เด็กไม่กินผัก ลูกไม่กินผักเป็นปัญหาหนักใจของพ่อแม่หลายๆ คน ลูกไม่กินผักพอเห็นผักในจานข้าวทีไรก็เขี่ยทิ้งทุกที
หรือแค่ได้รสผักในปากนิดหน่อยก็คายข้าวทิ้งทันที บ้านไหนมีลูกไม่กินผักและอยากได้เทคนิคฝึกลูกกินผักแบบไม่ยัดเยียดและบังคับ
วันนี้เรามีเคล็ดลับฝึกลูกกินผักมาฝากกันแล้วค่ะ

ทำไมลูกไม่กินผัก
ก่อนที่จะลูกไม่กินผักให้กลับมากินผักได้เก่ง เราจะต้องรู้กันก่อนว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ลูกไม่กินผัก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจาก
-
-
- ลูกไม่กินผักเพราะโดนบังคับให้กินผักทั้งที่ยังไม่พร้อม ในช่วงแรกของการกินผัก เด็กๆ ส่วนใหญ่จะไม่คุ้นกับสีกับหน้าตาของผัก ดังนั้นพอแม่ให้กินก็จะรู้สึกเหมือนโดนบังคับให้กินของแปลกๆ และไม่ชอบจนเกิดการต่อต้าน
- ลูกไม่กินผักเพราะยังชินกับอาหารอ่อน เด็กในวัย 1-3 ปียังชินกับอาหารอ่อนๆ เคี้ยวง่าย แต่พอเจอผักที่เคี้ยวยากก็เลยไม่อยากเคี้ยว และผักจะมีกากใยที่เมื่อเคี้ยวแล้วจะรู้สึกสากลิ้น ไม่ค่อยคอ จึงทำให้ลูกไม่กินผักอีก
- ลูกไม่กินผักเพราะไม่ชอบสีเขียวและกลิ่นเหม็น เด็กบางคนพอเห็นผักสีเขียวๆ เข้มๆ ก็จะรู้สึกว่าไม่ใช่อาหาร ไม่อยากกิน หรือเคยกินแล้วแต่บังเอิญไปเจอผักที่มีกลิ่นเหม็นเขียว รสขมๆ เลยทำให้ฝังใจและไม่ชอบกินผัก
- ลูกไม่กินผักเพราะคนในครอบครัวไม่มีใครกินให้ดู เด็กๆ ในวัยเลียนแบบจะมองว่าผู้ใหญ่ทำอะไรก็มักจะทำตาม ดังนั้นถ้าตอนกินข้าว พ่อแม่หรือพี่ๆ ไม่กินผักให้ดูให้เห็นบ่อยๆ เด็กก็จะรู้สึกกว่าไม่จำเป็นต้องกินผัก
เทคนิคฝึกลูกกินผัก ปราบลูกไม่กินผัก
-
-
- ฝึกลูกกินผักด้วยการเปลี่ยนการบังคับมาเป็นชักชวนลูกกินผัก แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อให้เขาพร้อมที่จะค่อยๆ กินผักได้เอง ถึงแรกๆ จะกินได้น้อยแล้วยังเขี่ยผักที่เหลือออกจากจาน คายทิ้ง แต่เขาก็ยังได้ลองกินนะคะ
- ฝึกลูกกินผักด้วยการทำเมนูให้แปลกตา เช่น ซอยผักหรือหั่นเต๋าชิ้นเล็กๆ ทำอาหาร เช่น ผัดใส่ข้าว ใส่ไข่เจียว ผสมกับหมูบดทอด ชุบแป้งทอดจิ้มซอสมะเขือเทศ ลูกก็จะกินผักได้ง่ายขึ้น
- ฝึกลูกกินผักด้วยการปรุงรสให้ถูกปากลูกที่สุด เมนูผักของลูกเราต้องปรุงให้กลมกล่อมถูกปากลูกเอาไว้ก่อน ไว้ลูกโตอีกสักนิดค่อยเปลี่ยนรสให้เข้มขึ้นเหมือนเมนูผู้ใหญ่หรือมีรสเดียวกับพ่อแม่
- ฝึกลูกกินผักด้วยการใช้บรรยากาศจูงใจ เช่น ใช้จานและช้อนลายน่ารักๆ หรือ เปิดการ์ตูนที่เกี่ยวกับการกินผักให้ลูกดูว่ากินผักแล้วจะแข็งแรงเหมือนในการ์ตูน ลูกก็จะอยากกินผักตาม
- ฝึกลูกกินผักด้วยการให้ลูกมีส่วนช่วยทำกับข้าว ลองชวนลูกมาทำกับข้าวด้วยกัน เช่น ให้ลูกช่วยล้างผัก หรือจับมือลูกสอนหั่นผักเป็นชิ้นเล็กๆ ด้วยกัน ให้ลูกได้เป็นคนใส่ผักลงหม้อหรือกระทะปรุงอาหารเอง เมื่อถึงเวลากินข้าวลูกจะรู้สึกภูมิใจที่เป็นคนได้ทำอาหารและจะรู้สึกอยากกิน โดยพ่อแม่ต้องให้กำลังใจด้วยการชื่นชม เช่น บอกว่าลูกเก่งช่วยทำกับข้าวแล้วให้มาลองชิมฝีมือลูกด้วยกัน เป็นต้น
- ฝึกลูกกินผักด้วยการให้พ่อแม่กินผักให้ดู ลูกไม่กินผักเพราะพ่อแม่ไม่กินให้ดูเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ดังนั้นถ้าอยากให้ลูกเห็นว่ากินผักแล้วดี พ่อแม่ต้องกินผักให้ลูกดูทุกๆ มื้อ หรือสอนลูกกินผัก เช่น ระหว่างกินผักให้ลูกเห็นอาจจะบอกลูกกว่าถ้ากินผักเหมือนคุณพ่อลูกก็จะแข็งแรงเหมือนคุณพ่อ ถ้าอยากผิวสวยเหมือนคุณแม่ต้องกินผักแบบคุณแม่ การกินผักเป็นตัวอย่างเช่นนี้จะทำให้ลูกค่อยๆ รับรู้ว่าผักมีประโยชน์ และเปิดใจยอมรับที่จะกินผักและทำตามได้ไม่ยาก
- วิตามินเสริมก็ช่วยได้ ถ้าลูกเรากำลังค่อยๆ เริ่มทานผักและผลไม้ขึ้นแล้ว แต่ยังดูไม่แข็งแรง ยังขับถ่ายไม่ดี หรือเด็กบางคนต่อต้านการกินผักเราอาจจะต้องให้ลูกได้ทานวิตามินเสริมอาหารช่วยบ้าง เช่น วิตามินเสริมอาหารชนิดรวม และควรเลือกแบบที่มีใยอาหารด้วย เพราะนอกจากร่างกายจะได้รับวิตามินครบถ้วนแล้วยังจะช่วยในการขับถ่ายด้วยค่ะ
พ่อแม่รู้ไว้นะว่าลูกกินผักแล้วท้องไม่ผูก
ผักหรือผลไม้มีวิตามินช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ ที่สำคัญคือใยอาหารจำนวนมากในผักและผลไม้จะช่วยทำให้ระบบขับถ่าย ท้องไม่ผูก อึไม่แข็ง ไม่เป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก และมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย
คุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตว่าเวลาลูกท้องผูก เขาจะไม่สบายตัว ไม่มีสมาธิ ไม่ร่าเริง ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อพัฒนาการ ใยอาหาร กากใย หรือเส้นใยอาหารในผักผลไม้จะช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้ดี เพราะใยอาหาร หรือ Prebiotic ถือว่าเป็นแหล่งอาหารและที่อยู่ของแบคทีเรียที่ดี หรือ Probiotic ซึ่งเจ้าแบคทีเรียตัวนี้ล่ะที่ช่วยปรับสมดุลในลำไส้ กระตุ้นการสร้างภูมิต้านทาน ทำให้ลำไส้แข็งแรงและระบบขับถ่ายดี ร่าเริงและพร้อมเรียนรู้
ลูกไม่กินผักไม่ได้ส่งผลเพียงแต่ร่างกายได้รับวิตามินไม่เพียงพอเท่านั้นนะคะ แต่ยังส่งผลถึงระบบการทำงานของร่างกายด้วย เช่น ระบบขัยถ่ายไม่ดี ท้องผูก ผิวพรรณไม่สดใส สมองไม่สดชื่น ร่างกายขาดภูมิต้านทานโรค ฯลฯ อย่าปล่อยให้ปัญหาลูกไม่กินผักกลายเป็นเรื่องใหญ่นะคะ สอนลูกกินผักตั้งแต่วันนี้เพื่อสุขภาพที่ดีนะคะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก : Nutroplex Club