เตือนพ่อแม่เฝ้าระวังฝีดาษลิงสายพันธุ์ใหม่ เด็กมีโอกาสเสียชีวิตสูง แม่ท้องถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกได้
เตือนพ่อแม่เฝ้าระวังฝีดาษลิงสายพันธุ์ใหม่ เด็กมีโอกาสเสียชีวิตสูง แม่ท้องถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกได้
ฝีดาษลิงหรือ Mpox เริ่มไม่ใช่เรื่องไกลตัวแบบเดิมอีกต่อไปเมื่อเชื้อมีการกลายพันธุ์และสามารถแพร่ระบาดสู่ผู้อื่นได้ง่าย และเด็กที่ป่วยฝีดาษลิงมีโอกาสเสียชีวิตสูง
ฝีดาษลิงมีกี่สายพันธุ์
โรคฝีดาษลิง แบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ คือ เคลด 1 (Clade 1) และเคลด 2 (Clade 2)
ฝีดาษลิง สายพันธุ์ เคลด 1 (Clade 1) เป็นสายพันธุ์ที่มีอาการรุนแรง อัตราการเสียชีวิตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และปัจจุบันมีการกลายพันธุ์มาเป็นเคลด 1บี (Clade 1b) ซึ่งเคลท 1 บี ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว และอันตรายกว่าสายพันธุ์เดิม
ฝีดาษลิง สายพันธุ์ เคลด 2 (Clade 2) อาการไม่รุนแรงนัก แม้มีการระบาดไปกว่า 100 ประเทศ แต่มีอัตราการเสียชีวิตต่ำการระบาดส่วนมากกระจุกตัวในกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ

การแพร่กระจายเชื้อฝีดาษลิง
ฝีดาษลิงทั้งสองสายพันธุ์สามารถติดต่อแพร่เชื้อได้หลายทาง
1. การสัมผัสผิวหนัง ผื่น รอยโรคของผู้ป่วย
2. สัมผัสบริเวณที่ผู้ติดเชื้ออยู่หรือสัมผัส เช่น ที่นอน เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ของใช้ส่วนตัวต่าง ๆ เป็นต้น
3. สารคัดหลั่งของผู้ป่วย เลือด น้ำมูก น้ำลาย ไอ จาม พูดคุย หรือแม้แต่การหายใจใกล้ชิดกัน
4. การติดต่อทางเพศสัมพันธ์
5. ติดต่อจากแม่ตั้งครรภ์สู่ลูกในท้อง
6. การสัมผัสสัตว์ที่มีเชื้อ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่าที่ถูกนำมาเลี้ยงโดยไม่มีการคัดกรองโรค
นั่นหมายความว่าว่าการติดเชื้อสายพันธุ์นี้ง่ายขึ้น และคนที่อยู่บ้านเดียวกันมีโอกาสได้รับเชื้อผ่านการสัมผัสบริเวณผิวหนังหรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยแล้วใช้มือจับใบหน้า จมูก หรือขยี้ตา รวมถึงการไอจามใส่กัน ก็สามารถติดเชื้อได้
อาการของฝีดาษลิง Clade 1 b
ฝีดาษลิงมีระยะฟักตัว 5-21 วัน ช่วง 5-13 วันหลังรับเชื้ออาจจะยังไม่แสดงอาการ ส่วนการแสดงอาการของโรคจะมี 2 ระยะคือ
ระยะที่ 1 ช่วง 1-5 วันแรกจะมีไข้ บางรายอาจมีไข้สูง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองบวม บางรายอาจมีอาการท้องเสีย อาเจียน ไอ เจ็บคอ
ระยะที่ 2 เป็นระยะออกผื่น เป็นช่วงที่สามารถแพร่เชื้อได้ จะมีอาการหลังมีไข้ภายใน 1-3 วัน ลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส หรือตุ่มหนองบนผิวหนัง แล้วกลายเป็นแผลพุพองและตกสะเก็ต ต้องหายสนิทก่อนจึงจะไม่แพร่เชื้อได้อีกต่อไป ซึ่งการติดเชื้อจะคงอยู่ประมาณ 2-4 สัปดาห์

ลักษณะผื่นฝีดาษลิง ที่มา : Ruth Ann Crystal, MD
ฝีดาษลิง Clade 1 b ติดต่อง่าย เด็กมีอัตราเสียชีวิตสูง
หลังจากเกิดการระบาดในต่างประเทศและยังดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับเด็กนั้น ล่าสุดองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ฝีดาษลิงในบางพื้นที่ของทวีปแอฟริกามีสถานะเป็น "ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ" หลังพบฝีดาษลิงสายพันธุ์ เคลด 1 บี (Clade 1b) แพร่กระจายได้ง่ายและเชื้อมีความรุนแรงกว่าเดิม และสิ่งที่น่ากังวลคือหากเด็กได้รับเชื้อจะมีโอกาสเสียชีวิตสูง ซึ่งจากรายงานข่าวพบว่าในจำนวนผู้ป่วยฝีดาษลิงนั้นเป็นผู้ป่วยเด็กสูงถึง 70% และยังเป็นการพบผู้ติดเชื้อนอกแอฟริกาเป็นครั้งแรกอีกด้วย
จากการติดตามข้อมูลในแอฟริกาพบว่า หากในครอบครัวมีคนป่วยและอยู่ในบ้านเดียวกันประมาณ 4 ชั่วโมงมีความเสี่ยงติดเชื้อได้
คนท้องให้ระวังการเดินทางไปประเทศเสี่ยง
เนื่องจากแม่ท้องที่ติดฝีดาษลิงสารมารถถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกได้ การป้องกันเบื้อต้นสำหรับแม่ท้องคือควรงดเดินทางไปประเทศกลุ่มเสี่ยงที่มีการแพร่ระบาดของฝีดาษลิง โดยเฉพาะประเทศในแถบแอฟริกา
การป้องกันโรคฝีดาษลิง
- การฉีดวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษช่วยป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ประมาณ 85% ปัจจุบันมีการพัฒนาวัคซีนชนิดใหม่ที่มีความจำเพาะต่อโรคฝีดาษลิงมากขึ้น สำหรับผู้ที่ควรฉีดคือกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับเชื้อ ได้แก่ ผู้ที่ทำงานในห้องปฏิบัติการและบุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยฝีดาษลิง และผู้ที่สัมผัสกับผู้ป่วยฝีดาษลิงเพื่อลดความรุนแรงของอาการป่วย
- ล้างมือด้วยสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ที่เป็นโรค
- สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปยังสถานที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน
- หลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ไม่ปรุงสุก
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์ป่าหรือสารคัดหลั่งของสัตว์ที่อาจเป็นพาหะ เช่น สัตว์ฟันแทะ ลิง
การรักษาโรคฝีดาษลิง
- ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคฝีดาษลิงได้โดยตรง แพทย์จะให้การรักษาแบบประคับประคอง และรักษาตามอาการ ทั้งนี้การฉีดวัคซีนไข้ทรพิษ สามารถควบคุมการระบาดได้ ซึ่งการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้ทรพิษสามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ถึง 85%
- ผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงที่มีอาการไม่รุนแรงมักหายได้เองได้ภายใน 2-4 สัปดาห์
- ผู้ป่วยควรพักผ่อนให้เพียงพอ ใช้ยาลดไข้รักษาตามอาการ ป้องกันภาวะแทรกซ้อน และการป้องกันผลข้างเคียงในระยะยาว ในบางประเทศอาจมีการใช้ยาต้านไวรัส เช่นยา tecovirimat และ cidofovir
- แยกตัวจากผู้อื่นป้องกันการแพร่เชื้อ สวมหน้ากากอนามัยและล้างมือบ่อย ๆ
แม้ฝีดาษลิงเคลด 1บี จะมีความรุนแรงและคร่าชีวิตเด็กป็นจำนวนมาก แต่สายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยยังเป็นสายพันธุ์ที่พบในผู้ใหญ่และอาการไม่ได้รุนแรง และไม่ได้ติดต่อง่ายเหมือนโควิด ทั้งยังมีการเฝ้าระวังจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เพราะฉะนั้นพ่อแม่ยังไม่ต้องตื่นตระหนกไปค่ะ เพียงดูแลสุขอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องไปยังสถานที่แออัด ก็ช่วงป้องกันการโรคติดต่อต่าง ๆ ได้ค่ะ
อ้างอิง :
Dr,Ruth Ann Crystal, MD Stanford Clinical Faculty
https://www.hfocus.org/content/2024/08/31395
ฝีดาษลิงในเด็ก, โรคฝีดาษลิง, Mpox
- Hits: 2465
หน้าหลัก
อยากมีลูก
สุขภาพครรภ์
อาหารคนท้อง
การคลอดลูก
นมแม่
ตั้งชื่อลูก
พัฒนาการเด็ก 0-1 ปี
พัฒนาการเด็ก 1-3 ปี
พัฒนาการเด็ก 3-6 ปี
อาหารเด็ก 6 เดือน –1 ปี
อาหารเด็ก 1-3 ปี
อาหารเด็ก 3-6 ปี
Mom's Issue
แม่ท้องต้องรู้
คลินิกเบบี้
ตั้งชื่อลูก
The Healthy Kid
Q&A กับคุณหมอประเสริฐ
Do ดี มี EF
รักลูกเป็นพิเศษ
ฟัน Fun Story
แนะนำโรงเรียน
สาระเรื่องเรียน
ดาวน์โหลดฟรี
รีวิวของใช้เด็กและครอบครัว
แหล่งเรียนรู้และที่เที่ยวครอบครัว
เตือนภัยครอบครัว
อัปเดตข่าวครอบครัว
กิจกรรมรักลูก
ข่าวประชาสัมพันธ์



How to resolve AdBlock issue? 