XCL ASB Sukhumvit มอบทุนมูลค่ารวม 6 ล้านบาท สำหรับเกรด 6-11 เฉพาะปีการศึกษา 2025-2026 นี้

คุณพ่อคุณแม่คนไหนกำลังมองหาโรงเรียนนานาชาติให้ลูก ขอแนะนำ XCL ASB Sukhumvit ค่ะ และตอนนี้มีโปรเจ็คมอบทุนมูลค่ารวม 6 ล้านบาท สำหรับนักเรียนเกรด 6-11 ที่มีความเป็นเลิศ ทางด้านวิชาการและความสามารถพิเศษ

XCL American School of Bangkok, Sukhumvit หรือ XCL ASB Sukhumvit โรงเรียนนานาชาติ หลักสูตรอเมริกันที่มุ่งเน้นอนาคต ตั้งอยู่ใจกลางสุขุมวิท พร้อมเปิดรับสมัครทุนการศึกษาสูงสุด 50% มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท สำหรับนักเรียนเข้าใหม่ในระดับเกรด 6-11 ที่มีเกรดเฉลี่ยมากกว่า 3.00 และมีประสบการณ์การเรียนรู้ในโรงเรียนนานาชาติ

สมัครทุนการศึกษาได้แล้ววันนี้: https://bit.ly/4k4SiBR

ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีแห่งความไว้วางใจตั้งแต่ปี 1983 ทางโรงเรียน XCL American School of Bangkok, Sukhumvit ได้เป็นศูนย์กลางแห่งความเป็นเลิศทางการศึกษาและนวัตกรรม มุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรอเมริกัน ที่เตรียมนักเรียนทุกคนให้พร้อมสำหรับโลกแห่งอนาคต ตั้งแต่ระดับ Pre-Kindergarten จนถึง High School จากกว่า 40 สัญชาติทั่วโลก

โดย XCL ASB Sukhumvit ให้ความสำคัญกับการพัฒนานักเรียนอย่างรอบด้าน ผ่านหลักสูตรที่เข้มข้น ยึดตามมาตรฐาน Common Core State Standards (CCSS) และการรับรองระดับสากลอื่น ๆ อีกมากมาย พร้อมสอดแทรกแนวทางการเรียนรู้ต่าง ๆ เช่น Project-based Learning, Social-Emotional Learning, โปรแกรม Advanced Placement (AP) เพื่อให้นักเรียนทุกคนเกิดทักษะและความเป็นเลิศที่รอบด้านยิ่งขึ้น

ในปีการศึกษา 2025-2026 ทางโรงเรียน XCL ASB Sukhumvit ได้จัดสรรทุนการศึกษาสูงสุด 50% มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนนักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น

ทุนความเป็นเลิศทางด้านวิชาการ (Academic Excellence Scholarship) มอบให้แก่นักเรียนที่มีความโดดเด่นทางวิชาการ มุ่งมั่นในการเรียนรู้และการพัฒนาตนเอง โดยทุนนี้ช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการคิดเชิงวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และความเป็นพลเมืองโลกที่มีคุณภาพ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

คุณสมบัติผู้สมัคร:

✅ เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ขั้นต่ำ 3.0 ขึ้นไป

✅ มีรางวัลทางวิชาการ เช่น เกียรติบัตร ผลงานวิจัย หรือถ้วยรางวัลทางวิชาการ

✅ จดหมายแนะนำจากคุณครูและผู้ทรงคุณวุฒิในด้านที่เกี่ยวข้อง

✅ เรียงความแสดงเป้าหมายและแนวทางในการพัฒนาตนเอง

✅ ประสบการณ์เข้าร่วมกิจกรรมทางวิชาการ

สมัครทุนการศึกษาได้แล้ววันนี้: https://bit.ly/4k4SiBR

ทุนความสามารถพิเศษ (Outstanding Talent Scholarship) มอบให้แก่นักเรียนที่มีความสามารถโดดเด่นในด้านศิลปะ กีฬา ดนตรี ภาวะผู้นำ และอื่น ๆ สมดุลด้วยทักษะทางด้านวิชาการ และมีศักยภาพในด้านการเป็นผู้นำ รวมถึงการสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสังคมรอบข้างต่อไปในอนาคต

คุณสมบัติผู้สมัคร:

✅ เกรดเฉลี่ยสะสม (GPA) ขั้นต่ำ 3.0 ขึ้นไป

✅ ผลงานที่ได้รับการยอมรับ เช่น รางวัล การแข่งขัน หรือการแสดงในสาขาที่สมัคร

✅ แฟ้มผลงาน (Portfolio) หรือหลักฐานแสดงความสามารถ เช่น งานศิลปะ บันทึกการแสดง หรือโครงการด้านภาวะผู้นำ

✅ มีส่วนร่วมและมีบทบาทสำคัญในกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียน

✅ จดหมายแนะนำจากคุณครูและผู้ทรงคุณวุฒิในด้านที่เกี่ยวข้อง

✅ เรียงความแสดงเป้าหมายและแรงบันดาลใจ

สมัครทุนการศึกษาได้แล้ววันนี้: https://bit.ly/4k4SiBR

ผู้สมัครทุกคนสามารถส่งใบสมัครได้จนถึงวันที่ 7 มีนาคม 2025 โดยผู้ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรกจะได้รับเชิญให้เข้าสัมภาษณ์ และจะประกาศผลผู้ที่ได้รับทุนการศึกษาในเดือน เมษายน 2025

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:

XCL American School of Bangkok, Sukhumvit | ACHIEVE. STRIVE. BELONG.

🌍 Website: https://www.asbsk.ac.th

📱 LINE: @asbsukhumvit

📞 Tel: 064-564-4949, 066-132-3202

Phenomenon Based Learning หลักสูตรฟินแลนด์ ชูศักยภาพเด็ก “เจ้าโปรเจ็ก” ผ่านการลงมือและร่วมมือ

การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ของเด็ก ไม่จำกัดอยู่แค่ในตำราอีกต่อไป เพราะสิ่งสำคัญในการเรียนรู้เพื่อเติบโตในโลก คือ “ความคิดวิเคราะห์และทักษะชีวิต” ซึ่งเราสามารถปลูกฝังและเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ได้แสดงออกทั้งทางความคิด การสื่อสาร และการเปิดรับ นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไม Thai International School นำ Phenomenon Based Learning หลักสูตรจากประเทศฟินแลนด์ ที่มีระบบการศึกษาดีติดอันดับต้น ๆ ของโลกมาปรับให้สอดคล้องกับโรงเรียนและการเรียนรู้ของเด็กไทยได้อย่างลงตัว

ทีมงานรักลูก มีโอกาสได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญหลักสูตร Phenomenon Based Learning ครูผู้สอน และผู้บริหารโรงเรียนถึงที่มาของหลักสูตร ผลสำเร็จของหลักสูตร และความเข้าใจของพ่อแม่ที่มีต่อหลักสูตรนี้ ซึ่งเป็นแนวทางการศึกษาที่น่าสนใจมาก สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาโรงเรียนที่มีหลักสูตรในการเปิดพื้นที่ให้บุตรหลานของท่านได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ในแบบตัวเอง

Dr. Sari Muhonen ผู้เชี่ยวชาญหลักสูตร Phenomenon Based Learning เป็นผู้ที่เข้ามามีส่วนสำคัญในการพัฒนาและปรับใช้หลักสูตรนี้ให้กับคุณครู โดย Dr. Sari ให้มุมมองไว้อย่างน่าสนใจค่ะ

Phenomenon Based Learning มีหลากหลายวิธี ซึ่งสิ่งสำคัญคือ ครูจะต้องเข้าใจคอนเซปต์ให้ได้ก่อน นั่นคือ เด็ก ๆ จะต้องตั้งตัวเป็นเจ้าของโครงการ (Project) ได้ด้วยตัวเอง และมีส่วนร่วมในการเรียนรู้อย่างเต็มที่ (Engagement) ซึ่งในระหว่างนั้นก็จะเกิดสิ่งที่เรียกว่า ความร่วมมือ(Collaboration) การคิดวิเคราะห์(Critical Thinking) ความคิดสร้างสรรค์(Creativity) และการใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสม 

ความร่วมมือถือว่าสำคัญมากสำหรับการเรียนรู้นี้ (Collaboration) เมื่อเด็ก ๆ ตั้งโจทย์ขึ้นมา (Phenomenon) จะมีคำถามเกิดขึ้นระหว่างกัน ทำไม อะไร อย่างไร เธอสงสัยเหมือนกันไหม งั้นมาหาคำตอบกัน ความร่วมมือจึงเกิดขึ้นและนำไปสู่การเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ความสนุกและความสนใจที่จะค้นหาคำตอบ

จากประสบการณ์ที่ผ่านมากพบว่า เมื่อเราวางโครงสร้างและกรอบการเรียนรู้ให้กับครูได้ชัดเจนแล้ว ก็จะนำไปสู่การปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศ และวิธีการเรียนรู้ของเด็กแต่ละคนที่จะไม่เหมือนกัน จึงเป็นเรื่องที่ท้าทายและสนุกมากว่า ครูและนักเรียนจะสร้างโจทย์แบบไหนขึ้นมาก็ได้ มีความยืดหยุ่นมากพอที่เด็กจะสนใจอยากลงมือทำ และเห็นความเชื่อมโยงของทุกวิชาว่า สามารถนำไปสู่คำตอบและการเรียนรู้เรื่องเดียวกันได้ โดยไม่ต้องท่องตำราและเน้นเรื่องความเข้าใจเป็นสำคัญ

Dr. Sari เป็นผู้นำอบรมและร่วมพัฒนาหลักสูตร Phenomenon ในปี 2022 นับว่าเป็นปีที่ 3 แล้วที่เห็นได้ชัดว่า การเรียนรู้แบบที่เด็กสามารถออกแบบการเรียนรู้ของตัวเองได้ สามารถดึงศักยภาพของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ เด็ก ๆ จะมีความสุขและสนุกในการทำงาน

Mr. Gerald E. Schoen อาจารย์ใหญ่ของ Thai International School เป็นหนึ่งในผู้เข้ารับการอบรมของหลักสูตร Phenomenon Based Learning และเห็นถึงประโยชน์ที่มุ่งเน้นไปที่ตัวเด็กเป็นสำคัญ

การเรียนรู้โครงสร้าง (Structure) และ แนวทาง (Wireframe) จาก Dr. Sari ถือได้ว่าเป็นการปูพื้นฐานที่แข็งแรงให้ครู เพื่อนำไปปรับใช้ให้เหมาะสม โดยเฉพาะการเรียนรู้แบบ Hands-on ที่จะต้องเปิดโอกาสให้เด็กได้ลงมือทำร่วมกัน

ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ใช้ Phenomenon Based Learning พบว่าเด็ก ๆ ตื่นตัวมาก และได้สื่อสารความสำเร็จของเด็ก ๆ ผ่านจดหมายข่าวรายสัปดาห์ไปถึงผู้ปกครอง เพื่อให้ทราบว่าตอนนี้เด็ก ๆ เรียนรู้อะไร แบบไหน แล้วได้ผลสำเร็จอะไร ซึ่งไม่ใช่แค่ทำให้พ่อแม่เห็นศักยภาพในตัวลูกเท่านั้น แต่ยังเป็นการสื่อสารแนวคิดของหลักสูตรนี้มากขึ้นด้วย

โรงเรียนมีเป้าหมายว่า หลักสูตรนี้จะทำให้เด็ก ๆ เติบโตอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ รู้จักคิดเชิงวิเคราะห์ และสามารถปรับใช้สิ่งที่เรียนรู้ไปใช้ในชีวิตจริงได้ในหลาย ๆ สถานการณ์

Mr. Maksymilian Alan Crawford รองอาจารย์ใหญ่ และเป็นหนึ่งในครูที่มีการปรับใช้ Phenomenon Based Learning ในการเรียนของเด็กๆ กล่าวถึงผลสำเร็จของการเรียนรู้ที่เห็นผลได้อย่างชัดเจนถึงระดับชุมชน (Community) ที่ทุกคนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง

การเรียนของเด็กเริ่มต้นจากการเปิดโอกาสให้เขาได้คิด และตั้งโจทย์ในเรื่องที่มีความสนใจ จากนั้นครูจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำ ชักชวนให้ตั้งคำถามและหาวิธีให้ได้คำตอบเพื่อนำมาเสนอ กระบวนการทำงานเป็นโครงการ (Project) เทอมละ 1 โครงการ เพื่อให้เด็กมีเวลาเรียนรู้อย่างเต็มที่จากทุกวิชา เพื่อนำมาประกอบกันเป็นองค์ความรู้ในการหาคำตอบและผลการทำงานตามโครงการที่ตั้งขึ้น ทั้งนี้ทางโรงเรียนได้จัดเวทีในการนำเสนอผลงานของนักเรียน ในชื่อ Phenomenon Based Learning Fair พร้อมเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมชมการแสดงศักยภาพของเด็ก ๆ ตามกำหนดแผนงานด้วย

ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ปกครองเข้าใจว่า ลูกยังเล็กมากคงไม่สามารถตั้งโจทย์หรือสร้างโปรเจ็คของตัวเองได้ แต่จริง ๆ แล้วเด็ก ๆ ทำได้ดีกว่านั้นมาก แต่อาจจะเป็นเพราะความห่วง เราจึงประเมินความสามารถของเขาน้อยไป เพราะจริง ๆ แล้ว ความคิดสร้างสรรค์ การตั้งคำถามของเขาไปไกลและเก่งกว่าที่ผู้ปกครองคิด จึงเป็นที่มาว่าทำไมงานแฟร์ถึงสำคัญ เพราะเป็นโอกาสที่พี่อแม่จะได้เข้าใจทั้งหลักสูตรและเห็นการเติบโตที่น่าทึ่งของเด็ก ๆ นั่นเอง

คุณชยพล หลีระพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียน เป็นผู้ริเริ่มนำหลักสูตร Phenomenon Based Learning เข้ามาปรับใช้ในโรงเรียน โดยเล็งเห็นถึงประโยชน์และผลลัพธ์ของการเรียนรู้ที่จะสร้างคนคุณภาพในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีระบบและผลการศึกษาติดอันดับต้น ๆ ของโลก และเด็ก ๆ มีความสุขกับการเรียนมาก จึงเป็นที่มาว่า เด็กควรได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตัวเองมีความสนใจและเสริมด้วยทักษะอื่น ๆ เข้าไป การเรียนรู้ต้องไม่ทำให้เด็กเบื่อและท้อ แต่ต้องทำให้เขาตื่นตัวตลอดเวลาเพราะเขาได้ลงมือทำด้วยตัวเอง

สิ่งที่น่าสนใจของ Phenomenon Based Learning คือ เด็ก ๆ จะเห็นภาพรวมของการเรียนรู้ว่าทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันหมดจนเกิดเป็นการเรียนรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งขึ้นมา เช่น มีโจทย์เรื่องแมว เด็กแต่ละคนก็จะหามุมของแมวมาเป็นโจทย์ในการศึกษา ได้แก่ ขนแมว ลิ้นแมว เท้าแมว และแต่ละวิชาในช่วงนั้นจะต้องสอนเรื่องที่เชื่อมโยงกับแมว เช่น ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ ศิลปะ เป็นต้น เมื่อเรียนรู้ร่วมกันก็จะเห็นว่าทุกอย่างคือเรื่องเดียวกัน คุณครูก็จะเป็นผู้แนะนำและกระตุ้นให้เด็กตั้งคำถาม ค้นหาคำตอบ แล้วนำมาเรียบเรียง เสนอแนวคิด และสรุปการทำงานด้วยตัวเอง

การใช้เทคโนโลยีกับ Phenomenon Based Learning จึงยังจำเป็น แต่ก็ต้องมีการจำกัดการใช้งานที่ชัดเจน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ใช้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่สิ่งสำคัญคือ เขาต้องไปลงมือทำ ทดลอง ทดสอบ แล้วเห็นผลด้วยตัวเอง เมื่อการเรียนรู้เกิดขึ้นก็จะกลายเป็นการสื่อสาร ซึ่งเด็กๆ จะมีเรื่องเล่ามากมายไปเล่าให้เพื่อนฟัง เล่าให้ผู้ปกครองฟังว่าในแต่ละวันได้เรียนรู้อะไร โปรเจ็กของเรามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผู้ปกครองเองก็จะเห็นการเติบโตทางความคิดของลูกชัดเจนมาก โดยพ่อแม่เองก็มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ของเขาด้วย เช่น รับฟังในสิ่งที่เขาคิด ช่วยแนะแนวทาง ช่วยหาอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ลูกได้ลงมือทำได้อย่างเด็กที่

Phenomenon Based Learning ของ Thai International School ถือว่าเป็นหลักสูตรการเรียนที่น่าสนใจมาก โดยเฉพาะในปัจจุบันที่โลกขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ การหลุดออกจากกรอบเดิม ๆ ด้วยการสร้างคุณค่าใหม่ ๆ ขึ้นมา ดังนั้น Life Skills จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เด็กจำเป็นต้องมีติดตัวไว้ เพื่อนำไปปรับใช้กับทุก ๆ สถานการณ์และการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่งค่ะ

ติดตามหลักสูตร Phenomenon Based Learning ได้ที่

https://www.facebook.com/Thaiinternationalschool

(พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์)

เรียนต่อที่ออสเตรเลีย ได้ทั้งความรู้และประการณ์ชีวิต Australian Boarding and Day Schools Fair

คุณพ่อคุณแม่ที่อยากส่งลูกไปเรียนต่อระดับมัธยมที่ประเทศออสเตรเลีย พลาดไม่ได้กับงาน Australian Boarding and Day Schools Fair 2023 ค่ะ เตรียมพบกับ 16 โรงเรียนมัธยมชั้นนำจากประเทศออสเตรเลีย แนะนำให้ลงทะเบียนล่วงหน้าเพื่อให้ทางสถาบันได้เตรียมข้อมูลให้เหมาะสมกับความต้องการของแต่ละครอบครัวค่ะ

การเรียนเลือกส่งลูกไปเรียนต่อต่างประเทศ หรือ จะให้เรียนนานาชาติในประเทศไทยดี ปัจจุบันนี้มีตัวเลือกโรงเรียนมากมายให้ผู้ปกครองเลือกโรงเรียนที่ดีที่สุดให้กับลูก ด้วยจำนวนโรงเรียนนานาชาติให้ประเทศมีมากขึ้น และโอกาสในการไปเรียนต่อระดับมัธยมในต่างประเทศก็ทำให้ได้ประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับลูก

การเรียนต่อที่ออสเตรเลีย เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของคุณพ่อคุณแม่เลยค่ะ แต่ก็อาจจะกังวลว่า การเรียนที่ออสเตรเลียดีจริงไหม ถ้าเทียบกับการเรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศ ลองมาเปรียบเทียบ 4 ประเด็นสำคัญกันค่ะ ซึ่งจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ด้านการเรียนวิชาการ

โรงเรียนนานาชาติเรียนหลักสูตรต่างชาติอย่าง หลักสูตร IB หรือหลักสูตรของประเทศออสเตรเลีย สหราชอาณาจักรหรือสหรัฐอเมริกา ซึ่งแต่ละโรงเรียนก็จะมีหลักสูตรเพื่อเรียนต่อในแต่ละประเทศ สำหรับโรงเรียนที่ออสเตรเลีย ผู้ปกครองสามารถมั่นใจได้ว่าลูก ๆ จะได้รับการเรียนจากครูที่มีคุณภาพและเชี่ยวชาญในวิชาที่ตัวเองสอน โดยนักเรียนไทยที่เรียนในออสเตรเลียสามารถเลือกระหว่างเรียนโรงเรียนมัธยมปลายในประเทศกับหลักสูตร IB โปรแกรมเหล่านี้เป็นที่ยอมรับทั่วโลกและทำให้นักเรียนสามารถเลือกเรียนต่อระดับมหาลัยได้ทั่วโลก

สังคมในโรงเรียนออสเตรเลีย

โรงเรียนนานาชาติในประเทศไทยหลายแห่งมีจำนวนนักเรียนไทยมาก ซึ่งทำให้โอกาสที่จะได้รับประสบการณ์แบบนานาชาติลดน้อยลง นักเรียนในออสเตรเลียมาจากหลายหลายพื้นเพ ซึ่งมีความหลากหลายทางประสบการณ์และวัฒนธรรม โรงเรียนในออสเตรเลียมีนักเรียนมาจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้ลูกได้พบเจอกับความหลากหลายในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษอย่างแท้จริง

นักเรียนที่เรียนโรงเรียนนานาชาติในประเทศจะกลับบ้านไปหาครอบครัวหลังโรงเรียนเลิกเรียน ซึ่งทำให้ส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมที่พวกเขาเติบโตขึ้น แม้ว่าการเรียนจะสอนด้วยภาษาต่างประเทศ พวกเขาก็จะกลับไปสู่สภาพแวดล้อมในการใช้ภาษาไทย

ค่าใช้จ่ายโรงเรียนออสเตรเลีย

โรงเรียนนานาชาติดัง ๆ หลายแห่งในประเทศไทยเก็บเงินค่าเล่าเรียนที่เท่ากันหรือสูงกว่าค่าเล่าเรียนในโรงเรียนเอกชนในออสเตรเลีย มีโรงเรียนออสเตรเลียที่รับนักเรียนต่างชาติ โดยค่าเล่าเรียนเริ่มต้นตั้งแต่ 17,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ดังนั้นจะมีโรงเรียนในออสเตรเลียที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการของลูกอย่างแน่นอน

วัฒนธรรมและอิสระในการใช้ชีวิต

การเข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติในประเทศ นักเรียนยังคงได้รับความสบายจากบ้านและไม่ค่อยจำเป็นที่จะมีอิสระในการใช้ชีวิต หากคุณต้องการช่วยให้ลูกพัฒนาทักษะในการใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเองและมีความยืดหยุ่น การเรียนต่อต่างประเทศจะช่วยส่งเสริมทักษะเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี

นักเรียนที่เรียนที่ออสเตรเลียเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่นและวัฒนธรรมอื่น ๆ  ที่อยู่ในสังคมอันหลากหลาย โรงเรียนจะช่วยพัฒนาความเชื่อมั่นและส่งเสริมการเติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ การเรียนระดับมัธยมในต่างประเทศยังช่วยให้นักเรียนที่ต้องการศึกษาต่อต่างประเทศมีข้อได้เปรียบเวลาไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำ

โรงเรียนในออสเตรเลียไม่ได้มุ่งเน้นผลงานทางด้านวิชาการเท่านั้น เเต่ตั้งเป้าหมายเพื่อพัฒนาตัวนักเรียนโดยเป็นหลัก โรงเรียนจะส่งเสริมให้นักเรียนได้ค้นหาตัวตนจากสิ่งที่ชอบทั้งในเเละนอกห้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นด้านกีฬา ดนตรี การแสดง กิจกรรมนอกห้องเรียน เเละ การช่วยเหลือสังคม ความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียนเป็นสิ่งที่จะทำให้นักเรียนสำเร็จในด้านวิชาการได้ 

เนื่องจากผู้ปกครองก็เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาของนักเรียน โรงเรียนที่มีคุณภาพในออสเตรเลียจะให้ความสำคัญกับการสื่อสารระหว่างโรงเรียนเเละผู้ปกครองเพื่ออัปเดตพัฒนาการของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง

การศึกษาในโรงเรียนออสเตรเลียจะมีการให้นักเรียนใช้ความคิดเชิงวิเคราะห์ โดยฝึกให้เเสดงความคิดเห็น เเละ มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ต่าง ๆ ผ่านการเเลกเปลี่ยนความเห็น พูดคุยกับเพื่อน ๆ ครู เเละ ผู้ดูเเลในโรงเรียน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาทักษะในการเรียนรู้ของนักเรียน คอยช่วยเหลือให้นักเรียนมีทักษะในการเเก้ไขปัญหา ที่ทำให้เกิดความมั่นใจในความสำเร็จยิ่งขึ้นไป

หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาทักษะและประสบการณ์เหล่านี้ให้กับลูก ๆ อยู่ มาสานต่อโอกาสให้ลูกได้ไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียกันก็น่าสนใจมากเลยค่ะ

สนใจร่วมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่จากโรงเรียนที่บินตรงมาจากออสเตรเลีย ตอบทุกข้อสงสัย เพื่อวางแผนการศึกษาต่อออสเตรเลียให้กับลูกได้ที่

📌 Australian Boarding & Day Schools Fair 2023

งานนิทรรศการศึกษาต่อระดับมัธยมศึกษาที่ประเทศออสเตรเลีย 2566

📍 โรงเเรม JW Marriot สุขุมวิท ซอย 2 (ใกล้ BTS นานา)

🗓 เสาร์ที่ 23 กันยายน 2566

⏱ เวลา 11.00-16.00 น.

🎟 ลงทะเบียนเข้างานฟรี

📲 https://aeas.me/BKKREGIST2023

.
📄 รายชื่อโรงเรียน/สถาบันที่มาในงาน
https://aeas.me/EVENTBKK2023

.

สอบถามเพิ่มเติมทาง Line Official Account

bit.ly/AEAS-line

เด็ก ๆ คิดถึงโรงเรียนกันแล้วใช่ไหม... เปิดเทอมนี้เรามาโรงเรียน พร้อมเรียนรู้และทำกิจกรรมสนุก ๆ ไปด้วยกัน เด็ก ๆ มาโรงเรียนอย่างมีความสุข เพราะโรงเรียนอนุบาลแสงโสม ประชาชื่น มีมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างดีเยี่ยม อีกทั้งยังคงรักษามารตรฐานการเรียนการสอนไว้อย่างมีคุณภาพ โดย อาจารย์มณฑิรา ทวีสิน ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลแสงโสม จะพาเราไปดูบรรยากาศการเรียนการสอนของเด็ก ๆ กันค่ะ

อนุบาลแสงโสม ประชาชื่น คุณภาพการเรียนดี ความปลอดภัยเยี่ยม ไร้กังวล    

จัดการสอนระบบไฮบริด เพื่อการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องของเด็ก ๆ

คุณครูจะสอนทั้งที่โรงเรียนและสอน online ด้วย สำหรับการเรียน Online เรามีการสอนสดผ่านระบบ Zoom meeting pro plus และการสอนรูปแบบคลิปวิดีโอผ่านระบบ Google classroom ผู้ปกครองที่ไม่ว่างในช่วงที่เราสอนสด ก็สามารถมาเปิดดูคลิปใน Google classroom ซึ่งเป็นเนื้อหาเดียวกันได้ และจากที่ผ่านมาทางโรงเรียนพยายามที่จะปรับตัวและพัฒนารูปแบบการสอนของคุณครูให้เอื้อต่อทุกสถานการณ์ เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนเป็นไปอย่างต่อเนื่องค่ะ

6 มาตรการป้องกันโควิด – 19 เด็ก ๆ ปลอดภัยไร้กังวล มาตรการป้องกันของเราจะให้มีการตรวจ ATK สัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยตรวจทุกคนในโรงเรียน ทั้งบุคลากร นักเรียน รวมถึงผู้ปกครองของนักเรียนด้วย และเรายังมี 6 มาตรการหลักดังนี้ค่ะ

1. สวมหน้ากากอนามัย เราให้บุคลากรและนักเรียนทุกคนสวมหน้ากาก 100% ตลอดเวลาที่อยู่ในสถานศึกษา
2. ล้างมือบ่อย ๆ เราเน้นให้นักเรียนล้างมือด้วยสบู่ หลังทำกิจกรรมต่างๆ ล้างมือก่อนรับประทานอาหารกลางวัน และล้างเจลแอลกอฮอล์อย่างน้อย 5 ครั้งต่อวัน
3. รักษาระยะห่างของบุคคล โดยเราจัดโต๊ะนักเรียนให้ห่างกัน 1-1.5 เมตร พร้อมจัดทำฉากกั้น
4. คัดกรองวัดอุณหภูมิ เราคัดกรองทุกคนก่อนเข้าสถานศึกษา
5. ลดการรวมกันของคนหมู่มาก ซึ่งโรงเรียนจะจัดให้นักเรียนลงมาเล่นที่สนามครั้งละ 1 ห้อง ไม่มีการปะปนกันระหว่างห้อง
6. ทำความสะอาด ทางโรงเรียนจัดให้มีการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง เช่น ราวบันได ห้องน้ำ เครื่องเล่นสนาม โดยมีการเช็ดฆ่าเชื้อทุก 2 ชั่วโมง และมีการทำความสะอาดใหญ่ทุกเย็นวันศุกร์ และวันเสาร์ โดยจะเป็นการฆ่าเชื้อระดับโรงพยาบาล

มุ่งมั่น รักษามาตรฐานการเรียนและบุคลากรอยู่เสมอ

ทางโรงเรียนของเรามีการรักษามาตรฐาน และมีการพัฒนาหลักสูตร บุคลากร สถานที่ ตลอดเรื่อยมา โดยยึดตามเอกลักษณ์ของเรา “ลูกน้อยแจ่มใส ได้วิชา” คือเราอยากให้เด็กๆ มาโรงเรียนอย่างมีความสุข โดยมีการจัดกิจกรรมที่สนุกๆ ไว้ให้นักเรียน เช่น การวิ่งเล่นกลางแจ้ง การวิ่งเล่นสนามหญ้า สัมผัสธรรมชาติ การเล่นห้องนุ่มนิ่ม หรือการเรียนดนตรี เป็นต้น นอกจากนี้ เรายังพัฒนาหลักสูตรการเรียนให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เช่น มีการสอนภาษาจีนโดยเหล่าซือให้กับนักเรียนทุกคน มีการสอนวิชาต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ โดยครูต่างชาติ เช่น คณิตศาสตร์ การทดลองวิทยาศาสตร์ พละศึกษา ศิลปะ และ Conversation เป็นต้น

พัฒนาหลักสูตร IEP อย่างต่อเนื่อง

ในปัจจุบันภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่จะทำให้เราเข้าถึงความรู้และเทคโนโลยีต่างๆ ได้ รวมถึงผลการวิจัยที่ว่า เด็กจะสามารถเรียนรู้ภาษาที่สองได้อย่างดีโดยการใช้ในชีวิตประจำวัน ทางโรงเรียนจึงเปิดโปรแกรม IEP ขึ้น ซึ่งมี Native English Teacher เป็นครูประจำชั้นคู่กับครูคนไทย โดยสอนเป็นภาษาอังกฤษ 70% และสอนภาษาไทยโดยครูไทย 30% ดังนั้นนักเรียนของเราจะได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่เข้มแข็งค่ะ และจากการเรียนที่ผ่านมา นักเรียนชั้นอนุบาล 3 ของเราสามารถถามตอบกับ Teacher ได้เป็นอย่างดี สื่อสารได้คล่องแคล่วง แม้แต่ตัว Teacher ยังชมว่าเด็กๆ เรียนรู้ได้เร็วมาก และเด็กๆ มีความชื่นชอบมากในการเรียนภาษาอังกฤษ สนุกสนานมากค่ะ

มั่นใจได้ ในมาตรฐานการเรียน และความปลอดภัย

เป็นที่ทราบกันดีว่าจากสถานการณ์ที่ผ่านมา เราผ่านศึกหนักมาแล้ว ดังนั้นถ้าเกิดเหตุการแบบเดิมอีก โรงเรียนของเราก็สามารถที่จะปรับตัวเพื่อที่จะจัดการศึกษาให้เอื้อกับทุกสถานการณ์ เพื่อให้การศึกษาของเด็กๆ เป็นไปอย่างต่อเนื่องได้ และหากในอนาคตเกิดเหตุการแพร่ระบาดโควิด – 19 อย่างที่ผ่านมาอีก ทางโรงเรียนมีความมั่นใจว่าเรามีมาตรการรองรับที่จะจัดการศึกษาให้นักเรียนได้ในทุกสถานการณ์ เพื่อให้นักเรียนมีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ท่านผู้ปกครองสามารถวางใจในมาตรฐานของโรงเรียนทั้งทางวิชาการและความปลอดภัยได้ค่ะ

โรงเรียนแสงโสม ประชาชื่น

6 ซอย ประชาชื่น 32 แขวง วงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร 10800

• ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติม 02-5856433, 02-5855316
• https://www.facebook.com/SangsomkindergartenSchool 
• http://kindergartensammakorn.sangsomschool.com/

(พื้นที่เพื่อการโฆษณาและประชาสัมพันธ์)