สาธารณสุขเตือนพ่อแม่ เด็กป่วย มือ เท้า ปาก เดือนละ 10,000 ราย
ช่วงหน้าฝนเด็กๆ มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ไข้หวัด ไข้เลือดออก ท้องร่วง ติดเชื้อไวรัส RSV และอีกโรคที่ต้องเฝ้าระวังกันในขณะนี้ก็คือ มือ เท้า ปาก
โดยข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่าตั้งแต่เข้าฤดูฝน (มิ.ย. – ก.ค. 61) มีเด็กป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบเดือนละกว่า 10,000 ราย โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี พ่อแม่ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากมีไข้ และมีจุดหรือผื่นแดงบริเวณลิ้น กระพุ้งแก้ม ฝ่ามือฝ่าเท้า ให้รีบพาไปพบแพทย์ทันที
ซึ่งโรค มือ เท้า ปากนี้จะรักษาตามอาการ คือให้กินยาลดไข้ กินอาหารเหลว ทายารักษาแผลในปาก และส่วนใหญ่อาการจะทุเลาลงและหายป่วยเองภายในเวลา 7-10 วัน แต่ถ้าเด็กมีอาการรุนแรง อาจเกิดการติดเชื้อเข้าสู่สมองและเสียชีวิตได้ค่ะ
ข้อมูลเฝ้าระวังโรคของสำนักระบาดวิทยายังระบุอีกว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-20 สิงหาคม 2561 พบเด็กป่วยแล้ว 41,702 ราย ยังไม่มีผู้เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุ 1-3 ปี และจากข้อมูลตั้งแต่เข้าหน้าฝน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน - กรกฎาคม มีเด็กป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบผู้ป่วยแต่ละเดือนมีเด็กป่วยกว่า 10,000 ราย (10,008 และ 13,802)
ทั้งนี้พ่อแม่ ครู และโรงเรียนต้องช่วยกันดูแลสังเกตอาการเด็กๆ อย่างสม่ำเสมอ ถ้ามีอาการไข้ต่ำ อ่อนเพลีย มีอาการเจ็บปาก มีตุ่มแดงที่ปาก กระพุ้งแก้ม ลิ้น หรือบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ให้หยุดเรียนทันทีและรักษาจนหายดี โดยเฉพาะพ่อแม่ เมื่อพบว่าลูกตนป่วยเป็นโรคมือ เท้า ปาก ควรแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ เพื่อจะได้ค้นหาเด็กที่อาจป่วยเพิ่มเติม
สำหรับเด็กที่ป่วย ถ้าอาการไม่ดีขึ้นหรือมีไข้ขึ้นสูง ซึมลง เดินเซ ชัก เกร็ง หายใจหอบเหนื่อย อาเจียนมาก ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจติดเชื้อสายพันธุ์รุนแรง เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้
สังเกตอาการเด็กป่วย มือ เท้า ปาก
- มีไข้สูง โดยเฉพาะมากกว่า 39 องศาเซลเซียส และนานกว่า 48 ชั่วโมง
- กระสับกระส่าย ร้องกวนตลอดเวลา
- อาเจียนบ่อยๆ รับประทานไม่ได้หรือรับประทานได้น้อยมาก
- มีอาการทางระบบประสาท ได้แก่ ซึม การกรอกตาที่ผิดปกติ กล้ามเนื้อกระตุก ชัก ไม่รู้สึกตัว ปวดศีรษะอย่างรุนแรง แขนขาอ่อนแรง
- ตัวลาย ซีด
- หอบเหนื่อย
การดูแลเด็กโรคมือ เท้า ปาก ที่บ้าน
- แยกเด็กป่วยให้พักอยู่บ้าน/หยุดเรียน หลีกเลี่ยงการพาเด็กป่วยไปสถานที่ชุมชนจนกว่าตุ่มหรือผื่นแห้ง ประมาณ 7-10 วัน
- เช็ดตัวและให้ยาลดไข้ ยาอื่นๆ ตามที่แพทย์แนะนำ
- ให้อาหารอ่อน ย่อยง่าย รสไม่จัด และสามารถรับประทานของเย็นได้ แยกภาชนะในการดื่มน้ำและการรับประทานอาหาร
- ใช้ผ้า/ทิชชู่ ปิดปาก ปิดจมูกขณะไอ จาม ระมัดระวังในการทิ้งทิชชู่ รวมทั้งผ้าอ้อมสำเร็จรูปในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด
- ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังสัมผัสผู้ป่วย และควรล้างมือบ่อยๆ ทำความสะอาดของเล่นที่อาจเอาเข้าปากหรือสัมผัสสารคัดหลั่งด้วยสบู่หรือผงซักฟอก แล้วนำไปผึ่งให้แห้ง
- มาตรวจตามที่แพทย์นัด หากมีอาการแย่ลง ควรรีบกลับมาพบแพทย์ก่อนเวลานัดหมาย
ที่มา:
กรมควบคุมโรค,
โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์