ระบาดหนัก! 'โรคชิคุนกุนยา' ไม่มียารักษา ต้องเฝ้าระวังอย่าให้ป่วย
โรคชิคุนกุนยา ไม่มียารักษา ต้องเฝ้าระวังอย่าให้ป่วย
ทุกบ้านต้องเฝ้าระวังและรู้จักโรค
“โรคชิคุนกุนยา” นะคะ ไม่ใช่โรคประหลาดสายพันธุ์ใหม่อะไร แต่คือ"
โรคไข้ปวดข้อยุงลาย" นั่นเอง
โรคไข้ปวดข้อยุงลาย หรือโรคชิคุนกุนยา คืออะไร
โรคติด
เชื้อไวรัสชิคุนกุนยา มี
ยุงลายเป็นพาหะนำโรค สามารถเป็นได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ อาการป่วยจะ
มีไข้สูงอย่างฉับพลัน ร่วมกับอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น มีผื่นแดงขึ้นตามร่างกาย ปวดกล้ามเนื้อ ปวดกระดูกหรือข้อ ปวดกระบอกตา หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง และอาจมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งดูเผินๆ คล้ายกับ
โรคไข้เลือดออก แต่ต่างกันที่ไม่มีการรั่วของพลาสมาออกนอกเส้นเลือด แต่จะไม่มีอาการรุนแรงจนถึงขั้นช็อก หรือเลือดออกมากเช่นโรคไข้เลือดออก
โรคชิคุนกุนยา ติดต่อกันอย่างไร
ไวรัสติดต่อจากคนสู่คนได้โดย
มียุงลายเป็นพาหะ เมื่อยุงลายตัวเมียกัดและดูดเลือดผู้ป่วยที่อยู่ในระยะไข้สูง ซึ่งเป็นระยะที่มีไวรัสอยู่ในกระแสเลือด เมื่อยุงที่มีเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาไปกัดคนอื่นก็จะปล่อยเชื้อไปยังคนที่ถูกกัด ทำให้คนนั้นเกิดอาการของโรคได้
การรักษาและป้องกันโรค ชิคุนกุนยา
ทุกวันนี้ยังไม่มีวัคซีนสำหรับการรักษาและป้องกัน
โรคชิคุนกุนยา ดังนั้นการรักษาจึงเป็นการรักษาตามอาการ เช่น หากเป็นไข้ก็ให้
ยาลดไข้ หรือหากปวดข้อก็ให้พักผ่อนอย่างเพียงพอ เพื่อบรรเทาอาการเท่านั้น
แต่ล่าสุดได้มีผลการศึกษาวิจัยพบว่า
ยาคลอโรควิน (Chloroquin) สามารถบรรเทาอาการที่เกิดจาก
โรคชิคุนกุนยาได้ผลดีเช่นกัน ทั้งนี้ วิธีที่จะสามารถป้องกันโรคชิคุนกุนยา ได้ดีที่สุดก็คือการกำจัดยุงลายอันเป็นตัวพาหะนำโรค
วิธีกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยใช้มาตรการ 3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค คือ
1. เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของ
ยุง ขัดล้างคว่ำภาชนะใส่น้ำ และเปลี่ยนน้ำในแจกันทุกสัปดาห์
2. เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และนำวัสดุเหลือใช้นำไปขายเป็นรายได้เสริม
3. เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่
ทั้งนี้จะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรคในคราวเดียวกัน คือ
1.โรคไข้เลือดออก 2. โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3. ไข้ปวดข้อยุงลาย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422
เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
- อาการไข้เลือดออก ไข้เลือดออก การรักษาไข้เลือดออกและป้องกัน
- 10 โรคเด็ก พ่อแม่ควรระวังก่อนถังแตก
ขอบคุณข้อมูลจาก :
กระทรวงสาธารณสุข, สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค, สสส.