facebook  youtube  line

รักลูก The Expert Talk Ep.82 : วิกฤตซ้อนวิกฤต คลี่คลายอย่างไรในช่วงปฐมวัย

 

รักลูก The Expert Talk Ep.82 : วิกฤตซ้อนวิกฤต คลี่คลายอย่างไรในช่วงปฐมวัย

เด็กปฐมวัยทั่วประเทศมีพัฒนาการล่าช้า 25% หลังสถานการณ์โควิดยิ่งทำให้พัฒนาการของเด็กล่าช้า และถดถอยไปมากกว่าเดิม

ความรักความหวังดีจากพ่อแม่ และครูที่ไม่เข้าใจพัฒนาการและปัญหาที่แท้จริง ยิ่งซ้ำเติมปัญหาพัฒนาการของเด็กให้มากยิ่งขึ้น แล้วเราจะทำกันอย่างไร เพื่อฟื้นฟูวิกฤตซ้อนวิกฤตนี้

 

ชวนคุยกับ The Expert ครูหวาน ธิดา พิทักษ์สินสุข นายกสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทยฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กปฐมวัย

 

รู้วิกฤต รู้ปัญหาและเห็นทางออกเพื่อฟื้นฟูพัฒนาการให้เด็ก 

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

รักลูก The Expert Talk Ep.83 : สร้างทุนชีวิต แก้วิกฤตเด็กปฐมวัย

 

รักลูก The Expert Talk Ep.83 : สร้างทุกชีวิต แก้วิกฤตเด็กปฐมวัย

การลงทุนกับเด็กไม่ใช่เรื่องเงินเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของ “เวลาคุณภาพ” และ “ความเข้าใจลูก” และมีอีกหลายเรื่อง ที่พ่อแม่สามารถทำได้ มีอะไรบ้าง

 

ชวนฟัง The Expert ครูหวาน ธิดา พิทักษ์สินสุข นายกสมาคมอนุบาลศึกษาแห่งประเทศไทยฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กปฐมวัย

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

รักลูก The Expert Talk Ep.84 (Rerun) : เป็นพ่อแม่ที่มีอยู่จริงทางออก "Toxic Stress"

 

รักลูก The Expert Talk Ep.84 (Rerun) : เป็นพ่อแม่ที่มีอยู่จริง ทางออก Toxic Stress

คลี่คลายความเครียดเป็นพิษ Toxic Stress ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดทุกด้าน ด้วยการเป็นพ่อแม่ที่มีอยู่จริง จะเป็นได้อย่างไร

 

ฟังวิธีการจาก The Expert ผศ. ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

 

#รักลูกPodcast

#รักลูกTheExpertTalk

#Moms_Issues

รักลูก The Expert Talk EP.92 : ติดจอ ต้นตอทำลูกซึมเศร้า

 

รักลูก The Expert Talk Ep.92 : ติดจอ ต้นตอทำลูกซึมเศร้า

 

ติดจอใสทำลายพัฒนาการมากกว่าที่พ่อแม่คิด ตั้งแต่ออทิสติกและอาการสมาธิสั้นที่น่ากังวล ซ้ำยังส่งผลไปถึงพัฒนาการด้านอารมณ์ ซึ่งหากพ่อแม่ไม่รู้เท่าทัน อาจจะทำให้เป็นโรคซึมเศร้า และนำไปสู่การฆ่าตัวตายในอนาคต

 โดย The Expert ศ.นพ.วีรศักดิ์ ชลไชยะ หัวหน้าสาขาพัฒนาการและการเจริญเติบโต ภาควิชากุมารเวชศาสตร์

"จอใส" กระทบพัฒนาการ

เริ่มจากการวิจัยที่ผมเองก็มีการติดตามเด็กในระยะยาวตั้งแต่เด็กอายุ 6เดือน ติดตามไปเรื่อยๆ จนตอนนี้เด็กที่อยู่ในโครงการอายุ10ขวบแล้ว ผลพบว่าเด็กอายุตั้งแต่6เดือน-18เดือน แนวโน้มถ้าเขาอยู่บริเวณสื่อหน้าจอซึ่งในยุคนั้นเป็นแค่ทีวี พบว่าเด็กจํานวนหนึ่งมีพฤติกรรมไปทางเด็กออทิสติก มากขึ้น แล้วเรื่องของเด็กออทิสติกก็มีข้อมูลงานวิจัยของต่างประเทศพบมากขึ้นว่า ยิ่งให้มากให้เร็วตั้งแต่ตอนเล็กๆ จะทําให้เด็กเนี่ยมีความเสี่ยงไปทางเด็กออทิสติก คืออยู่ในโลกส่วนตัวมากขึ้น ขาดโอกาสในการพัฒนาทักษะด้านสังคมและอารมณ์ ในงานวิจัยนั้นยังพบอีกว่า เด็กที่ดูหรือว่าได้รับสื่อประเภทพวกทีวีค่อนข้างมาก มีโอกาสที่เขาจะมีปัญหาพฤจิกรรมก้าวร้าวเพิ่มขึ้น มีปัญหาทางด้านปฏิกิริยาทางด้านอารมณ์เพิ่มขึ้น หมายความว่าเวลาหงุดหงิดไม่พอใจก็จะวีนเหวี่ยง ใช้อารมณ์

ซึ่งก็สอดคล้องเลยว่าหลังจากช่วงที่โควิดเคสคต่างๆ เริ่มกลับม คุณพ่อคุณแม่ก็จะเล่าว่าจากที่เคยดีมาโดยตลอด แล้วพอเราเริ่มให้ใช้จอก็จะรู้สึกเหมือนว่าหงุดหงิด ไม่พอใจอะไรต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเวลาที่คุณพ่อคุณแม่ขอจอคืน ถึงเวลาต้องไปทํากิจวัตรประจําวันก็ม่ได้ทํา แล้วในงานศึกษายังเจออีกว่าสัมพันธ์กับเรื่องของพฤติกรรม และสมาธิสั้นมากขึ้นด้วย

ต้องเรียนว่าการใช้สื่อจอใสแบบไม่ค่อยเหมาะสม ปัจจุบันมันไม่ใช่แค่ทีวีก็มีสื่ออื่นๆมากมาย มือถือหรือว่าโซเชียลมีเดียต่างๆ ในการศึกษาทั้งในเด็กเริ่มโตขึ้นมาวัยก่อนเรียน วัยอนุบาลหรือว่าในช่วงวัยเรียน รวมถึงวัยรุ่นพบว่ามีความสัมพันธ์กับปัญหาทางด้านอารมณ์เยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอารมณ์ซึมเศร้า วิตกกังวล หรือเด็กบางคนปถึงขั้นมีความคิดหรือความพยายามอยากฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้น หรือมีปัญหาโรคทางด้านจิตเวชต่างๆ เพิ่มขึ้น พบเด็กมีปัญหาเรื่องของการรับประทานอาหารผิดปกติเพิ่มสูงขึ้น เช่น ถ้าเรียกทางการแพทย์เรียกEating Disorder เช่น ทําไมบางคนเรียกเป็นโรคคลั่งผอมเพราะว่าเราก็คือเข้าไปเสพสื่อประเภทนี้ แต่ก็ไม่อยากให้มองว่าสื่อมันไม่ดีอย่างเดียว จริงๆ เราสามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้

เด็กที่เล่นสื่อเยอะๆ ถ้ามองอีกมุมหนึ่งคืออยู่กับความเบื่อไม่เป็น ความเบื่อเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งของเราเหมือนกันหรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่เหมือนกันบางทีเราก็ไม่รู้จะทําอะไร ทุกวันนี้ทุกคนก็เล่นมือถือตลอดเวลา เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราดึงเอาใจไปอยู่ทางอื่นเพราะว่าเราอยู่กับความเบื่อไม่ได้ ซึ่งพออยู่กับความเบื่อไม่ได้เนี่ย ลูกๆก็ไม่รู้จะทํายังไง ซึ่งถ้าจะเป็นสมัยก่อนที่เราไม่มีสื่อเหล่านี้ พอเบื่อเราก็ต้องชวนกันมาเล่น มาคุยกัน ร้องเพลง อ่านหนังสือ แต่เด็กไม่รู้จะทําอะไรดี ก็เลยเข้าไปอยู่กับสื่อหน้าจอมากขึ้น แล้วพอลไม่ได้ดูก็โวยวาย หัวร้อนง่าย

ใช้สื่อกับลูกอย่างไร

  1. Background Media คีย์เวิร์ดสําคัญเลยเด็กถ้าอายุเกินสองปีเล่นได้ แต่ถ้าอายุน้อยกว่าสองปีมีข้อมูลพบว่ากระทบกับพัฒนาการ มีงานวิจัยจากสิงคโปร์รายงานว่าแค่เสียงทีวีที่เปิดทิ้งไว้ สามารถเปลี่ยนคลื่นสมองเด็กได้สัมพันธ์กับการเป็นสมาธิสั้นเพิ่มขึ้น เพราะว่าสื่อต่างๆ เวลาเปิดมันจะเข้าไปเร้าระบบประสาทรับความรู้สึกต่างๆ เพราะสื่อมันมีทั้งภาพและเสียง เมื่อเข้าไปกระตุ้นมากทำให้สมาธิสั้นเพิ่มขึ้นแม้จะไม่ได้ดู และส่วนใหญ่เป็นรายการสําหรับผู้ใหญ่ ซึ่งที่เราศึกษาวิจัยก็พบว่ามีผลต่อพัฒนาการด้านสติปัญญาของเด็ก ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านที่เปิดBackground Mediaน้อย สติปัญญาของเด็กที่เปิดน้อยกว่ามีแนวโน้มสติปัญญาดีกว่าและพัฒนาการดีเกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านภาษา ด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก

  2. เลือกโปรแกรมที่เหมาะสมตามวัยและต้องลองเข้าไปดูเนื้อหาก่อน ปัจจุบันมีเว็บไซต์ต่างประเทศที่สามารถเข้าไปเช็กได้ที่ www.commonsense.org/education (Common Sense Media) นอกจากนี้ต้องกําหนดกฎกติกา ถ้าจะให้ลูกใช้หน้าจอก็ต้องหลังจากที่เขารับผิดชอบงานที่ควรจะทำก่อน เช่น กิจวัตรประจําวันเสร็จแล้ว การบ้านเสร็จ รับผิดชอบงานบ้านแล้ว นอกจากเรื่องกฎกติกาแล้ว เด็กต้องเรียนรู้ผลที่ตามมาว่าถ้าไม่ทําตามกฎกติกาจะเกิดอะไรขึ้นบ้างด้วย

  3. ทำข้อตกลงก่อนให้ลูกใช้งาน บ้านที่กำลังจะซื้อจอให้ลูก ต้องมีการทําสัญญากับลูกตั้งแต่เริ่มแรกเลย เช่น มือถือเครื่องนี้เป็นมือถือของแม่ซื้อมาให้ลูก ลูกจะสามารถเล่นได้ตอนไหนบ้าง ถ้าลูกไม่สามารถทําตามกฎอันนี้ได้มือถือเครื่องนี้แม่สามารถริบคืนได้ พ่อแม่มีสิทธิ์เด็ดขาดและให้ลูกเซ็นชื่อกํากับด้วย ซึ่งเด็กบางคนก็ยอมเซ็นไปก่อน แต่ต้องอย่าลืมที่จะบอกถึงผลที่ตามมาและต้องทำตามข้อตกลงร่วมกัน หรือบอกถึงผลกระทบถ้าใช้งานนานเกินไป เช่น หาวบ่อย ปวดต้นคอ ปวดมือ

  4. ดูไปพร้อมกับลูก อยากให้คุณพ่อคุณแม่มีโอกาสเข้าไปดูสื่อกับลูกด้วย เพราะเดี๋ยวนี้จะมี pop up ขึ้นมาระหว่างที่ลูกดูคลิปต่างๆ ซึ่งมันจะทำให้เข้าสู่คอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสมกับวัย อีกเรื่องหนึ่งกฎกติกาที่ว่า หมอคิดว่าเราอาจจะต้องมองกันที่สถานที่ภายในบ้านด้วยว่าตรงที่ไหนที่เราไม่ควรจะใช้สื่อหน้าจอ รวมไปถึงเวลาช่วงไหนที่เราไม่ควรจะใช้ เช่น ห้ามใช้บนโต๊ะอาหาร ซึ่งพ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างด้วย และในห้องนอนก็ไม่ควรจะใช้สื่อหน้าจอ

นอกจากนี้หน้าจอจะมีแสงสีน้ำเงินออกมาที่เรียกว่า Bluelight ซึ่งแสงเหล่านี้จะไปรบกวนการหลั่งฮอร์โมนการนอนหลับที่ชื่อว่า "ฮอร์โมนเมลาโทนิน" ทําให้เด็กจะนอนหลับยากขึ้น รวมถึงต้องงดเล่นเกม ดูคอนเทนต์ที่เร้าอารมณ์ความสนุก เพราะถ้าเด็กนอนหลับไม่ดีก็ส่งผลต่อเรื่องของการคุมอารมณ์ระหว่างวันด้วย สิ่งที่พ่อแม่ควรทําก็คือ อย่าให้มาก อย่าให้เร็ว

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.93 : ลูกอ้วนส่งผลเสียรอบด้าน


 

รักลูก The Expert Talk Ep.93 : ลูกอ้วน...ส่งผลเสียรอบด้าน

 

ภาวะโรคอ้วนในเด็ก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพลูกอย่างไร?

และรู้หรือไม่ เด็กไทยมีภาวะอ้วนมากถึง 15 - 20% และหากปล่อยให้เจ้าตัวเล็กมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ต่อไป จะยิ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูกรัก

 

EP.นี้ พญ. ปิยธิดา วิจารณ์ กุมารแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคต่อมไร้ท่อในเด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาลเมดพาร์ค จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโรคอ้วนในเด็กและผลกระทบต่อสุขภาพที่คุณแม่ต้องรู้ค่ะ

 

สถานการณ์ภาวะเด็กอ้วน

ตอนนี้ปัญหาเรื่องโรคอ้วนทั้งในเด็กแล้วก็ผู้ใหญ่ เป็นปัญหาที่มีผลกระทบต่อทั่วโลกมาก ในเด็กมีข้อมูลจากทั้งโลกประมาณ10% แต่ที่น่ากลัวคือในประเทศไทยมีประมาณ15-20% คือเป็นเปอร์เซนต์ที่เกินของทั่วโลกไปแล้ว

ภาวะอ้วนหรือว่าภาวะน้ําหนักเกินเกณฑ์ ดูจากดัชนีมวลกายหรือที่เรียกว่า BMI คํานวณจากน้ําหนักเป็นกิโลกรัม หารด้วยส่วนสูงเป็นเมตรยกกําลังสอง ซึ่งสามารถเสิรจ์หาข้อมูลได้หรือว่าดูในคู่มือพัฒนาการที่ได้ตั้งแต่แรกเกิดก็ได้

โดยเด็กที่อายุ5-19ปี ภาวะอ้วนตัดที่BMIมากกว่าหรือเท่ากับตัวสองสแตนดาร์ดดีวีเอชั่นหรือว่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือค่าBMIมากกว่ายี่สิบห้า โดยดูกราฟได้ตามเพศและอายุได้ สามารถหาดูเพิ่มเติมได้จากเว็บของสมาคมต่อมไร้ท่อเด็ก และวัยรุ่น ซึ่งเป็นกราฟเป็นของประเทศไทย

ทำแบบนี้แหล่ะเข้าสู่อ้วน

ภาวะอ้วนเป็นปัญหาเรื้อรังแล้วก็ประกอบด้วยหลายหลายปัจจัย ปัจจัยหลักคือ สิ่งแวดล้อม เพราะว่าในยุคปัจจุบันถูกล้อมไปด้วยอาหาร และอาหารฟาสต์ฟู้ดก็ราคาถูกกว่าสลัดอีก คือเด็กสามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า และไม่ทำกิจกรรม ไม่ออกกำลังกายอยู่นิ่ง ติดจอ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหว ซึ่งก็มาจากสภาพแวดล้อม

ส่วนปัจจัยอื่นก็จากเรื่องของกรรมพันธุ์หรือว่าโรคแต่ส่วนน้อยที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคที่ทําให้อ้วนจริงๆ เช่น โรคทางฮอร์โมน เช่น มีปัญหาภาวะขาดไทรอยด์ หรือว่ามีต่อมหมวกไตทํางานผิดปกติก็ทําให้มีภาวะอ้วน มีการศึกษาพบว่าเด็กที่มีภาวะอ้วนหรือน้ําหนักเกินเกิดขึ้นมาจากครอบครัวด้วย

และอีกปัจจัยหนึ่งที่เริ่มเจอมากขึ้นแล้วคือคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ก็จะมีความเสี่ยงที่ทําให้ลูกมีภาวะอ้วนได้มากกว่า คุณแม่ที่สามารถคุมน้ําหนักได้

อ้วนกระทบพัฒนาการ ส่งผลกระทบต่อระบบต่างต่างๆ ของร่างกาย อย่างแรก คือระบบต่อมไร้ท่อ บางคนมีภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยก็พบได้มากขึ้นหรือว่ามีเรื่องของถุงน้ํารัง หรือว่าโรคพีซีโอเอส ทำให้เด็กโตหรือเด็กผู้หญิงวัยรุ่นอาจจะมีประจําเดือนมาไม่สม่ําเสมอ

ส่วนระบบที่ 2 ก็คือระบบหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูงได้ มีไขมันในเลือดสูง ระบบที่ 3 ก็คือเรื่องเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ บางคนนอนกรนทำให้หยุดหายใจตอนกลางคืน

เรียกว่าเป็น 3 กลุ่มหลัก แต่ก็มีโรคอื่นๆ เช่น ในเรื่องทางเดินอาหารก็มีไขมันพอกตับ อย่าคิดว่ามีแต่ในผู้ใหญ่อย่างเดียว คือเด็กก็มีตรงนี้ด้วย รวมถึงการเคลื่อนไหวและระบบข้อต่อต่างๆ จะปวดเข่า มีโอกาสข้อสะโพกเคลื่อนได้ง่ายกว่าในเด็กที่น้ําหนักปกติ

รักษาภาวะโรคอ้วน

หมอจะเริ่มจากประเมินน้ําหนักส่วนสูงว่าเข้าเกณฑ์หรือยัง โดยดูจากกราฟน้ําหนักส่วนสูงย้อนหลังเพื่อดูว่าน้ําหนักมากมาตั้งแต่เด็กหรือว่าเพิ่งมาเกิน เพราะบางครั้งอาจจะมีโรคที่เหมือนน้ําหนักขึ้นเยอะแต่ส่วนสูงไม่ขึ้น ซึ่งก็ต้องหาสาเหตุ เช่น โรคเกี่ยวกับไทรอยด์ หรือมาจากต่อมหมวกไตทํางานเกินหรือเปล่า ขาดฮอร์โมนการเติบโตหรือเปล่า ซึ่งก็ต้องรักษาโรคเหล่านี้ควบคู่ไปด้วย

แต่ถ้าตัวใหญ่แบบภาวะอ้วนจากไลฟ์สไตล์เป็นหลักเลยก็ประเมินเรื่องของภาวะแทรกซ้อน หมอก็จะเช็กไขมัน เบาหวานและดูเรื่องโรคตับ และถ้าเช็กแล้วไม่มีโรคแทรกซ้อนก็จะดูวิธีการควบคุมน้ำหนัก

ภาวะอ้วนที่เกิดขึ้นกับเด็กตอนนี้มีความมันสัมพันธ์กับเรื่องของเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง บางครั้งเราจะเห็นเขาตัวโตกว่าเพื่อนแต่ถ้ามีภาวะเป็นสาวก่อนวัย สุดท้ายจะหยุดสูงก่อนเพื่อน นอกจากนี้ก็มีการศึกษามากขึ้นว่าภาวะอ้วนอาจจะมีผลต่อเรื่องความจํา หรือว่าอนาคตจะเสี่ยงเรื่องของอัลไซเมอร์ในผู้ใหญ่ รวมถึงเด็กที่มีภาวะอ้วนโดยเฉพาะกลุ่มเด็กวัยรุ่นหรือบางครั้งวัยเรียนประถม บางคนขาดความมั่นใจในตัวเอง โดนเพื่อนล้อก็ทำให้หงุดหงิด ขาดความมั่นใจ บางคนมีภาวะซึมเศร้า ซึ่งพอต้องกินยารักษา ยานั้นก็ทำให้อ้วนขึ้นด้วย ก็เรียกว่ามันกระทบซึ่งกันและกัน

ปรับพฤติกรรมลดความอ้วน ใช้วิธีการลดน้ำหนักโดยต้องมีเป้าหมายเดียวกันทั้งหมอ เด็ก และผู้ปกครองเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งหมอไม่อยากให้อดอาหาร ต้องกินอาหารให้ครบ 5หมู่ 3มื้อเหมือนเดิม แต่งลดอาหารที่มันมีแคลอรีสูง ลดอาหารฟาสต์ฟู้ด ของมัน ของทอด หรือน้ําหวานต่างๆ รวมถึงโพรเซสฟู้ดเบเกอรี่ เน้นกินอาหารที่มีไขมันดี หรือว่าเป็นโปรตีนที่ดี กินอาหารที่มีกากใยเยอะขึ้น เพื่อเพิ่มเรื่องของความอยู่ท้องให้มากขึ้นด้วย รวมไปถึงต้องออกกําลังกายเคลื่อนไหวให้มากขึ้น ประมาณ 60นาทีทุกวัน ซึ่งก็ต้องพยายามหากิจกรรมเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง

นอกจากนี้กลุ่มที่ปรับพฤติกรรมแล้วยังลดน้ําหนักไม่ได้ถึงเกณฑ์หรือว่ายังมีภาวะแทรกซ้อนอยู่ เด็กโตที่อายุมากกว่า 12 ปี และมีBMI มากกว่า 30 ในประเทศไทยก็มีอนุมัติให้ใช้เรื่องของตัวยาฉีดลดน้ําหนัก ก็จะช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้อิ่มเร็วขึ้น ส่วนยาลดความอ้วนไม่ควรใช้เลย รวมถึงเครื่องดื่มต่างๆ ที่บอกว่าช่วยควบคุมความหิว วิตามินเสริม ลดความอ้วน หมอไม่แนะนํา เพราะเราไม่รู้ส่วนประกอบและจะส่งผลกระทบอะไรยังไงกับเด็กบ้างก็ไม่ควร เน้นใช้แนวทางธรรมชาติบําบัด พฤติกรรมบําบัดดีกว่า

 

ตรวจวินิจฉัยโรคอ้วนในเด็ก สุขภาพและพัฒนาการลูกรัก ได้ที่

ศูนย์สุขภาพและโรคเฉพาะทางเด็ก โรงพยาบาลเมดพาร์ค

โทร. 02-090-3138

www.medparkhospital.com/center/pediatric-center 

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.94 : รับมือภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย

 

รักลูก The Expert Talk Ep.94 : รับมือภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย

 

ลูกตัวสูงและตัวใหญ่กว่าเพื่อน พ่อแม่ต้องคอยสังเกตเพราะอาจจะมีภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย หากละเลยลูกอาจจะกลายเป็นผู้ใหญ่ที่ตัวเตี้ย และมีปัญหาพัฒนาการทางอารมณ์ 

 

ฟัง The Expert พญ. ปิยธิดา วิจารณ์

กุมารแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้านโรคต่อมไร้ท่อในเด็กและวัยรุ่น

ศูนย์สุขภาพและโรคเฉพาะทางเด็ก โรงพยาบาลเมดพาร์ค

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.95 (Rerun) : เลี้ยงลูกแบบหมอเดว “ไม่จับจด ไม่เอาแต่ใจ รู้ผิดชอบชั่วดี”

รักลูก The Expert Talk Ep.95 (Rerun) : เลี้ยงลูกแบบหมอเดว "ไม่จับจด ไม่เอาแต่ใจ รู้ผิดชอบชั่วดี"

ผลลัพธ์ของการเลี้ยงทั้ง 3แบบเด็กจะเป็นอย่างไร หากกำลังเลี้ยงลูกแบบ 3 วิธีการนี้ ลูกจะเติบโตมาเป็นคนอย่างไร และต้องปรับแนวทางการเลี้ยงลูกอย่างไร ฟัง The Expert รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ผู้อำนวยการศูนย์คุณธรรม

เราเลี้ยงลูกบนความไม่เข้าใจบางเรื่องเป็นความปรารถนาดีอยากให้ลูกมีความสุข ซึ่งเป็นเรื่องที่ถูกต้องแต่ความปรารถนาบางครั้งต้องให้ลูกเจอความผิดหวัง เช่น ลูกผิดหวังไม่ได้เลยก็ต้องสอนให้ลูกผิดหวังบางครั้งพ่อแม่เจ็บปวดที่ลูกร้องไห้เพราะไม่ได้ดั่งหวังซึ่งไม่ผิด แต่เราปรับจูนความเข้าใจกันว่าจะมีจังหวะไหนที่ผ่อน จังหวะไหนที่ตึงบางเรื่องแล้วทำให้พ่อแม่รู้เท่าทันว่าบางเรื่องเราต้องถอยบางเรื่องรักษาระยะห่างเป็นการเรียนรู้ร่วมกันแต่จะผิดคือบกพร่องหน้าที่พ่อแม่

เลี้ยงปกป้องเกินไป เด็กขาดความมั่นใจ (Over Protection)

เป็นหน้าที่พ่อแม่ที่ต้องปกป้องลูกแต่ถ้ามากเกินไปมีปัญหาคือไม่ปกป้องเลย เช่น ตอนเป็นเด็กลูกร้องไห้ ปัสสาวะ อุจจาระราดที่บอกว่าเด็กร้องไห้ไม่ต้องสนใจ จริงๆแล้วเด็กอายุน้อยกว่า 6เดือนไม่มีมารยาไม่มีอารมณ์ไม่มีเงื่อนไขแต่รู้สึกไม่สบายตัวจึงร้องไห้ออกมา พ่อแม่ต้องรีบไปดูทันทีเพื่อปกป้องแต่พ่อแม่ไม่ทำนี่คือบกพร่องต่อหน้าที่ หิวก็ปล่อยลูกร้องอายุน้อยกว่า 6เดือน ซึ่งถ้าน้อยกว่า6เดือนไม่มีเงื่อนไขนอกจากหิวไม่สบายตัวจริงๆ

หรือที่ชัดกว่านี้คือเมื่อเด็กมีอารมณ์แต่พ่อแม่น็อตหลุดแทนที่จะเป็นการปกป้องกลายเป็นทารุณกรรมนี่เป็นปัญหา ซึ่งมีหลากหลาย Under Protection แย่ บกพร่อง มีปัญหา และ Over Protectionก็มีปัญหา เช่น เด็กที่ไปเที่ยวแล้วก็ถามว่า “รู้ไหมชั้นลูกใคร” แล้วพ่อแม่ตามไปปกป้อง แม้กระทั่งลูกทำผิดกฎหมายก็ยังเข้าข้าง ปกป้องคุ้มครองจนไม่รู้รับผิดชอบชั่วดี

หรือกรณีที่ด็กอนุบาลแกล้งกันเด็กจบแล้วแต่พ่อแม่ไม่จบบิวท์อารมณ์กันผ่านSocial mediaใช้อารมณ์ของลูกเป็นตัวตั้งจนยกพวกตีกันในรร.อนุบาล แต่ลูกกำลังเห็นโมเดลว่าพ่อแม่กำลังทำอะไร คือยิ่งมีลูกน้อยลงพ่อแม่จะรักแบบเทหมดใจ ซึ่งดีแต่มันเยอะเกินไปผลคือเด็กไม่รู้ผิดชอบชั่วดี

เลี้ยงอ้วน เด็กเอาแต่ใจ (Overfeeding)

คำว่าอ้วนเอาแต่ใจมาจากระดับโภชนาการและเรื่องการซื้อของ มีอันจะกิน มีข้าวกิน มีอาหาร มีของครบตามความจำเป็นหมวดนี้คือการบริโภคนิยมและทุนนิยมอ้วนเอาแต่ใจ เป็นประเภทที่เยอะ แต่ถ้าบกพร่องคือข้าวไม่มีกินคือเกิดปัญหาเราเห็นเด็กที่มีปัญหาภาวะขาดอาหารทุพภาวะโภชนาการ ส่วนอีกกลุ่มตรงกันข้ามคือ มีอันจะกิน กินทิ้งกินขว้าง กินไม่เลือก กินได้ตลอดเวลา จึงขึ้นว่าอ้วนเอาแต่ใจ

มีเคสหนึ่งที่พ่อจบป.เอกถามหมอว่าสอนให้ลูกหัดผิดหวังให้เป็น แล้วถ้าลูกผมดูดขวดนมอย่างสร้างสรรค์แล้วจู่ๆ จะให้ยกเลิกการดูดขวดนมอย่างสร้างสรรค์ก็เท่ากับว่าผมไปบล็อกความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งลูกอายุ 8ขวบแล้วหมอตกใจมากที่ยังดูดนมอยู่คือไม่ต้องคิดว่าอ้วน ฟันผุ ฟันเหยินหรือไม่ หมอจึงบอกพ่อคนนั้นว่าเป็นหน้าที่ของพ่อไหมต้องสอนให้ลูกหัดผิดหวังให้เป็น หรือพอจะตอบหมอได้ไหมว่าจะอยู่จนชั่วชีวิตลูกจะหาไม่ไหม

Overfeed คือการให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นการผิดหลักEQทั้งหมดจะเห็นว่าเด็กเอาแต่ใจ ยับยั้งอารมณ์ไม่ได้ ไม่ซื้อของลงไปดิ้นกลางห้าง โตมาหน่อยก็กรี๊ดสนั่นหรือพ่อแม่ที่ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมไม่อั้นลูกก็ซึมซับ ปากเราพูดอย่างแต่เราทำอีกแบบ ลูกเห็นว่าพ่อแม่ก็ไม่ยั้งตัวเองจับจ่ายอย่างสนุกซื้ออาหารเต็มที่เพราะว่ารวย กินทิ้งกินขว้างไม่มี dog bag คือเหลือเอาเก็บมากิน ลักษณะนี้เรียกว่า อ้วนเอาแต่ใจ มีปัญหาEQ โตมาเป็นคนที่บริโภคนิยมทุนนิยมใช้เงินซื้อทั้งหมดเราคงไม่อยากฝึกลูกให้เป็นแบบนี้ การยั้งตัวเองแล้วทำให้ดูมีประสิทธิภาพ กว่าใช้ปากพูดแล้วสอนให้ลูกเป็นแต่วิธีการทำเป็นอีกแบบมันทำไม่ได้พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบ

เลี้ยงอวดรวย (Multiple homes)

หลักการคือการไม่มีบ้านก็เป็นเด็กเร่ร่อนคือบกพร่องไม่มีบ้านอยู่ ส่วนมีหลายบ้านคือมีทั้งบ้านและคอนโด จันทร์ถึงศุกร์อยู่คอนโดเสาร์อาทิตย์อยู่บ้าน ผลคือลูกไม่รู้จักข้างบ้าน ไม่มีการร่วมทุกข์ร่วมสุข ซึ่งเมื่อก่อนเราเติบโตมาเป็นชุมชนมีรากเหง้าเราจะเรียนรู้ซึมซับร่วมทุกข์ร่วมสุขไปกับชุมชนจะรักและเรียนรู้รากเหง้าของเราเองว่าเราเป็นคนจังหวัดนี้ พอย้อนกลับไปก็ภูมิใจว่าบ้านเราเมื่อก่อนเจริญแต่เด็กยุคนี้ไม่มี

การอยู่หลายที่ทำให้ความรักในรากเหง้าการเรียนรู้อยู่ในชุมชนจะอ่อนแอไปด้วย ผลลัพธ์คือโตเป็นคนจับจด เปลี่ยนที่ได้ง่ายเวลาเข้ามาทำงานก็ทำงานตามค่าตอบแทนที่สูงกว่า ความมั่นคงในจิตใจที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขในองค์กรไม่มี อาจจะบอกว่านี่เป็นเทรนด์ใหม่ของโลกก็เพราะสถานการณ์บีบบังคับจึงทำให้ได้เทนรด์ใหม่ของโลกในลักษณะนี้ แต่เราจำเป็นต้องเติมไม่งั้นจะเป็นประเด็นเกิดขึ้นได้แน่นอน

สร้างวิถีใหม่ปรับเปลี่ยนแนวทางการเลี้ยงลูก

1.เรียนรู้ว่าความรักกับความถูกต้องคนละเรื่องกัน รักลูกก็จริงแต่ผิดลูกก็ต้องเรียนรู้ไม่ปกป้องแม้จะผิด

2.ต้องระมัดระวัง มีบันยะบันยัง วิธีการคือเราเองต้องเป็นต้นแบบที่ดี ทั้งการเลือกกิน เลือกซื้อของ คือหลักพอเพียง หัดเบรคตัวเองมีแล้วหรือยังลูกก็จะเรียนรู้ว่าพ่อแม่ไม่ใช่คนฟุ่มเฟือย

3.ต้องเปิดใจให้ลูกเรียนรู้ อยู่ร่วมกับการมีหลายบ้านให้รักรากเหง้าทำให้ลูกเป็นผู้ให้ในหมู่บ้าน ชุมชนในคอนโด ก็จะทำให้เกิดการรักรากเหง้าร่วมทุกข์ร่วมสุขในชุมชนได้

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.96 (Rerun) : "กล้าพอไหมเปลี่ยนวิถีใหม่ในบ้าน แก้ปัญหาหนักใจวัยอนุบาล"

 

รักลูก The Expert Talk Ep.96 (Rerun) : เข้าใจ "วัยทอง" ลูกอนุบาลกับครูก้า กรองทอง บุญประคอง "กล้าพอไหม เปลี่ยนวิถีใหม่ในบ้าน แก้ปัญหาหนักใจวัยอนุบาล"
 

เปิดศึกกลางบ้าน ไม่มีทีท่าว่าจะสงบและยังเกิดขึ้นถี่ๆ บ้านไหนเป็นแบบนี้ ชวนฟังวิธีแก้ 3 ปัญหาน่าหนักใจ เพื่อไม่ให้กระทบพัฒนาการระยะยาว ได้แก่ ติดจอ, ก้าวร้าวเอาใจ, นิ่ง เนือย เฉื่อยชา ฟังดูเป็นเรื่องยากแต่แก้ไขได้

 

ฟังแนวทางจากครูก้า กรองทอง บุญประคอง ผู้ก่อตั้งโรงเรียนจิตต์เมตต์ และผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กปฐมวัย

จะทำให้พ่อแม่มองเห็นปัญหา เข้าใจพัฒนาเจ้าตัวเล็ก และเห็นแนวทางแก้ที่ไม่ยากเกินไป

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.97 (Rerun) : “Dysfunctional Family” บทบาทหน้าที่ครอบครัวบกพร่อง

 

รักลูก The Expert Talk Ep.97 (Rerun) : เลี้ยงลูกแบบหมอเดว Dysfunctional Family บทบาทหน้าที่ครอบครัวบกพร่อง?! 


Dysfunctional Family การทำหน้าที่ของครอบครัวบกพร่อง บกพร่องด้านไหนบ้าง กระทบกับครอบครัวและลูกอย่างไร เมื่อรู้แล้วจะรับมือแก้ไขแบบไหน

ชวนทวนสอบบทบาทหน้าที่ครอบครัวกันค่ะ ว่าเรากำลังอยู่ในสถานะ Dysfunctional Family อยู่หรือเปล่า ฟังคุณหมอเดวพูดเรื่องนี้กันได้ที่ รักลูก Podcast

 

ปัญหาสภาพครอบครัวไทย

ครอบครัวไทยตอนนี้มี20ล้านครอบครัว ในจำนวนนี้มีประเด็นใหม่ๆเกิดขึ้น 2หมวดใหญ่ๆ คือ

โครงสร้างครอบครัวมีขนาดเล็กลง TFR (Total Fatality Rate) อัตราการมีลูกของเด็กในประเทศไทยตอนนี้ค่าเฉลี่ยที่ 1.4 เดิม 1.6 คือส่วนใหญ่มีลูก 1คน ซึ่งประเทศเสียเปรียบเพราะปิรามิดของประชากรเปลี่ยนแต่เดิมผู้สูงวัยน้อยฐานวัยแรงงานเยอะ คือ 10:1 (ทำงาน 10คน ผู้สูงอายุ 1คน) เมื่อ20ปีที่แล้วลดลงมาเหลือ 5:1 ปัจจุบันเหลือ 2:1 ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านั้นหมายถึงว่าประชากรวัยแรงงานจะต้องดูผู้สูงอายุ 1:1 ต้องทำงานและดูแลผู้สูงอายุด้วย ซึ่งถ้าเป็นสภาพนี้ผู้สูงอายุจะเยอะมากคือ ประชากร 10คนจะมีอย่างน้อย 3 คนที่อายุเกิน 60ปีและหนึ่งในสามนั้นมีหนึ่งคนที่อายุเกิน 65ปี และเริ่มมีคำใหม่คือ ชมรม DINK (Double Income No Kids)แต่งงานแต่ไม่มีลูก นี่คือโครงสร้างที่มีปัญหา ดังนั้นโครงสร้างใหม่คือSmall Family คือครอบครัวพ่อแม่ลูกชุมชนก็ไม่รู้จัก ไซซ์เล็ก ครอบครัวหย่าร้างซึ่งอัตราอยู่ระหว่าง 5-10% ก็จะมีพ่อเลี้ยงเดี่ยวแม่เลี้ยงเดี่ยว มีครอบครัวแหว่งกลาง บางภาคตามหัวเมืองจะเห็นภาพที่ปู่ย่าตายายเลี้ยงหลาน พ่อแม่ทำงานในเมือง

Unicef รายงานข้อมูลว่าเด็กที่อายุน้อยกว่า 18ปี สามล้านคนที่พ่อแม่มีชีวิตแต่ไม่ได้เลี้ยง ในจำนวนนี้ 500,000คนเป็นเด็กปฐมวัย ซึ่งเรารับรู้ว่าเด็กวัยนี้พ่อแม่ต้องเลี้ยงดู นี่คือโครงสร้างของครอบครัวที่มีปัญหา ซึ่งต้องยอมรับว่ามีปัญหาเดิมและมีปัญหามากขึ้น

และอีกประเด็นคือ Dysfunction คือการทำหน้าที่ของครอบครัวบกพร่องทั้งลบและบวกมีปัญหาทั้งนั้น หน้าที่ของครอบครัวคือให้ทุกคนอยู่เย็นเป็นสุข การมีความสุขคือการมีข้าวกินมีบ้านอยู่ เพราะฉะนั้นบทบาทของครอบครัวต้องดูแลร่วมกันเพื่อให้ได้ปัจจัยสี่ ขั้นพื้นฐาน และอีกปัจจัยคือ Psychological ทางด้านจิตใจ อารมณ์ เช่น สมาชิกเมื่ออยู่ในบ้านแล้วมีปฏิสัมพันธ์ มีความรู้สึกที่อบอุ่น ปลอดภัย Sense of security ถ้าเข้าบ้านแล้วมีทารุณกรรม แสดงว่าบ้านมีปัญหาหรือเข้ามาในบ้านไม่คุยกันเลย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างสังคมไม่เกี่ยวกับเรื่องหย่าร้าง แต่ฟังก์ชั่นมีปัญหานี่คือระดับทางจิตใจ

ส่วนด้านสังคมสมาชิกในครอบครัวต้องดูแลให้มีปฏิสัมพันธ์ทั้งในบ้าน นอกบ้าน ในชุมชนต้องรู้จักกัน เยี่ยมญาติพี่น้อง พบเพื่อนฝูง รู้จักการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคม นี่คือลักษณะ Socialogical ถ้าดูง่ายเลยๆ Physical ปัจจัยขั้นพื้นฐาน Psychological ปัจจัยทางด้านจิตใจและอารมณ์และปัจจัยทางด้านสังคม ซึ่งถ้าบกพร่อง บ้านไม่มีให้อยู่ก็เดือดร้อนข้าวไม่มีกินนี่คือบกพร่อง แต่อีกฟากหนึ่งคือมีหลายบ้านหรืออีกบ้าน Ovefeed คือกินทิ้งกินขว้างทั้งลบและบวกจึงมีปัญหาเลยสุขภาพไม่ได้รับการดูแลก็มีปัญหา แต่ถ้าดู Over เกินไปก็มีปัญหาเหมือนกัน

Dysfunctional Family

ครอบครัวที่พ่อแม่รักลูก แต่เลี้ยงลูกแบบใช้อำนาจ มีทั้งหมด 9ประเภทแต่ก่อนที่จะไปตรงนั้นมีประเด็นที่เกี่ยวกับการเลี้ยงดูคือ ครอบครัวในประเทศไทยมีการเลี้ยงลูกคือ ใช้อำนาจในการเลี้ยงลูกพ่อแม่เป็นใหญ่เป็นกันเยอะ ไม่ได้เจตนาแต่ตัดสินใจแทนลูกทั้งหมด ทำบนฐานของความรักซึ่งมีเกิน50% ไม่ได้ทำสำรวจแต่ด้วยประสบการณ์เวลาที่เอาลูกมาปรึกษาหมอจับทางได้ว่าใช้อำนาจ คือจับทางจากประสบการณ์และความรู้ที่หมอมีมาร้อยเคสครึ่งหนึ่ง คือรักษาคนที่พามาและอีก 25% ตามไปซ่อมคนส่งมา บริวารของเด็กมีปัญหามากกว่าตัวเด็ก บางคนที่พามาได้ยาแทนคือพ่อแม่อาการหนักเกินเด็ก อำนาจมีไว้ให้กับพ่อแม่นั้นถูกต้องแต่มีไว้ให้ผ่อนลงเรื่อยๆ

ก่อนที่จะลงไปการเลี้ยงดูผิดประเภทหมออยากให้เข้าใจก่อนว่า ด้วยอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กพ่อแม่จะต้องช่วยทำให้ลูกทุกคนอยู่รอดและปลอดภัย ได้รับการเลี้ยงดู ปกป้องคุ้มครองและได้การรับการพัฒนาและสร้างการมีส่วนร่วม

เมื่อลูกเป็นทารกอำนาจจึงอยู่เต็มที่พ่อแม่ในการทำให้ลูกอยู่รอดปลอดภัย ต่อเมื่อพัฒนาการเติบโตและสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ตรงนี้อำนาจของพ่อแม่ต้องถอย คืออายุ 2ปีแรกพ่อแม่มีอำนาจเต็ม100% แต่พอหลัง2ขวบเริ่มเดินเองได้ นั่งเล่นกับเพื่อนแม้ไม่แบ่งปันแต่ก็นั่งเล่น ช่วยเหลือตัวเองได้อำนาจของพ่อแม่ต้องค่อยๆถอยลงมา เหลือประมาณ 80% แต่พอเข้าสามขวบพ่อแม่เอาลูกไปฝากที่อนุบาลระบบนิเวศน์เปลี่ยน อำนาจของพ่อแม่จะถอยลงมาเหลือ 60 -40% พออยู่ชั้นประถม เพื่อนครู รร. เป็นบ้านหลังที่สองอำนาจของพ่อแม่จะถอยลงไปเรื่อยๆแล้วจะเหลือแค่30%ตอนเข้าสู่วัยรุ่น

ถ้าเป็นวัยรุ่นตอนกลางและเป็นเด็กโตด้วยอำนาจพ่อแม่เหลืออยู่10% แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยพ่อแม่เป็นติ่งห้อยอยู่อยากมาปรึกษาก็มา ไม่อยากก็อย่าเข้าไปยุ่ง แต่ปัญหาของการใช้อำนาจครอบครัวบ้านเรากลับหัวหมดเลย ตอนเด็กใช้ทีวีเลี้ยงลูกใช้พี่เลี้ยงimportมาดูแลลูกเราไม่ได้ใช้อำนาจเต็มตรงนั้น แต่พอโตกลับลาออกแล้วมานั่งเฝ้าลูกแล้วไปรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวจึงทำให้เกิดปัญหาแล้วยิ่งไม่ผ่อนด้วย พ่อแม่มีปัญหากับลูกเร่งรัดกับลูกแล้วก็ไม่ดึงลูกเข้ามาแก้ปัญหาร่วมกัน ถามตัวเองว่าคุยกับลูกกับลูกวัยรุ่นรู้เรื่องไหม

ครอบครัวที่อยากได้ลูกเป็นคนดี จะเห็นว่าสังคมสมัยนี้พ่อแม่เริ่มมีฐานะก็กลายเป็นว่าอยากให้ลูกเป็นคนดีแต่ช่วยเลี้ยงลูกฉันให้เป็นคนดีนะคือการซื้อระบบนิเวศน์ลงทุนเต็มที่ รร.อินเตอร์จะแพงแค่ไหนก็ยอมจ่าย และความคาดหวังก็ตามมา ได้รร.ดีแล้วช่วยเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีหน่อยแต่ไม่ได้กลับมาดูว่าตัวเองกำลังทุ่มอะไรอยู่

ครอบครัวปล่อยปละละเลย บางบ้านไม่ได้ทำหน้าที่บทบาทพ่อแม่ซึ่งคาดหวังสูงมากแต่ใช้เงินซื้อหรือให้คนอื่นทุ่มเทซึ่งเริ่มมีเยอะขึ้นมาจากครอบครัวที่ปล่อยปละละเลย

ครอบครัวหัวใจประชาธิปไตย สร้างการมีส่วนร่วมตั้งแต่อนุบาล ลูกทุกคนมีความหมาย ลูกมีศักดิ์และศรี ไม่เปรียบเทียบเวลาจะตั้งกฏเกณฑ์ก็มีการพูดคุยแบบนี้อยากให้มีเยอะขึ้น ซึ่งมีเยอะก็จะเป็นประโยชน์กับการเลี้ยงลูกสร้างครอบครัวหัวใจประชาธิปไตย

Functional Family  คุณลักษณะที่ดีของพ่อแม่ 

1.รักอบอุ่นและไว้วางใจ ต้องไม่สำลักความรักหรือเยอะเกินไป รักแบบร่วมทุกข์ร่วมสุขพ่อแม่ที่รักกันอยู่ได้ต้องมองว่าตอนที่รักกันไม่ได้มีแต่เรื่องดีแต่เป็นการฝ่าฟันมาด้วยกัน รักต้องร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ใช่เจอแต่ความสุขทุกข์ไม่ได้

2.สื่อสารที่ดีต่อกัน สื่อสารพลังบวก สื่อสารดีบ้านป็นสุข

3.ควบคุมอารมณ์ตัวเอง เริ่มคุมอารมณ์ตัวพ่อแม่คุมสถานการณ์ได้ แต่การจะให้ลูกเรียนรู้การควบคุมอารมณ์ลูกดูเราเป็นตัวอย่างที่ดีจะเรียนรู้วิธีการจากเรา ถ้าทำเป็นและมีศิลปะในการควบคุมอารมณ์เอาอยู่ในทุกสถานการณ์

4.มีวินัย วินัยเกิดขึ้นจากส่วนร่วมไม่ใช่พ่อแม่เป็นคนกำหนดกติกาและมีผลบังคับใช้ทุกคนยกเว้นตัวเอง

5.เด็กไม่ใช่ผ้าขาวอย่าเข้าใจผิด เด็กทุกคนเกิดมาล้วนมีความหมายหมอต้องการให้ปรับจูนทัศนคติในการเลี้ยงลูก พ่อแม่ต้องล้างทัศนคติไม่ได้เรียนเก่งแต่ชอบวาดรูป พ่อแม่ก็ต้องเข้าใจและอย่าเอาลูกไปวัดกับระบบการศึกษาแบบแพ้คัดออก อย่าเลี้ยงลูกแบบเปรียบเทียบ จะไม่มีปัญหาในการเลี้ยงลูก

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.98 (Rerun) : Toxic Stress เสี่ยงลูกป่วยและกระทบพัฒนาการ

 

รักลูก The Expert Talk Ep.98 (Rerun) : Toxic Stress เสี่ยงลูกป่วยและกระทบพัฒนาการ 


ความเครียดเป็นพิษส่งผลกระทบกับพัฒนาการและทำให้ลูกป่วย

พบวิธีการรับมือเพื่อลดผลกระทบพัฒนาการลูก เช็กสัญญาณแบบนี้ลูกกำลังเครียด อาการแบบนี้แหล่ะ ที่หนูเครียด พัฒนาการและพฤติกรรมด้านไหนพังบ้างหากหนูเครียดเป็นพิษ Stress Management ฉบับเจ้าหนู แม่รู้ไว้สอนหนูได้ โดย The Expert ผศ. ดร.ปนัดดา ธนเศรษฐกร อาจารย์ประจำสถาบันแห่งชาติ เพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล

Найти рабочее зеркало Вавада легко! Всегда актуальные ссылки помогут вам оставаться в игре и наслаждаться победами без перерывов.

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูก The Expert Talk EP.99 : เลือกกิน “แคลเซียม” แบบไหนดีต่อร่างกายลูก

 

รักลูก The Expert Talk Ep.99 : เลือกกิน "แคลเซียม" แบบไหนดีต่อร่างกาย 

 

เพราะ “แคลเซียม” เป็นแร่ธาตุสำคัญที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง เป็นส่วนสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน รวมถึงช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ตามปกติ ซึ่งร่างกายจำเป็นต้องได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอสำหรับทุกวัย

 

นอกจากนี้ควรเลือกแคลเซียมที่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี เพื่อให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า เพื่อลดอาการขาดแคลเซียมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและเกิดโรคต่างๆ ขึ้น

 

ฟังวิธีการ เลือกกิน “แคลเซียม” แบบไหนดีต่อร่างกายลูก โดย The Expert นายแพทย์สิรภพ สัมฤทธิวณิชชา และ ทันตแพทย์หญิง สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา โรงพยาบาลยันฮี

 

ความสำคัญของแคลเซียม

แคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สําคัญต่อร่างกายถึง 55% และแคลเซียมเป็นแร่ธาตุที่สําคัญต่อกระดูกและฟันสูงถึง 99% มีความสําคัญในการแข็งตัวของเลือด การหดตัวของกล้ามเนื้อลายและกล้ามเนื้อหัวใจ เด็กต้องการแคลเซียมวันละ800มิลลิกรัม ผู้ใหญ่ต้องการแคลเซียมวันละ 1,200 มิลลิกรัม คุณแม่ที่ตั้งครรภ์และคุณแม่ที่ให้นมบุตรต้องการแคลเซียมสูงถึงวันละ 1,300 มิลลิกรัม ผู้สูงอายุที่มีอายุ 50ปีขึ้นไป ต้องการแคลเซียมวันละ 1,000มิลลิกรัม

จะเห็นได้ว่าแคลเซียมสําคัญกับทุกช่วงอายุ เด็กที่อยู่ในครรภ์จะมีการเสริมสร้างกระดูกโดยใช้แคลเซียมจากร่างกายของคุณแม่ในการดึงไปสร้างการเจริญเติบโตของเด็ก เพราะฉะนั้นคุณแม่ต้องเสริมแคลเซียมให้เพียงพอ

สารอาหารอุดมแคลเซียม

แคลเซียมจะอยู่ในผลิตภัณฑ์ของนม โยเกิร์ต ชีส ถั่วเหลือง หรือว่าเต้าหู้ งาดํา แล้วก็สัตว์ที่มีเปลือกแข็งที่เราสามารถกินได้ทั้งเปลือก หรือปลากระป๋อง ปลาที่ทานได้ทั้งก้าง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียวหลายชนิดก็มีปริมาณแคลเซียมค่อนข้างเยอะ รวมไปถึงน้ําดื่มบางชนิดก็มีการใส่แคลเซียมเติมเข้าไปด้วย

ซึ่งแคลเซียมที่ใช้เติมเข้าไปในยันฮี แคลเซียมวอเตอร์ เป็นแคลเซียมที่ชื่อว่า Calcium Glycerophosphate เป็นการจับตัวระหว่างแคลเซียมกับตัวฟอสเฟต ซึ่งCalcium Glycerophosphate อยู่ในรูปแบบของสารออร์แกนิคซอลท์เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งสามารถดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมปกติทั่วไปถึง 4 เท่า และมีรสชาติที่ดีกว่าแคลเซียมทั่วไป สาเหตุที่ตัวนี้ดูดซึมได้ดีกว่าแคลเซียมทั่วไป เพราะว่าแคลเซียม Calcium Glycerophosphate สามารถทนกรดซึ่งอยู่ในกระเพาะอาหาร (ที่มีสภาพเป็นกรด (pH 2) และสามารถทนด่างที่อยู่ในลําไส้เล็ก (ph 8) และสามารถดูดซึมเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด เพื่อให้นําไปเสริมสร้างกระดูกและฟันได้ดี

นอกจากนี้ Calcium Glycerophosphate มีการศึกษาวิจัยพบว่าสามารถดูดซึมได้มากกว่าแคลเซียมคาร์บอเนตหรือว่าแคลเซียมที่เรากินอยู่ในชีวิตประจําวันมากกว่าถึงสี่เท่า และCalcium Glycerophosphate จะมีสัดส่วนของแคลเซียมกับฟอสเฟต อยู่ที่ 1 ต่อ 3 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่คิดมาแล้วว่าสามารถดูดซึมเข้าสู่กระดูกได้อย่างดี

สำหรับเด็กที่แพ้นมวันสามารถดื่มได้ เพราะไม่มีผลิตภัณฑ์ของนมเป็นส่วนประกอบและใช้แคลเซียม200 มิลลิกรัมต่อขวด แต่งรสให้เป็นรสชาติโยเกิร์ต ทำให้ดื่มง่าย ไม่เลี่ยน และในหนึ่งวันสามารถดื่มได้ถึง 6 ขวดไม่เกินปริมาณที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนํา และได้ปริมาณแคลเซียมที่เด็กต้องการในแต่ละวันพอดี และถึงแม้จะมีปริมาณแคลเซียมที่ได้รับเกิน ก็จะขับออกไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย พกพาสะดวกและช่วยกระตุ้นให้เด็กดื่มน้ําได้ด้วย

ขาดแคลเซียมกระทบร่างกาย

โดยทั่วไปแล้วหากร่างกายได้รับปริมาณแคลเซียมเยอะเกินไปจะถูกขับออกทางปัสสาวะ ไม่เหลือตกค้างในร่างกาย แต่ต้องเป็นแคลเซียมที่ดูดซึมได้หมดถึงจะไม่มีการตกค้าง และตรงกันข้ามหากขาดแคลเซียม คุณพ่อคุณแม่สามารถเช็กเบื้องต้นได้แก่ เป็นตะคริว มีภาวะนอนหลับยาก ตอนกลางคืนนอนไม่หลับหรือหลับไปตื่นขึ้นมากลางดึก มีผิวฟันที่ขรุขระ เล็บเปราะบาง และที่สําคัญมากคือ เด็กผู้หญิงอาจจะมีช่วงการเจริญเติบโตที่ช้ามีภาวะรอบเดือนมาช้าลง และมีผลกับส่วนสูงทั้งในเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย

และโรคที่เกิดจากการขาดแคลเซียม ได้แก่ โรคกระดูกพรุนเปราะ บางและแตกง่าย รวมถึงส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเด็ก โดยเฉพาะเรื่องความสูง

สำหรับเด็กที่มีอุบัติเหตุหกล้มแบบรุนแรง ก็มีโอกาสที่กระดูกจะเปราะแตกง่ายอยู่แล้ว แต่หากสังเกตว่าแม้จะล้มเบาๆ แต่กระดูกหักคุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวัง ซึ่งเวลาไปพบคุณหมอจะมีการเอกซเรย์และวัดมวลกระดูก เพื่อประเมินว่าเด็กคนนี้เกิดจากรอยโรคที่ล้มด้วยแรงกระแทกเบาๆ แล้วกระดูกหักแตกง่าย หรือว่าโดนแรงกระแทกที่รุนแรงและเกิดกระดูกหักแตกง่ายซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ประเมิน ช่วงที่รักษาคุณหมอจะให้แคลเซียมเสริม ซึ่งจริงๆ แล้วร่างกายต้องได้รับจากอาหารอยู่แล้ว แต่คุณหมอก็จะมีให้เสริมเป็นเม็ดด้วยบ้าง และร่างกายของเด็กเองจะมีการสมานของกระดูกค่อนข้างเร็ว

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์และเด็กสามารถดื่มได้ โดยเด็กอายุตั้งแต่ 3ขวบขึ้นไปดื่มได้ วันละ 6ขวด และในยันฮี แคลเซียม วอเตอร์ หนึ่งขวดมีปริมาณแคลเซียมถึง 200มิลลิกรัม ก็เรียกว่าเป็นปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน และเป็นเครื่องดื่มที่พกไปดื่มได้ทุกที่ ดื่มได้ทุกที่ทุกวัย

 

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: https://bit.ly/3cxn31u

รักลูกThe Expert Talk EP122 เพราะทุกก้าวของการเติบโตของลูกน้อยคือช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สารอาหารจึงสำคัญ

 

รักลูก The Expert Talk Ep.122 : เพราะทุกก้าวของการเติบโตของลูกน้อย คือช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่... สารอาหารจึงสำคัญ

 

ทุกพัฒนาการเล็ก ๆ ของลูก ยิ่งใหญ่สำหรับคนเป็นแม่เสมอ

สารอาหารที่เหมาะสมในแต่ละช่วงอายุจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการและการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ แต่บางครั้งคุณแม่อาจไม่มีเวลาในการทำอาหารให้ลูกน้อยด้วยตัวเอง แล้วคุณแม่จะรับมืออย่างไร?

 

รักลูก The Expert Talk ชวนฟังคุณหมอกุ้ง พญ.กมลลักษณ์ อนันต์นิธิวุฒิ กุมารแพทย์ ประจำ รพ.เปาโล สมุทรปราการ พูดคุยเรื่องสารอาหารที่สำคัญกับการเจริญเติบโตของลูก การกินอาหารหลักให้ครบ 5 หมู่ และหลักการเลือกอาหารเสริมสำหรับเด็ก

 

เพราะอาหารสำหรับเด็กไม่ใช่อะไรก็ได้ แต่ต้องมีมาตราฐาน มีอย. เพื่อให้คุณแม่มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะได้รับสารอาหารทั้ง 5 หมู่ ในทุก ๆ คำ

 

ติดตามรักลูก Podcast ได้ที่https://linktr.ee/rakluke  

เปิดเทอมใหม่ ทำยังไงไม่ให้หัวใจว้าวุ่น : Mom's Issue EP1

เปิดเทอมใหม่ ทำยังไงไม่ให้หัวใจว้าวุ่น : Mom's Issue EP1

แม้จะยังไม่เปิดเทอม แต่นับว่าเป็นโอกาสดี ที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ฝึกซ้อมลูกน้อยก่อนเจอสถานการณ์จริงวันเปิดเทอมนะคะ พบวิธีซักซ้อมลูกน้อยก่อนวันเปิดเทอม เตรียมลูกให้พร้อม เตรียมใจแม่ให้หนักแน่นรับกับความอ่อนไหวในวันที่ลูกต้องห่างจากอกวันแรก กับ ครูก้า กรองทอง บุญประคอง ครูผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็ก และผู้ก่อตั้งและผู้บริหารโรงเรียนจิตตเมตต์ (ปฐมวัย)

พบกับ รายการ Mom's Issue ทุกวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน

ติดตามรายการ Mom's Issue ได้ที่

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: http://bit.ly/3VCHm21

Facbook : www.facebook.com/watch/126833256591/192515712692093

เล่นเพลิน ๆ Learn From Home... แม่เอาอยู่ (แม่ได้ทำงาน ลูกได้เล่น) - Mom's Issue EP2

“แม่ ๆ เล่นกับหนูหน่อย”… คำสามัญประจำบ้าน สำหรับช่วงที่ต้อง Work From Home หนนี้นานเชียวค่ะ ของเล่นในบ้านก็วนเล่นจนครบ จะชวนเล่นอะไรก็คิดไม่ออกแล้วจ้า Mom’s Issue ชวนมาฟังประสบการณ์จาก บก.แม่ดอยที่ต้องเล่นกับลูกสาววัย 4 ขวบ และป้าปอยสปอยหลานจะมีไอเท็มของเล่นโดน ๆ อะไรบ้าง เราจะมาแชร์ แบประสบการณ์ แบ่งปันข้อมูลเพื่อให้เราอยู่บ้านกันได้อย่างสนุก มีความสุข และได้เรียนรู้กันค่ะ

พบกับ รายการ Mom's Issue ทุกวันพฤหัสบดีสุดท้ายของเดือน

ติดตามรายการ Mom's Issue ได้ที่

Apple Podcast: https://apple.co/3m15ytB

Spotify: https://spoti.fi/3cvAVcX

Youtube: http://bit.ly/3VCHm21

Facbook : www.facebook.com/watch/126833256591/192515712692093