สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอายุ 9-10 ขวบ มีเรื่องที่ควรรู้ ดังนี้
หากเราพบปัญหาพฤติกรรมของเด็ก 9-10 ขวบ ขอให้ทราบว่าการแก้ปัญหาปลายเหตุเป็นเรื่องๆอาจจะทำได้ยาก เรื่องมักจะง่ายกว่าถ้าเราย้อนไปดูพัฒนาการที่ผ่านมาแล้วแล้วซ่อมแซมหรือเสริมสร้างใหม่ไปทีละขั้น
ขั้นที่ 1 แม่มีอยู่จริงหรือยัง หากแม่หรือพ่อมิได้มีอยู่จริงๆ จะสั่งสอนอะไรมักจะยาก เรื่องจะง่ายกว่าถ้าเรากลับไปเพิ่มเวลาเล่นกับลูกเสียใหม่ หรือแม้กระทั่งเพิ่มกิจกรรมการอ่านนิทานก่อนนอนกันอีกครั้งก็เป็นไปได้ ทั้งนี้เพื่อเพิ่มเวลาที่พ่อแม่ลูกจะใช้ชีวิตด้วยกันและมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกันในยามค่ำคืนก่อนเข้านอน
ขั้นที่ 2 เขาพัฒนาผ่านขั้นตอนการทดสอบกฎหรือกติกามากพอหรือยัง ตอนที่เด็กอายุ 2-3 ขวบอันเป็นวัยที่เขามีพลังมาก เขาจะทดสอบข้อห้ามต่างๆนานาอยู่เสมอหากเราห้ามมากเกินไปเขาจะค้างคา หากเราปล่อยปละละเลยมากเกินไปเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ พัฒนาการที่ไม่เรียบร้อยในเวลานี้จะส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมในวันข้างหน้า ดังนั้นลองย้อนกลับไปเสริมสร้างความสามารถที่จะควบคุมตัวเองให้ทำตามกติกาที่เหมาะสม ไม่มากไปไม่น้อยไป ทำได้โดยหาเวลาไปเล่นหรือไปทำกิจกรรมด้วยกันนอกบ้าน ในสถานที่โล่งกว้างที่เราไม่จำเป็นต้องมีกฎหรือข้อห้ามอะไรมากมายนัก และเปิดโอกาสให้เขาระบายความคับข้องใจไปจนถึงการลองผิดลองถูก ให้เขาได้ทำมากกว่าไม่ได้ทำ
ขั้นที่ 3 เขาได้ทำงานมากพอหรือยัง การทำงานเป็นการใช้นิ้วมือทั้งสิบ และนิ้วมือคือสมองที่สอง การทำงานช่วยให้เด็กพัฒนาวงจรประสาทส่วนควบคุมตัวเองได้มากดังนั้นหากเราพบปัญหาพฤติกรรมเมื่ออายุ 8-9 ขวบ เราควรย้อนกลับไปชวนเขาทำงานบ้าน ใช้หลักการ 4 ขั้นตอนคือ ทำให้ดู จับมือทำ ทำด้วยกัน และปล่อยเขาทำ แล้วชมเชยเมื่อเขาทำสำเร็จ ผลที่ได้คือเขาจะควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น
ว่ากันว่าเด็กสมัยใหม่เข้าสู่วัยทีนเร็วมาก ควรระลึกว่าพฤติกรรมบางประการของเขาเป็นไปตามพัฒนาการของวัยรุ่น คือ
1.ค้นหาอัตลักษณ์ วัยรุ่นเป็นวัยค้นหาอัตลักษณ์ของตนเอง เพื่อเป็นบุคคลใหม่ที่เป็นหนึ่งเดียว เขาพยายามที่จะไม่เหมือนคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป
2.สัมพันธ์คนรัก วัยรุ่นเป็นวัยที่จะสนใจเพศอื่น ตื่นเช้ามาก็ครุ่นคิดถึงคนที่รัก หมดเวลาไปกับการทายความในใจของคู่รัก
3.หาแก๊งเข้าสังกัดและเป็นที่ยอมรับของแก๊ง ตอนประถมเขาไปหาเพื่อนเพื่อเล่นหรือทำงานด้วยกัน แต่พอวัยรุ่นเขาจะไปหาเพื่อนเพื่อทำกิจกรรมที่หลงใหลด้วยกัน ทั้งนี้โดยไม่ฟังคำแนะนำตักเตือนของพ่อแม่
4.กังวลเรื่องสาขาที่จะเรียนและงานที่จะทำในอนาคต
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์
จิตแพทย์และนักเขียน ขวัญใจพ่อแม่ชาวโซเชียล