ฝุ่น PM 2.5 ทำแม่ท้องเสี่ยงแท้ง ลูกไม่โต และอายุสั้น
ฝุ่น PM 2.5 ควรเป็นปัญหาระดับชาติได้แล้ว เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเมืองใหญ่ๆ เจ้าฝุ่นพิษนี้ยังอันตรายต่อสุขภาพของแม่ท้องและทารกในครรภ์ด้วยค่ะ
สารเคมีอันตรายที่แฝงอยู่ใน PM 2.5
- P-A-Hs สารพิษชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดมะเร็ง เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของท่อไอเสียรถยนต์ โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ การเผาในที่โล่งแจ้ง ไปจนถึงควันบุหรี่
- ปรอท เกิดจากการเผาไหม้ของน้ำมันและถ่านหิน ระเหยเป็นไอ เป็นสารตกค้างยาวนานและฟุ้งกระจายได้ไกล จะเข้าไปทำลายระบบประสาท เป็นอัมพาต มะเร็ง ไปจนถึงความผิดปกติทางพันธุกรรม
- สารหนู เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรม การทำเหมืองแร่ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และยาฆ่าแมลง ส่งผลให้เกิดโรคผิวหนัง มึนชา อยากอาเจียน และมีผลต่อระบบประสาท
- แคดเมียม เป็นโลหะหนักที่เกิดจากการทำอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น เหมืองแร่สังกะสี ทองแดง ตะกั่ว จะเข้าไปทำลายส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งผิวหนัง ปอด ทางเดินอาหาร และกระดูก
ซึ่งสารพิษเหล่านี้เป็นอันตรายต่อคนท้องและส่งผลต่อการทำลายสมองของทารกในครรภ์ หากแม่ท้องสูดอากาศที่มี PM 2.5 เข้าไปจะส่งผลให้ระดับสารพิษในสายสะดือโดยเฉพาะสารตะกั่วมีค่าเท่ากับระดับสารตะกั่วในเลือดของแม่ กล่าวคือสารตะกั่วจะเข้าไปทำลายสมอง ระบบประสาท และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายเด็กทารก เช่น ตับ ไต หัวใจ ระบบทางเดินอาหาร ส่งผลให้ทารกในครรภ์พิการทางสมอง ตาบอด หูหนวก หยุดยั้งการเจริญเติบโต หรือแท้งได้ในที่สุด
ข้อมูลจาก BBC ระบุ หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน ได้อ้างงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ในสหรัฐอเมริการายงานว่า มลพิษทางอากาศทำให้ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์เสี่ยงแท้งลูกพอๆ กับการสูบบุหรี่ และมลพิษทางอากาศเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดก่อนกำหนดและทำให้เด็กแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
และยังมีผลวิจัยอีกชิ้นหนึ่งระบุว่ามีการพบอนุภาคของมลพิษทางอากาศที่รกในครรภ์ด้วย โดยเฉพาะไนโตรเจนไดออกไซด์เกิดจากการเผาผลาญเชื้อเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ยังเพิ่มความเสี่ยงของการแท้งลูกอีกด้วย
นอกจากนี้ ข้อมูลจากเพจ Drama-addict ยังระบุว่ามีงานวิจัยหลายตัว ที่ทดลองในสัตว์ทดลอง และศึกษาในมนุษย์เกี่ยวกับผลกระทบของ PM 2.5 ต่อลูกในท้อง ในสัตว์ทดลอง พบว่า เมื่อแม่หนูสัมผัส PM 2.5 ในระดับหนึ่ง จะมีผลกระทบต่อการพัฒนาสมองของลูกหนูอย่างชัดเจน
ส่วนในคนพบว่าแม่ที่มีประวัติสัมผัส PM 2.5 มีโอกาสเสี่ยงที่ลูกในท้อง จะโตช้า น้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ หรืออาจคลอดก่อนกำหนด นอกจากนี้ยังพบว่าเด็กที่แม่สัมผัส PM 2.5 มีแนวโน้มที่จะอายุไขสั้นกว่าที่ควรจะเป็น
เนื่องจากในร่างกายเด็กจะมียีนเทโลเมียร์ สั้นกว่าคนปรกติ เทโลเมียร์ คือส่วนประกอบของโครโมโซมในเซลล์ ถ้าร่างกายเราแบ่งเซลล์มากขึ้นเท่าไหร่ เทโลเมียร์ จะสั้นลงเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่ง ที่เทโลเมียร์สั้นสุดๆ ไปต่อไม่ได้ เซลล์ตัวนั้นก็จะสิ้นสุดอายุขัย
เมื่อเด็กมีเทโลเมียร์ส์ที่สั้นกว่าเด็กปกติทั่วไป เมื่อคลอดออกมาก็มีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยสารพัดโรค เช่น เบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ หรือมะเร็งต่างๆ และยิ่งแม่สัมผัสกับ PM 2.5 มากขึ้นเท่าไหร่ ยีน telomere ของเด็ก ก็จะสั้นมากขึ้นเท่านั้น
ทางที่ดีคุณแม่ท้องไม่ควรออกจากบ้านเลยเด็ดขาด หากมีความจำเป็นจะต้องออกจริงๆ ให้สวมหน้ากาก N95 ด้วยทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตนเองและลูกในท้องค่ะ