหัสบดีที่ 1 2 และ 3 ของเดือน

ติดตามฟังได้ที่รายการรักลูก The Expert Talk 

Apple Podcast:  https://apple.co/3m15ytB

Spotify:  https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube:  https://bit.ly/3cxn31u

www.rakluke.com/community-of-the-experts.html

สามีอวัยวะเพศสั้น อวัยวะเพศชายสั้นทำให้มีลูกยากจริงไหม

อวัยวะเพศสั้น มีลูกยาก, ผู้ชายอวัยวะเพศสั้น มีลูกยาก, จู๋สั้น มีลูกยากจริงไหม, ผู้ชายมีลูกยาก, สาเหตุ ผู้ชายมีลูกยาก, อยากมีลูก, วิธีมีลูกง่าย, วิธีทำลูก, ยกสะโพกสูง หลังมีเซ็กส์ มีลูกง่าย

อวัยวะเพศชายสั้น ไม่ได้มีผลกับการตั้งครรภ์ยากง่ายค่ะ แต่เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งท้องมากขึ้น บ้านไหนที่สามีอวัยวะเพศสั้นจึงควรทำสิ่งต่อไปนี้เพื่อให้มีลูกง่าย

สามีอวัยวะเพศสั้น อวัยวะเพศชายสั้นทำให้มีลูกยากจริงไหม

ใครที่วางแผนตั้งครรภ์มาตั้งนาน แต่ก็ยังไม่ท้องสักที พอมาสำรวจกันเองก็แอบตั้งข้อสงสัยว่า "สามีอวัยวะเพศสั้น" ทำให้มีลูกยาก อสุจิวิ่งไม่ถึงไข่หรือเปล่า เพื่อแก้ความสงสัยนี้ เรามาดูกันว่าเรื่องนี้จริงเท็จแค่ไหน

ขณะนี้ยังไม่มีรายงาน และ งานวิจัยทางวิชาการใดๆ รองรับว่า อวัยวะเพศชายที่มีขนาดเล็กหรือสั้นส่งผลให้มีลูกยาก เพียงแต่อวัยวะชายสั้นผิดปกติก็อาจทำให้โอกาสตั้งครรภ์น้อย หรือ ช้าลง เพราะน้ำอสุจิที่หลั่งออกมาเข้าไปไม่ถึงปากมดลูก หรือเมื่อหลั่งแล้วจะอยู่แต่บริเวณแคมอวัยวะเพศหญิง แล้วไหลออกหมด 

ส่วนการ มี ลูก ยาก เป็นภาวะที่เกิดได้ทั้งชายและหญิง ซึ่งเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น น้ำเชื้อไม่มีตัวอสุจิ อสุจิไม่แข็งแรง การตกไข่ผิดปกติ เป็นต้น ซึ่งภาวะนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการดูแลและช่วยในการมีลูกได้อย่างถูกต้อง

สามีอวัยวะเพศสั้นต้องทำยังไงถึงจะมีลูกง่าย

  1. ใช้ท่ามีเพศสัมพันธ์ที่ทำให้อวัยวะเพศชายเข้าได้ลึกที่สุด เช่น ท่ามิชชั่นนารี ท่าเข้าข้างหลัง (Doggy) เป็นต้น

  2. สามีควรปล่อยอสุจิในขณะที่อวัยวะเพศเข้าไปลึกที่สุด แล้วกดค้างไว้ รอให้อสุจิออกหมดก่อนแล้วค่อยถอนตัวออก

  3. เพิ่มโอกาสให้อสุจิวิ่งเข้าได้ลึกขึ้นและไม่ไหลออกด้วยการใช้ หมอนหนุนก้นฝ่ายหญิงไว้ขณะที่เพศสัมพันธ์ และ อย่าเพิ่มเรีบลุกหลังมีการหลั่งเรียบร้อยแล้ว (ยกสะโพกสูงหลังมีเพศสัมพันธ์ช่วยให้มีลูกง่ายจริงไหมอ่านต่อคลิก)

นอกจากการปรับเปลี่ยนวิธีการแล้ว ก็ควรดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงด้วยค่ะ เช่น พักผ่อนอย่างเพียงพอ งดการดื่มแอลกอฮอลและสูบบุหรี่ กินอาหารครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเลือกมีเพศสัมพันธ์ที่มีโอกาสในตั้งครรภ์มากที่สุด เช่น ช่วงวันตกไข่ เป็นต้น 

 

อยากมีลูกต้องรู้ ! ไข่ของผู้หญิงมีจำกัด ยิ่งอายุมากขึ้นจำนวนไข่ก็ลดลงแถมไข่แก่อีกด้วย

ไข่ของผู้หญิง, ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก, ท้องตอนอายุเยอะ, ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี, ท้องตอนอายุ 35 ปี, ท้องตอนแก่, ไข่ของผู้หญิงมีจำนวนจำกัด, ไข่ รังไข่ แก่, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตรยาก,  อยากมีลูก, แม่ท้องต้องรู้

รู้ไหมคะ ว่ายิ่งผู้หญิงอายุมากขึ้น โอกาสในการตั้งครรภ์จะต่ำลง โดยทั่วไปการตั้งครรภ์จะยากขึ้นเมื่อ อายุ 35 ปีขึ้นไป

ไข่ของผู้หญิงมีจำกัด ยิ่งอายุมากขึ้น จำนวนไข่ก็ลดลง แถมไข่แก่อีกด้วย 

รู้ไหมคะ ว่ายิ่งผู้หญิงอายุมากขึ้น โอกาสในการตั้งครรภ์จะต่ำลง โดยทั่วไปการตั้งครรภ์จะยากขึ้นเมื่อ อายุ 35 ปีขึ้นไป เนื่องจากผู้หญิงเกิดมาพร้อมกับจำนวนไข่ในรังไข่ที่มีจำกัด และเซลล์ไข่จะค้างการแบ่งตัวอยู่ที่ระยะไมโอซิส I (Meiosis I) จนกระทั่งตกไข่จึงจะมีการแบ่งตัวต่อจนสมบูรณ์

นอกจากนั้น ไข่บางส่วนจะฝ่อสลายไปตามกาลเวลา ดังนั้นเมื่ออายุมากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเหลือไข่ที่มีความสมบูรณ์จำนวนน้อยลง และมีโอกาสที่การแบ่งตัวต่อของเซลล์ไข่มีความผิดพลาดได้ และเกิดเป็นเซลล์ไข่ที่มีจำนวนโครโมโซมผิดปกติ ส่งผลให้เกิดภาวะมีบุตรยากและภาวะแท้ง รวมถึงหากตั้งครรภ์ต่อไปก็อาจมีตัวอ่อนที่มีความผิดปกติของโครโมโซม เหล่านี้รวมเรียกว่าเป็นการแก่ตัวของไข่ (ovarian aging) และการลดลงของไข่ที่สะสม (ovarian reserve) 

เมื่ออายุมากขึ้นความสามาถในการมีลูกก็ลดลง จำนวนไข่ก็ลดลง 

  • อัตราการฝังตัวอ่อนจะลดลงเมื่ออายุ  35 ปีขึ้นไป เมื่ออายุ 45 ปีขึ้นไปประจำเดือนก็มีการเปลี่ยนแปลง

  • อายุมากขึ้นก็จะเสี่ยงกับการแท้งมากขึ้น มารดาอายุมากขึ้นจะมีความผิดปกติด้านโครโมโซมของไข่ และการขาดหายไปของไมโตคอนเดรีย

  • มีปัจจัยบางอย่างและสาเหตุที่ทำให้การทำงานของรังไข่ลดลง เช่นการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะขาดสารอาหาร ความเครียด โรคทาง autoimmune  การใช้ยาต้านซึมเศร้า การอักเสบที่อุ้งเชิงกราน ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ผิดที่

  • เนื้องอกในมดลูกและติ่งเนื้อในโพรงมดลูกพบมากขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น

  • เมื่ออายุมากขึ้นจำนวนไข่ก็จะลดลง มีการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน และ inhibin b มีการเพิ่มขึ้นของ fsh

ฮอร์โมนที่ทดสอบเกี่ยวกับการทำงานของรังไข่

  1. ฮอร์โมน  fsh ( follicle stimulating hormone ) ถ้าระดับฮอร์โมนสูง แสดงว่ารังไข่ทำงานได้ไม่ดี ถ้าระดับ FSH

     
  2. ระดับ estradiol ระดับ ค่าที่น้อยกว่า 80 pg/mL. ในช่วงวันที่ 3 ของประจำเดือนจะเป็นผลดี

     
  3. Anti-mullerian hormone (AMH) anti-Mullerian hormone (AMH) เป็นglycoprotein dimer ผลิตโดย granulosa cells ของไข่ ถ้าค่าเกิน 1 ก็จะดี ถ้าค่าต่ำกว่า 1 ng/ml จะมีการลดลงของการทำงานของรังไข่ ค่าต่ำคือ < 0.2–0.7 ng/mL คือรังไข่จะตอบสนองต่อการกระตุ้นไข่ได้น้อยลง ถ้าค่า AMH สูง > 6.7 ng/mL จะสัมพันธ์กับภาวะถุงน้ำรังไข่มาก

ไข่ของผู้หญิง, ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก, ท้องตอนอายุเยอะ, ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี, ท้องตอนอายุ 35 ปี, ท้องตอนแก่, ไข่ของผู้หญิงมีจำนวนจำกัด, ไข่ รังไข่ แก่, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตรยาก,  อยากมีลูก, แม่ท้องต้องรู้

อาการแสดงถึงรังไข่เริ่มจะเสื่อม

  1. ประจำเดือนเริ่มไม่สม่ำเสมอจากการลดลงของจำนวนไข่

  2. มีการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมน fsh fsh เป็นฮอร์โมนที่ทำนายเรื่องรังไข่เสื่อม มีการลดลงของ estradiol และ inhibin

  3. เมื่ออายุมากขึ้นจะมีการลดลงของ AMH จำนวนไข่ก็จะลดลง

  4. Inhibin b ผลิตมาจากรังไข่ จะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น
  

ปัจจัยที่มีผลกับการทำงานของรังไข่

  1. ปัจจัยด้านพันธุกรรม มีการเปลี่ยนแปลงของยีนบางตัวในหญิงที่หมดประจำเดือนก่อนวัย

  2. ความผิดปกติของโครโมโซมมากขึ้นเมื่อมารดาอายุมากขึ้น (aneuploidy) ความผิดปกติของจำนวนโครโมโซม (Chromosome abnormality) ความเสี่ยงของการเกิดจำนวนโครโมโซมผิดปกติ (aneuploidy) เพิ่มขึ้นตามอายุของสตรีตั้งครรภ์ที่เพิ่มขึ้น

    ความผิดปกติที่พบบ่อยที่สุดคือ autosomal trisomy สาเหตุเกิดจากการที่เซลล์ไข่แบ่งตัวค้างอยู่ในระยะ metaphase I ขณะอยู่ในครรภ์ ซึ่งในระยะดังกล่าว โครโมโซมจะถูกเรียงอยู่ตรงกลางเซลล์ และเมื่อมีการตกไข่ จะเกิดการแบ่งตัวต่อ โดยมีการแยกขาของโครโมโซมออกจากกันอายุที่เพิ่มขึ้น เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดการแบ่งตัวของเซลล์ที่ผิดปกติ แบบที่เรียกว่า non-disjunction นั่นคือ ขาของโครโมโซมไม่แยกกัน ทำให้เซลล์ที่แบ่งตัวเสร็จสิ้น มีจำนวนโครโมโซมที่ผิดปกติ นอกจากนั้น ยังอาจเกิดจากการสะสมสารอนุมูลอิสระ การลดลงของจำนวนเซลล์ไข่ที่มีคุณภาพ และการสั้นลงของเทโลเมียร์ (telomere) ของเซลล์ไข่ด้วย

  3. ดีเอนเอ มีการแตกทำลายและมีความเสียหายมากขึ้น อายุมากขึ้นพบกับสารอนุมูลอิสระมากขึ้น มีบุตรยากขึ้น

  4. โรคออโต้อิมมูน โรค sle โรค thyroid

ไข่ของผู้หญิง, ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก, ท้องตอนอายุเยอะ, ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี, ท้องตอนอายุ 35 ปี, ท้องตอนแก่, ไข่ของผู้หญิงมีจำนวนจำกัด, ไข่ รังไข่ แก่, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตรยาก,  อยากมีลูก, แม่ท้องต้องรู้

ผลต่อคุณแม่ในการตั้งครรภ์เมื่ออายุมากขึ้น

  1. ความผิดปกติของรก (Placental problems)

  2. ความชุกของโรคเบาหวานเพิ่มขึ้นตามอายุของคุณแม่ตั้งครรภ์ อัตราการเกิดโรคเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ (overt DM) และเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational DM) เพิ่มขึ้น 3-6 เท่าในคุณแม่อายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่อเทียบกับคุณแม่อายุน้อย ซึ่งการมีโรคเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ จะสัมพันธ์กับการเกิดความผิดปกติทางกายภาพของทารกในครรภ์ อัตราการทุพลภาพและอัตราตายปริกำเนิดเพิ่มขึ้น

  3. แม่ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มีภาวะความดันโลหิตสูงก่อนการตั้งครรภ์ สูงกว่าผู้หญิงอายุ 30-34 ปี 2-4 เท่า และอัตราการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ เพิ่มขึ้น 2-3 เท่าในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อายุมากกว่า 40 ปี และเพิ่มขึ้น 10 เท่าในคุณแม่ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 50 ปี

  4. ภาวะทุพพลภาพของคุณแม่และภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรม โรคทางอายุรกรรมที่เป็นภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญในการตั้งครรภ์ ที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน ซึ่งมีความชุกสูงขึ้นในผู้หญิงอายุมาก โดยเฉพาะในคนที่มีน้ำหนักตัวมากและสูบบุหรี่
    1. ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental abruption) มีความชุกเพิ่มขึ้นในคุณแม่อายุมากและเคยตั้งครรภ์หลายครั้ง
    2. ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta previa) ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในคุณแม่ตั้งครรภ์อายุมาก แต่ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

  5. การคลอดและการผ่าตัดคลอด (Labor & cesarean section) คุณแม่ตั้งครรภ์อายุมากมีแนวโน้มที่จะเกิดภาวะคลอดติดขัด (labor dystocia) ซึ่งเกิดจากภาวะมดลูกหดรัดตัวผิดปกติ (uterine dysfunction) ทำให้คุณแม่กลุ่มนี้มักลงเอยด้วยการผ่าตัดคลอด สาเหตุของการผ่าตัดคลอด ได้แก่ การมีภาวะแทรกซ้อนทางอายุรกรรมของสตรีอายุมาก การชักนำการคลอดไม่สำเร็จ ทารกไม่อยู่ในท่าหัว ความต้องการของมารดา และการตัดสินใจของแพทย์ผู้รักษา

  6. Perinatal morbidity สตรีตั้งครรภ์อายุมาก มีความเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนด และทารกน้ำหนักน้อยเพิ่มขึ้น

  7. Fetal death สตรีตั้งครรภ์อายุมาก เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดทารกเสียชีวิตในครรภ์อย่างมีนัยสำคัญ สตรีตั้งครรภ์อายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป เพิ่ม ความเสี่ยงของการเกิดภาวะทารกเสียชีวิตในครรภ์มากกว่าสตรีตั้งครรภ์อายุน้อยร้อยละ 65 โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ

  8. Neonatal death แม้สตรีตั้งครรภ์อายุมากจะมีความเสี่ยงของการเกิดทารกเสียชีวิตในครรภ์ แต่อัตราการเสียชีวิตของทารกแรกคลอดนั้นต่ำลงแปรผกผันกับอายุมารดาที่เพิ่มขึ้น โดยจากการเก็บข้อมูลในหน่วยดูแลผู้ป่วยหนักทารกแรกเกิดหลายการศึกษา พบว่า อัตราการเสียชีวิตของทารกแรกคลอดลดลงเมื่ออายุมารดาเพิ่มขึ้น

  9. Maternal mortality สตรีตั้งครรภ์อายุมากมีความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากการตั้งครรภ์สูงขึ้น ในประเทศกำลังพัฒนาจะมีความเสี่ยงสูงกว่า เนื่องจากมีอัตราการเสียชีวิตของสตรีตั้งครรภ์สูงอยู่แล้ว โดยสาเหตุหลักเกิดจากการเข้าถึงการดูแลรักษาระหว่างตั้งครรภ์และระหว่างคลอดไม่เพียงพอ การที่สตรีตั้งครรภ์มีอายุมากและตั้งครรภ์หลายครั้งเป็นปัจจัยเสี่ยงร่วมที่สำคัญ
 

 ไข่ของผู้หญิง, ตั้งครรภ์ตอนอายุมาก, ท้องตอนอายุเยอะ, ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปี, ท้องตอนอายุ 35 ปี, ท้องตอนแก่, ไข่ของผู้หญิงมีจำนวนจำกัด, ไข่ รังไข่ แก่, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตรยาก,  อยากมีลูก, แม่ท้องต้องรู้

แนวทางการดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์อายุมาก

การดูแลขณะตั้งครรภ์ไตรมาส 1 และ 2
  1. คุณแม่ตั้งครรภ์ควรรับทราบความเสี่ยงของการเกิดทารกมีความผิดปกติของโครโมโซม (aneuploidy) ซึ่งความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับคำแนะนำในการค้นหาความผิดปกติดังกล่าว ซึ่งมี 2 วิธี
    • Invasive methods ได้แก่การเจาะน้ำคร่ำหรือการเจาะชิ้นเนื้อรก ซึ่งเป็นการวินิจฉัย

    • Non-invasive methods ได้แก่การเจาะเลือดมารดาเพื่อตรวจหาระดับฮอร์โมน หรือการตรวจหาเซลล์ จากทารก (Cell-free fetal DNA) ร่วมกับการอัลตราซาวด์ดูอวัยวะสำคัญในร่างกายของทารกอย่างละเอียด ซึ่งวิธีนี้เป็นการตรวจคัดกรอง หากพบความผิดปกติ จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยต่อไป

  2. ในคุณแม่ตั้งครรภ์อายุมาก แนะนำให้ทำ Non-invasive prenatal testing โดยใช้วิธีการเจาะเลือดมารดาเพื่อตรวจหาเซลล์ทารก (Cell-free fetal DNA) เนื่องจากมีความไวสูงและมีผลบวกลวงต่ำเมื่อเทียบกับวิธีอื่น และมีความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์

  3. คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับการตรวจอัลตร้าซาวด์อย่างละเอียดในช่วงไตรมาส 2 เพื่อค้นหาความผิดปกติของอวัยวะสำคัญของทารก โดยเฉพาะหัวใจ

  4. คุณแม่ตั้งครรภ์อายุมาก โดยเฉพาะในรายที่มีน้ำหนักเกิน ควรได้รับการตรวจคัดกรองหาภาวะเบาหวาน(ก่อนการตั้งครรภ์หรือเบาหวานขณะตั้งครรภ์) ตั้งแต่ครั้งแรกที่มาฝากครรภ์ ควรให้ความรู้ในการปฏิบัติตัว และเฝ้าระวังการเกิดภาวะเบาหวานและความดันโลหิตสูงตลอดการตั้งครรภ์

การดูแลขณะตั้งครรภ์ไตรมาส 3

การประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับการอัลตราซาวด์ในช่วงอายุครรภ์ 38-39 สัปดาห์เพื่อประเมินปริมาณน้ำคร่ำ และควรทำ antepartum testing สัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยทำสลับกันระหว่าง nonstress test และ biophysical profile (BPP) ร่วมกับการนับลูกดิ้น เน้นความสำคัญของการนับลูกดิ้นว่าเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ 

บทความโดย: แพทย์หญิง วรประภา ลาภิกานนท์ สูตินรีแพทย์

อยากมีลูกแฝด วิธีทำลูกแฝดต้องทำยังไง เคล็ดลับท้องแฝดครั้งเดียวคุ้ม

อยากมีลูกแฝด เราก็มีวิธีทำลูกแฝดมาบอกค่ะ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าครรภ์แฝดคือครรภ์ผิดปกติ ดังนั้นจะท้องแฝดยังไงให้ปลอดภัย เรามีคำแนะนำค่ะ

อยากมีลูกแฝด เราก็มีวิธีทำลูกแฝดมาบอกค่ะ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าครรภ์แฝดคือครรภ์ผิดปกติ ดังนั้นจะท้องแฝดยังไงให้ปลอดภัย เรามีคำแนะนำค่ะ

อยากมีลูกแฝด วิธีทำลูกแฝดต้องทำยังไง เคล็ดลับท้องแฝดครั้งเดียวคุ้ม

ความน่ารักของเด็กแฝดอาจทำให้หลายคนเริ่มอยากมีลูกแฝดกันแล้ว เพราะนอกจากความน่ารักน่าชังแบบยกกำลังสองของลูกแฝดแล้ว ยังรวมถึงการแต่งตัวน่ารัก อ้อนทั้งพ่อแม่ในเวลาเดียวกัน และ ไหน ๆ จะมีลูกทั้งที มีทีเดียว 2 คนให้คุ้มเลยดีกว่า แต่การตั้งครรภ์แฝดมีโอกาสเกิดได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าอยากมีลูกแฝดจริง ๆ จะต้องทำวิธีไหนให้มีลูกแฝดสมใจ 

ลูกแฝดเกิดจากอะไรได้บ้าง

  1. ลูกแฝดจากกรรมพันธุ์ตามธรรมชาติ ซึ่งสายตระกูลฝั่งพ่อหรือแม่มีแฝดมาก่อน ก็มีโอกาสที่ตั้งครรภ์แฝดได้มากขึ้น

  2. อายุของแม่และจำนวนครั้งของการตั้งครรภ์ เพราะยิ่งอายุและจำนวนครั้งของการตั้งครรภ์มากเท่าไร ไข่จะมีโอกาสตกเยอะขึ้น โอกาสตั้งครรภ์แฝดก็มากขึ้นตาม

  3. การทำเด็กหลอดแก้วที่ทำให้เพาะตัวอ่อนได้มากกว่า 1 ใบ จึงมีโอกาสตั้งครรภ์แฝด

*ปัจจุบันยังไงไม่มีผลการศึกษาหรืองานวิจัยชิ้นใดระบุชัดเจนว่า เชื้อชาติ พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือการกินอาหารมีผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์แฝด

ข้อควรระวังระหว่างตั้งครรภ์แฝด

  1. การตั้งครรภ์แฝด หากคุณแม่ร่างกายไม่แข็งแรง ไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกต้องและใกล้ชิด มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนสูงกว่าการตั้งครรภ์เดี่ยว เช่น แพ้ท้องรุนแรงและยาวนานกว่าปกติ ความดันโลหิตสูง โลหิตจาง เบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ภาวะตกเลือด หรือเสี่ยงต่อการแท้งลูกได้

  2. หากคุณแม่ตั้งครรภ์ลูกแฝด ควรปฏิบัติตัวภายใต้คำแนะนำของแพทย์อย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องการปรับเปลี่ยนวิธีเคลื่อนไหว อาหาร วิตามิน รวมถึงการพักผ่อน เพื่อสุขภาพครรภ์ที่ดีทั้งแม่และลูกแฝด 

  3. ลูกแฝดมีโอกาสคลอดก่อนกำหนดสูง และมีความเสี่ยงในขณะคลอด เช่น คุณแม่ตกเลือกขณะคลอด ทารกแฝดตัวเล็กปอดยังทำงานได้ไม่เต็มที่หรือมีภาวะเสี่ยงติดเชื้อ เป็นต้น แต่หากคลอดโดยผู้เชี่ยวชาญ และ ได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง การคลอดลูกแฝดก็จะปลอดภัย

 

อยากมีลูกแฝด เราก็มีวิธีทำลูกแฝดมาบอกค่ะ แต่ต้องเข้าใจก่อนว่าครรภ์แฝดคือครรภ์ผิดปกติ ดังนั้นจะท้องแฝดยังไงให้ปลอดภัย เรามีคำแนะนำค่ะ

ความเชื่อเกี่ยวกับการมีลูกแฝด

  1. ท่ามีเพศสัมพันธ์บางท่าทำให้มีโอกาสมีลูกแฝด - ไม่จริง เพราะการตั้งครรภ์แฝดเกิดโดยความบังเอิญตามธรรมชาติ กรรมพันธุ์ที่มีโอกาสตั้งครรภ์แฝดสูง และ การทำเด็กหลอดแก้ว

  2. เมื่อมีลูกแฝดต้องจับแต่งงานกันแก้เคล็ด - ข้อนี้เป็นความเชื่อท้องถิ่นส่วนบุคคล โดยมีความเชื่อว่าการให้ลูกแฝดแต่งงานกัน จะช่วยส่งเสริมชีวิตให้ดี ปัดเป่าภัยร้าย

  3. ลูกแฝดมักมีจิตสื่อถึงกันได้ - ข้อนี้ยังไม่มีผลงานวิจัยและการยืนยันทางวิทยาศาสตร์ที่แน่ชัด แต่คู่แฝดคู่ก็สามารถเข้าใจกันได้โดยไม่ต้องพูด (มองตาก็รู้ใจ) รู้สึกถึงกันได้ ซึ่งน่าจะเกิดจากความผูกพัน สายสัมพันธ์ตั้งแต่ในครรภ์ และการเลี้ยงดูมาด้วยกัน ฝาแฝดจึงเรียนรู้และสื่อสารระหว่างกันอย่างใกล้ชิด

  4. ลูกแฝดมี DNA เหมือนกัน - ไม่จริง แม้ว่าแฝดจะเกิดจากไข่ใบเดียวกันแล้วแยกตัว(แฝดแท้) ก็ยังมีรหัส DNA และ ลายนิ้วมือจะต่างกัน ซึ่งแม้จะคล้ายกันมากเพราะความเป็นพี่น้อง แต่จะมีความแตกต่างและสามารถแยกบุคคลได้ในแง่การตรวจสอบทางการแพทย์และวิทยาศาสตร์ 

 

อิ๊กซี่ วิธีผสมเทียมมีลูกสำหรับคนมีลูกยาก เป็นหมันก็มีลูกได้

การทำอิ๊กซี่, อิ๊กซี่ คืออะไร, ICSI, Intracytoplasmic Sperm Injection, เป็นหมัน, มีลูกยาก, ภาวะมีบุตรยาก, ผสมเทียมมีลูก, เด็กหลอดแก้ว, เป็นหมันมีลูกได้ไหม, เป็นหมัน อยากมีลูก, รักษาหมันยังไง, รักลูก Community of The Experts, อยากมีลูก, แม่ท้องต้องรู้

เป็นหมันก็ยังสามารถตั้งครรภ์มีลูกได้ด้วยกระบวนการทำอิ๊กซี่ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ขั้นตอนการทำอิ๊กซี่มีอะไรบ้าง คุณหมอมีคำแนะนำค่ะ

อิ๊กซี่ วิธีผสมเทียมมีลูกสำหรับคนมีลูกยาก เป็นหมันก็มีลูกได้

มีใครบ้างคะที่อยากมีลูก แต่หลังจากการตรวจสุขภาพพบว่า "เป็นหมัน" แต่อย่าเพิ่งท้อนะคะ เพราะถึงจะเป็นหมันก็ยังสามารถตั้งครรภ์ได้ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า การทำอิ๊กซี่ ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) 

การที่ฝ่ายหญิงเป็นหมัน

จากการที่มีพังผืดที่ท่อนำไข่ เช่น จากการผ่าตัด มดลูก รังไข่ และภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่ผิดที่ ผ่าตัดท้องนอกมดลูก  ถ้าฝ่ายหญิงเป็นหมัน จากท่อนำไข่ตัน ก็สามารถมีลูกได้ โดยการต่อหมันหรือใช้วิธีการทำเด็กหลอดแก้ว โดยใส่ตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูก

กรณีฝ่ายชายเป็นหมัน

คือไม่มีตัวอสุจิออกมาในน้ำเชื้อที่หลั่งออกมาเลย เช่น จากฮอร์โมนผิดปกติ จากการได้รับเคมีบำบัด การติดเชื้อที่ระบบสืบพันธ์  เป็นมะเร็ง การได้รับการฉายแสง มีการอุดตันที่ท่อนำอสุจิ ได้รับการผ่าตัดหรือทำหมันชาย หรือไม่มีท่ออสุจิตั้งแต่กำเนิดไ หรือมีปัญหาของการหลั่ง หรือตัวอสุจิที่หลั่งออกมาตายหมด หรือมีการอักเสบของอัณฑะเนื่องจากเชื้อไวรัสคางทูม

ฝ่ายชายเป็นหมันแต่ยังสามารถมีบุตรได้

โดยกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว แต่ในปัจจุบัน สามารถช่วยให้ฝ่ายชายที่ประสบปัญหาเหล่านี้  สามารถมีบุตรของตนเองได้ โดยการใช้เข็มเจาะดูดเอาอสุจิจากท่อนำอสุจิส่วนต้น หรือโดยการตัดชิ้นเนื้อที่อัณฑะเพียงเล็กน้อยมาบดหาตัวอสุจิ (TESE) ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามักจะยังมีการสร้างตัวอสุจิอยู่

กระบวนการนำอสุจิมาทำอิ๊กซี่ มีดังนี้

  1. วิธีการ PESA ( percutaneous epididymal sperm aspiration) คือการใช้เข็ม แทงผ่านผิวหนังบริเวณอัณฑะเข้าไปในท่อพักน้ำเชื้อ แล้วดูดตัวอสุจิ 

  2. มีซ่า (MESA =microsurgical epididymal sperm aspiration) คือ การผ่าตัดเข้าไปหาท่อพักน้ำเชื้อส่วน epididymis แล้วจึงใช้เข็มแทงเข้าไป และดูดตัวอสุจิออกมา

  3. ทีซ่า (TESA =testicular sperm aspiration) คือ การใช้เข็มแทงผ่านผิวหนังบริเวณอัณฑะเข้าไปในลูกอัณฑะ แล้วดูดตัวอสุจิออกมา

  4. ทีซี่ (TESE = Testicular epididymal sperm extraction) คือ การผ่าตัดเอาเนื้ออัณฑะออกบางส่วน แล้วแยกตัวอสุจิที่ค้างอยู่ในเนื้ออัณฑะออกมา จากนั้นนำอสุจิที่พบมาทำวิธีอิ๊กซี่ได้
     

ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) การทำอิกซี่ เป็นการคัดไข่ 1 ใบ และอสุจิ 1 ตัว ที่แข็งแรงและสมบูรณ์มาผสมกัน ด้วยวิธีใช้เข็มฉีดอสุจิเข้าไปที่ไข่โดยตรง เป็นการให้ปฏิสนธิกันภายนอก จากนั้นจึงนำไข่ที่ผสมกันเรียบร้อยแล้วกลับไปที่โพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ตามปกติ

บทความโดย : แพทย์หญิง วรประภา ลาภิกานนท์ สูตินรีแพทย์

 

เคล็ดลับเตรียมตัวเพื่อให้มีลูกง่ายที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต้องทำ

อยากมีลูก, อยากท้อง ทำยังไง, วิธีมีลูกง่าย, อยากตั้งครรภ์, อยากมีลูกต้องทำยังไง, อาหาร ช่วยให้ท้อง, กินอะไร ทำให้ท้องง่าย, เตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์

อยากมีลูก ไม่ใช่แค่คุณผู้หญิงต้องเตรียมตัวบำรุงนะคะ แต่คุณผู้ชายเองก็ต้องเตรียมตัวด้วย เพื่อที่ลูกจะได้เกิดมาสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด และนี่คือสิ่งที่คนอยากมีลูกต้องทำค่ะ

เคล็ดลับเตรียมตัวเพื่อให้มีลูกง่ายที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต้องทำ

อยากมีลูก ไม่ใช่แค่คุณผู้หญิงต้องเตรียมตัวนะคะ แต่คุณผู้ชายเองก็ทำด้วยเหมือนกัน เพื่อที่ลูกจะได้เกิดมาสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด และสำหรับคนมีลูกยากจะได้มีลูกง่ายขึ้น ก็ต้องพร้อมทั้งทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ตามที่คุณหมอแนะนำดังนี้เลยค่ะฃ

การเตรียมตัวให้มีลูกง่ายของคุณแม่

  1. ตรวจสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันทุกโรงพยาบาลจะมีโปรแกรมตัวสุขภาพสำหรับคนที่เตรียมตัวมีบุตรไว้บริการให้อยู่แล้ว เป็นการตรวจความพร้อมทางสภาพร่างกายของคุณแม่และคุณพ่อว่าพร้อมต่อการมีลูกแค่ไหน เพราะโรคบางโรคสามารถส่งต่อทางพันธุกรรมไปถึงบุตรได้ 

  2. ยาที่ควรหยุดและวัคซีนที่จำเป็นก่อนการตั้งครรภ์ เมื่อเตรียมพร้อมที่จะตั้งครรภ์แล้ว ให้ดูว่ายากำลังทานอยู่มียาที่ควรจะหยุด เช่น ยารักษาสิว roaccutane เนื่องจากผลของยาจะทำให้เด็กพิการ ถ้าต้องการฉีดวัคซีน เช่น หัดเยอรมัน ควรฉีดให้เรียบร้อยก่อนที่จะปล่อยให้ตั้งครรภ์ ควรจะฉีดล่วงหน้า 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์เนื่องจากมีผลกับเด็ก

  3. ก่อนท้องควรทานกรดโฟลิกวันละประมาณ 400 มิลลิกรัม ทานประมาณ 3 เดือน จะช่วยให้โอกาสการเกิดความผิดปกติในเรื่องระบบประสาทของเด็กจะน้อยลง

  4. ทานอาหารที่มีประโยชน์ ผัก ผลไม้ โปรตีน เนื้อปลา ธัญพืชต่างๆ ดื่มน้ำวันละหลายๆ แก้ว ทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก

  5. งดสูบบุหรี่ เพราะจะทำให้กระบวนการตกไข่ผิดปกติ ฮอร์โมนเอสโตรเจนจะต่ำกว่าหญิงที่ไม่สูบบุหรี่ ทำให้การปฏิสนธิลดลง

  6. งดดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน เสี่ยงกับการแท้งมากขึ้นถ้าดื่มในขณะตั้งครรภ์ทำให้ทารกพิการและโตช้าในครรภ์

  7. การควบคุมน้ำหนักตัว ก่อนตั้งครรภ์ถ้าน้ำหนักน้อยไป ทารกจะตัวเล็ก ถ้าน้ำหนักมาเกินไปจะเสี่ยงต่อเป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์

  8. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ครั้งละ 20 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์ พักผ่อน ทำใจให้สบาย ลดความเครียดส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเพศและการเปลี่ยนแปลงของรอบเดือน

 การเตรียมตัวให้มีลูกง่ายสำหรับคุณพ่อ

  1. ควรไปตรวจร่างกายพร้อมกับคุณแม่ เพื่อดูว่าเชื้อแข็งแรงดีหรือไม่ ท่ออสุจิตัน หรือไม่บางคนคิดว่าตัวเองแข็งแรง พอมาตรวจน้ำเชื้อ เป็นหมันก็มี ไม่มีเชื้อเลย

  2. ต้องงดบุหรี่ เพราะทำให้เชื้ออสุจิมีน้อยและไม่แข็งแรง รวมทั้งงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสารเสพติดต่างๆ พัก

  3. ลดความเครียด เพราะจะมีผลกระทบกับคุณภาพน้ำเชื้อ การหลั่งเร็ว อวัยวะเพศไม่แข็งตัว

  4. ทานวิตามิน
    1. สังกะสี โอเมก้า3 ปลาแซลมอน, ไข่, วอลนัท ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย ปริมาณอสุจิ
    2. วิตามินซีตระกูลส้ม, เบอร์รี่, มะเขือเทศ ให้คุณภาพน้ำเชื้อดีขึ้น
    3. ทานวิตามิน เอ จำพวก แครอท พริกไทย ผลแอปริคอตทำให้อสุจิไม่วิ่งช้า
    4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวเยอะเพราะทำให้ลดจำนวนอสุจิลง
    5. หลีกเลี่ยงปลาไทล์ฟิช  ปลาทูน่า ปลาฉนาก ปลาฉลาม ปลาอินทรีย์ ปลาเหล่านี้มีสารปรอทในเนื้อปลาปริมาณสูง


บทความโดย: แพทย์หญิง วรประภา ลาภิกานนท์ สูตินรีแพทย์

  • 1
  • 2