ผื่นกุหลาบ ผื่นที่มักพบบ่อยในหน้าฝน อาการอาจไม่รุนแรง แต่ถ้าเด็กเป็นแล้วปล่อยให้เการุนแรงอาจเกิดแผลติดเชื้อได้
ช่วงหน้าฝน อาจทำให้เกิดโรคผิวหนังต่าง ๆ ได้ง่าย เพราะความอับชื้นเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสได้เป็นอย่างดี หนึ่งในโรคผิวหนังที่มักพบบ่อยในหน้าฝนคือ “โรคผื่นกุหลาบ” ส่วนใหญ่ผื่นกุหลาบจะเกิดในคนอายุน้อย โดยเฉพาะช่วงอายุ 10 – 35 ปี พบน้อยในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุ ผื่นกุหลาบมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ผื่นร้อยวัน” เนื่องจากผื่นมักเกิดอยู่นานประมาณ 2 – 12 สัปดาห์ หรือประมาณ 100 วัน สามารถหายได้เอง โดยไม่ทิ้งร่องรอยแผลบนผิวหนัง
โรคผื่นกุหลาบ (Pityriasis Rosea) เป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส สามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน เป็นโรคไม่ติดต่อและมักเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
ผื่นกุหลาบมีลักษณะเฉพาะ คือ รูปร่างกลมหรือรี สีชมพูหรือสีน้ำตาล อาจมีขอบยกเล็กน้อย ขนาดประมาณ 2 – 4 เซนติเมตร บางกรณีอาจมีขนาด เล็กหรือใหญ่กว่านั้นได้ ตรงกลางของผื่นมีขุยขนาดเล็ก มักพบบริเวณลำตัว อาจพบบริเวณคอ แขน หรือขาส่วนบนได้ และอาจมีอาคารคันโดยเฉพาะผู้ที่มีผิวค่อนข้างแห้งจะยิ่งมีอาการคันมากขึ้น บางรายอาจมีอาการนำมาก่อน เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดข้อและปวดเมื่อย
เป็นการรักษาตามอาการ ส่วนที่เป็นผื่นจะใช้ครีมที่ให้ความชุ่มชื้นผิวที่เหมาะสม ร่วมกับยาทาสเตียรอยด์ หรือยารับประทานในกลุ่มยาแก้แพ้ (Antihistamines) เพื่อช่วยลดอาการคัน แต่ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ ขณะที่ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจใช้การฉายแสง UVB ช่วยควบคุมโรคได้
หากสงสัยว่ามีผื่นกุหลาบ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้อง และบรรเทาอาการให้หายเร็วขึ้น หากปล่อยไว้นานอาจเกิดปัญหาตามมา เช่น การเการุนแรง ทำให้มีรอยดำมีแผลติดเชื้อตามมาได้
ขอบคุณข้อมูลจาก
แพทย์หญิงบุณยพัต ลิ้มทองกุล แพทย์ประจำศูนย์ผิวหนัง โรงพยาบาลเวชธานี