นมแม่นั้นดีที่สุด องค์การอนามัยโลก (WHO) และกรมอนามัยแนะนำว่า เด็กทารกตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือนควรได้กินนมแม่อย่างเดียว จากนั้นให้กินนมแม่ควบคู่อาหารตามวัยจนถึงอายุ 2 ปีหรือนานกว่านั้น
โดยเฉพาะช่วง 3 วันแรกหลังคลอด น้ำนมแม่จะมีสารอาหารที่มีคุณค่าสูงสุด เรียกว่า “น้ำนมเหลือง” เป็นน้ำนมที่ร่างกายผลิตขึ้นในช่วง 1 - 3 วันแรกหลังคลอด เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย มีสารอาหารสำคัญจำนวนมาก อาทิเช่น “แลคโตเฟอร์ริน” ที่พิสูจน์แล้วว่า ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วยต่าง ๆ
เป็นที่รู้กันดีกว่านมแม่นั้นอุดมด้วยสารอาหารหลายร้อยชนิด ซึ่งครบถ้วนและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่ครบรอบด้านของลูกน้อย ไม่ว่าจะพัฒนาการสมอง ภูมิคุ้มกัน หรือระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุนี้แพทย์และผู้เชี่ยวชาญหลาย ๆ คนจึงแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 วันแรกที่ร่างกายแม่ผลิต “น้ำนมเหลือง” ซึ่งถือเป็นน้ำนมแม่ส่วนที่ดีที่สุด มีภูมิคุ้มกันสูง เปรียบเสมือนวัคซีนธรรมชาติจากอกแม่สู่ลูกน้อย
น้ำนมเหลือง หรือที่เรียกว่าโคลอสตรุ้ม (Colostrum) เป็นหัวน้ำนมที่ร่างกายแม่ผลิตออกมาในช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอดเท่านั้น มีลักษณะข้นและเป็นสีเหลืองเข้ม มีปริมาณไม่มาก แต่มีคุณภาพสูงสุด ถ้าผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้วน้ำนมจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีขาว ดังนั้นคุณแม่ควรให้ลูกเข้าเต้าตั้งแต่แรกเกิด เพื่อไม่ให้ลูกพลาดโอกาสได้รับน้ำนมเหลือง ซึ่งจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายตั้งแต่แรกคลอด
ในน้ำนมเหลือง ประกอบไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นมากมาย อย่างเช่น แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) เซลล์เม็ดเลือดขาว และแอนติบอดีจำนวนมาก ทำให้น้ำนมแม่ในช่วงนี้มีภูมิคุ้มกันสูง เปรียบได้ดั่ง “วัคซีนธรรมชาติ” จากอกแม่ที่เด็กทุกคนไม่ควรพลาด นอกจากนี้ในน้ำนมเหลืองยังมีสารอาหารสำคัญอย่าง MFGM, DHA, วิตามินและเกลือแร่หลากหลายชนิดที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง รวมถึงพัฒนาการด้านอื่น ๆ ของลูกน้อยอย่างครบรอบด้าน
แลคโตเฟอร์ริน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในนมแม่ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 15-20% ของโปรตีนทั้งหมดในนมแม่ โดยแลคโตเฟอร์รินจะมีปริมาณสูงที่สุดในระยะน้ำนมเหลือง และถือเป็นสารอาหารสำคัญที่ลูกควรได้รับ
มีงานวิจัยพิสูจน์แล้วว่า แลคโตเฟอร์รินช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย โดยแลคโตเฟอร์รินนั้นสามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดโอกาสการติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ยังส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร ด้วยการเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์สุขภาพ และทำให้ผนังลำไส้แข็งแรง ลดโอกาสการเกิดท้องเสียและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กผ่าคลอดที่อาจมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ มีโอกาสเป็นโรคหรือเจ็บป่วยได้มากกว่าเด็กที่คลอดธรรมชาติ เนื่องจากไม่ได้รับจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในช่องคลอดแม่ การได้รับแลคโตเฟอร์รินจากน้ำนมเหลืองก็สามารถช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กผ่าคลอดได้
นอกจากนี้น้ำนมเหลืองยังมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการรอบด้านให้ลูกน้อยอีกมากมาย เช่น
อยากให้ลูกมีภูมิคุ้มกันดี ไม่ป่วยบ่อย ต้องเริ่มที่วัคซีนธรรมชาติจากอกแม่ คุณแม่ควรให้ลูกกินนมแม่โดยเฉพาะน้ำนมเหลืองทันทีตั้งแต่แรกคลอด ในกรณีที่คุณแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางแก้ไข หรือแนะนำนมสูตรที่เสริมสารอาหารที่พบในน้ำนมเหลือง ได้แก่ แลคโตเฟอร์ริน, MFGM และ DHA เป็นต้น และแม้ลูกจะอายุเกิน 6 เดือนขึ้นไปแล้ว การได้รับสารอาหารที่พบได้ในน้ำนมเหลืองนั้น ก็ยังคงส่งผลดีต่อภูมิคุ้มกันของลูกในระยะยาว โดยจะเป็นพื้นฐานสำคัญให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีกว่าในอนาคต
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำนมเหลืองที่มี “แลคโตเฟอร์ริน” ได้ที่ https://bit.ly/4343rJH
#น้ำนมเหลืองสุดยอดนมแม่ #แลคโตเฟอร์รินจากน้ำนมเหลือง #วัคซีนธรรมชาติจากอกแม่ #พิสูจน์แล้วว่าเสริมภูมิคุ้มกัน #ลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย