
10 วิธีสอนลูกสไตล์แม่โอปอล์-ปาณิสรา และคุณพ่อหมอโอ๊ค-นพ.สมิทธิ์
คุณพ่อคุณแม่หลายคนชื่นชมวิธีการเลี้ยงลูกของคุณแม่โอปอล์-ปาณิสรา และคุณพ่อหมอโอ๊ค- สมิทธิ์ ที่ตอนนี้ลูก ๆ ฝาแฝดอย่าง น้องอลิน และ น้องอลัน ก็เป็นเด็กที่น่ารัก ความจำดี รู้จักหน้าที่ของตัวเองมาก เราก็ไม่พลาดที่นำวิธีการสอนและมุมมองดีๆ ในการเลี้ยงน้องแฝดมาฝากกันค่ะ
- ฝึกให้ลูกรักการอ่าน
แม่โอปอล์ได้บอกในการสัมภาษณ์ว่า “เราให้ลูกอ่านหนังสือเยอะมาก" จึงเป็นที่มาของความจำดีของน้องอลิน น้องอลันที่บางครั้งก็พูดออกมาตามหนังสือที่ได้อ่าน จนทำให้คนเป็นพ่อแม่ถึงกับอึ้ง ว่าลูกจำได้ดีมากขนาดนี้
- ต้องระวังคำพูดต่อหน้าลูก
เพราะแม่โอปอล์และหมอโอ๊คเชื่อว่า เด็กจะมีหยักสมองที่จำ แล้วมีลิ้นชักความจำเยอะมาก ดังนั้นสิ่งที่ต้องระวังสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่คือการพูด อะไรไปพูดไปน้องอลิน น้องอลันจะจำ รวมถึงคัดกรองคนรอบข้างด้วย เช่น คำหยาบ การสบถ ว่าอย่าทำต่อหน้าลูก
- ใกล้ชิดลูกให้มากที่สุด
คุณหมอโอ๊คและแม่โอปอล์ จะใกล้ชิดลูกมาก หากอยู่บ้านก็จะเล่นกับลูกตลอดเวลา และหมอโอ๊คเคยได้ให้สัมภาษณ์ว่า "ความใกล้ชิดตอบทุกปัญหา เราก็เรียนรู้ไปกับเขา ได้เห็นว่าตัวเขาต้องการอะไร เข้าใจผิดก็บอกเท่านั้นเองไม่มีอะไรน่ากลัว" เรียกว่าเป็นครอบครัวที่ใกล้ชิดกับลูกมากจริงๆ
- สอนให้ลูกเคารพตัวเอง
แม่โอปอล์และหมอโอ๊ค โพสต์อินสตาแกรมสอนลูกเพื่อให้เขามาอ่านตอนโตว่า "รักและเคารพในตัวเองมาก ๆ นะลูก อย่าทำตัวเป็นวงกลมที่ขาด มีความสุขกับชีวิตของตัวเองให้ได้ ไม่ต้องรอให้ใครมาเติมเต็มนะลูกนะ พ่อกับแม่รักลูกมากกกกจำไว้นะคะ #Aline_A #Arran_A" เป็นข้อความที่มีคนชื่นชมเยอะมาก ว่าสอนลูกดี
5. พูดกับลูก ให้เหมือนพูดกับผู้ใหญ่
บ้านของแม่โอปอล์และหมอโอ๊คจะระวังไม่เบบี้พร็อพกับลูก เช่น ไม่พูดว่าหม่ำ ๆ ข้าวนะลูก แต่จะใช้คำว่า กินข้าวนะลูก พูดกับลูกให้เหมือนผู้ใหญ่ เวลาพูดให้จ้องหน้าลูก ให้รู้ว่าคุยกับลูกอยู่ ไม่ว่าลูกจะพูดรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่อง ต้องฟังลูก มองหน้าลูกเสมอ
- ไม่อวยลูกเกินไป
น้องอลินได้รางวัลที่ 1 ประกวดมารยาทไทยและไหว้สวยงามที่โรงเรียน แม่โอปอล์จะมีแฮชแท็กแกล้งลูกสาว ว่า #ลูกสาวค่ะแกเป็นเด็กเรียบร้อย และในตอนสัมภาษณ์ก็บอกเชิงตลกกับนักข่าวว่า "เพราะเป็นโรงเรียนนานาชาติ เพื่อนก็เป็นคนเกาหลี เป็นคนจีน น้องอลินก็ต้องได้แหละ" เป็นเรื่องที่สร้างเสียงหัวเราะให้นักข่าวมาก แน่นอนว่าคนเป็นแม่ภูมิในตัวลูกทุกเรื่อง แต่ก็ต้องวางตัวดี ไม่แสดงออกมากไปสไตล์แม่โอป
- ไม่ดุลูก แต่เน้นเข้าใจ
แม่โอปอล์ เล่าว่า ไม่ว่าลูกจะกรี๊ดเสียงเลเวลไหน ก็จะพูดกับลูกแบบ "kind but firm" ต้องสุภาพเสมอ หากลูกทำผิดก็จะลงโทษ จากนั้นจะกอดลูก อุ้มลูกทันที และบอกลูกว่าทำไมถึงโดนทำโทษ ต้องมีเหตุผลให้ลูกเข้าใจ เพื่อให้ลูกมีเหตุผลในอนาคตเมื่อโตขึ้นไป
- สอนลูกให้เป็นเด็กมีความสุข
"เป็นเด็กดีนะลูก ยินดีเมื่อเห็นคนมีความสุข มีเมตตาเผื่อแผ่คนรอบข้าง รู้บุญคุณคน อย่าเห็นผิดเป็นชอบ อย่าเห็นร้ายกลายเป็นดี เติบโตอย่างแข็งแรงทั้งร่างกาย จิตใจ และสติปัญญานะลูก" เป็นข้อความที่แม่โอปอล์โพสต์สอนลูก ซึ่งเป็นข้อความที่ดีมาก พ่อแม่ลองนำไปสอนลูกได้
- สอนวินัย คิดเผื่อ
แม่โอปอล์และหมอโอ๊คจะฝึกให้ลูกตรงต่อเวลา เช่น ตื่น นอน กิน เป็นเวลา แม่โอปอล์ให้สัมภาษณ์ว่า "ก่อนไปโรงเรียนเราจะเปิดเพลง ทันทีที่รถเลี้ยวเข้าโรงเรียน เราจะปิดเพลงเพื่อให้ลูกเตรียมความพร้อมเข้าโรงเรียน ต่อมาน้องอลันจะจำและบอกว่าใกล้โรงเรียนแล้วครับ เพื่อปิดเพลงและเตรียมตัวเข้าโรงเรียน" เรียกว่าสอนให้ลูกแฝดให้โตไปรู้จักหน้าที่ของตัวเองได้ดีมาก
- พ่อแม่ต้องมีวิธีจัดการที่ดี
แม่โอปอล์เข้าใจมาก ว่าลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน เวลาขึ้นเครื่องบิน แม่โอปอล์จะคอยเดินขอโทษคนอื่นเพราะลูกต้องร้องไห้ เสียงดัง และเวลาออกไปข้างนอก จะต้องทำความเข้าใจกับลูกก่อนเสมอว่า "ไปข้างนอกเสียงดังไม่ได้ เพราะเราจะรบกวนคนอื่น ถ้ารบกวนแม่คงไม่พาออกไปแล้วแหละ" แม่โอปอล์ให้ความสำคัญกับการจัดการลูกของตัวเองมาก เพื่อจะได้เป็นที่รักของคนอื่นที่พบเห็น
สไตล์การเลี้ยงลูกไม่มีผิด ไม่มีถูกนะคะ เพราะคนเป็นพ่อเป็นแม่รู้จักลูกของตัวเองดีที่สุด แต่ถ้าสนใจวิธีการเลี้ยงลูกของแม่โอปอล และหมอโอ๊ต ก็ลองนำไปปรับใช้กับลูกดูนะคะ หลายข้อเรียกว่าสอนเด็ก ๆ ได้ดีเลยค่ะ

100 วิธีง่าย ๆ เลี้ยงลูกมีความสุขทุกวัน
ลูกคือดวงใจของคนเป็นพ่อแม่ มาดูวิธีง่าย แสนง่าย ของการสร้างความสุขให้กับลูกกันดีกว่า เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนทำได้แน่นอนค่ะ
บอกกับลูกตรงๆ ว่า
1.พ่อแม่รักลูก
2.ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นพ่อกับแม่ก็ยังคงรักลูก
3.พ่อแม่รักลูกแม้ว่าเวลาที่ลูกโกรธพ่อแม่
4.พ่อแม่รักลูกแม้ว่าเวลาพ่อแม่โกรธลูก
5.พ่อแม่รักลูกแม้ว่าเราอยู่ไกลกันความรักของพ่อและแม่ก็ยังส่งไปถึงลูกเสมอ
6.ถ้าจะให้พ่อแม่เลือกเด็กวัย 4, 5 หรือ 6 ขวบ.....ทั่วทั้งโลก พ่อแม่จะเลือกลูก
7.พ่อแม่รักลูกตั้งแต่พระจันทร์เดินทางไปรอบๆ ดวงดาวต่างๆ ทุกดวง ไปรอบโลกและกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
8.ขอบคุณพระเจ้า/สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ลูกเกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่
9.พ่อแม่ดีใจที่ได้เล่นกับลูกวันนี้
10.ช่วงที่มีความสุขในวันนี้คือตอนที่พ่อแม่เล่นกับลูก
เล่าเรื่อง
11.เล่าเรื่องตอนลูกเกิดให้ลูกฟัง
12.เล่าให้ฟังว่าเรากอดลูกอย่างไรตอนลูกยังเป็นทารก
13.เล่าว่าได้ชื่อลูกมาอย่างไร
14.เล่าให้ลูกฟังว่าตอนที่อยู่ในช่วงวัยเดียวกันกับลูกพ่อแม่เป็นอย่างไร
15.เล่าเรื่องคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายและคุณพ่อคุณแม่พบรักกันได้อย่างไร
16.บอกลูกว่าเราชอบสีอะไร
17.เมื่อจับมือลูกและบีบ 3 ครั้งนั่นเป็นโค้ดลับว่า พ่อแม่รักลูก
18.เล่าให้ลูกฟังว่าบางครั้งพ่อแม่ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน
19.บอกลูกว่าแผนการในอนาคตของครอบครัวที่วางไว้คืออะไร
20.ผลัดกันเล่าว่าวันนี้พ่อแม่ทำอะไรบ้าง และวันนี้ลูกทำอะไรบ้าง
เล่นด้วย
21.เกมแตะแข็ง
22.หมากเก็บ
23.ตี่ จับ
24.ลิงชิงบอล
25.ทดสอบความจำ
26.รี รี ข้าวสาร
27.สายลับ หาอะไรที่ซ่อนอยู่
28.บก น้ำ อากาศ
บทบาทสมมติ
29.จับจูบที่ลูกส่งให้แล้วเอาไปหอมแก้มลูกอีกครั้ง
30.เล่นจั๊กจี้กับลูก
31.ตบมือ ไฮไฟ (High Five) ทำทีว่าลูกมีกำลังมากจริง ๆ จนเกือบจะทำพ่อแม่ล้ม (High Five คือการตบมือด้วยมือข้างใดข้างหนึ่งกับผู้อื่นเมื่อประสบความสำเร็จหรือพอใจอะไรบางอย่าง)
32.สำรวจโลกมหัศจรรย์ใหม่ นั่นคือสวนหลังบ้าน
33.สมมติว่าจัดเลี้ยงที่บ้าน
34.เล่นเป็นตัวตลกกัน
พยายาม
35.นอนหลับให้เพียงพอ
36.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
37.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
38.ใส่ชุดที่จะทำให้ลูกรู้สึกมั่นใจและสบาย
39.หาคำปรึกษา หรือพัฒนาตนเองจากแหล่งความรู้ต่างๆ
40.ใช้วิธีสัมผัสที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการพูดบางสิ่งบางอย่าง
41.เต้นรำกับลูก
42.ให้ลูกเลือกดนตรีที่ชอบในรถ
43.ทำท่าตีลังกา ใช้หัวยืนแทนเท้า ให้ลูกดู
44.เมื่อเห็นงานที่ต้องทำ เข้าช่วยหรือช่วยทำความสะอาดทันที
45.ใช้เสียงที่นุ่มนวลสุภาพกับลูกเสมอ
46.อ่านเรื่องและคำกลอนตลกๆ ด้วยกัน
47.อ่านนิทานร่วมกัน
48.อ่านหนังสือที่สมัยเด็กที่เราชอบให้ลูกฟัง
49.อ่านเรื่องตามเวปที่มีนิทานที่เด็กชอบ
50.อ่านหนังสือใต้ต้นไม้
51.พาลูกไปอ่านหนังสือที่มุมเด็กในห้องสมุดด้วยกัน
52.คุยเรื่องตัวการ์ตูนที่ลูกชอบแต่เราอาจไม่สนใจเท่าไหร่นัก
53.เมื่อถึงอายุที่เหมาะสมเล่าเรื่องจริงที่เหมาะกับพัฒนาการ
นักฟังที่ดี
54.ฟังเรื่องที่ลูกเล่าในรถ
55.ฟังเรื่องที่ลูกเล่าขณะที่ลูกต่อไม้บล็อก หรือเล่นตัวต่อ
56.ตอบคำถามหรือช่วยต่อยอดความคิดให้ลูก
57.อดทนฟังอย่างตั้งใจเมื่อลูกพูด
58.ฟังความรู้สึกของลูกเมื่อลูกพูด
ตั้งคำถาม
59.ทำไมถึงคิดว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้น
60.ลูกคิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นถ้าหากว่า.........
61.เราจะหาคำตอบได้อย่างไร
62.ลูกคิดอย่างไรกับ......
63.ลูกชอบช่วงไหนในวันนี้มากที่สุด
64.ที่โต๊ะอาหาร ลูกชิมแล้วรู้สึกว่าอาหารมีรสชาติอย่างไร.....
ทำให้ดู
65.ทำให้ลูกดูว่าทำอย่างไร ไม่ใช่ห้ามไม่ให้ทำ
66.พ่อแม่พูดจาสุภาพเรียบร้อยทั้งกับลูกและซึ่งกันและกัน
67.สลับบัตรคำในมือ และทำให้เป็นเหมือนสะพานโค้งถ้าทำได้
68.วิธีตัดผักผลไม้ อย่างปลอดภัย
69.วิธีการทำงานบ้านที่ถูกต้อง เช่น พับผ้า ล้างจาน
70.ดูคู่มือ วิธีใช้เมื่อไม่รู้คำตอบ
71.พ่อแม่แสดงความรักและความห่วงใยต่อกัน
72.การดูแลตัวเองให้สะอาดอยู่เสมอ
ใช้เวลากับ
73.การซ่อมแซมของเล่น
74.ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
75.ให้ลูกช่วยผสมส่วนประกอบของอาหาร
76.ไปเดินเล่นด้วยกัน
77.ขุดดินปลูกต้นไม้ด้วยกัน
78.ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันตามระดับความสามารถของลูก
79.นั่งเล่นกับลูกๆ
ไว้วางใจ
80.บอกลูกว่าเขาสามารถทำได้
81.บอกว่าคุณเป็นพ่อแม่ที่เหมาะกับลูกจริงๆ
82.บอกลูกว่าแค่มีพ่อกับแม่ก็เพียงพอ
83.พ่อและแม่จะทำสิ่งที่ดีและเหมาะสมกับครอบครัวเรา
เสริมกำลังใจลูก
84.สร้างความแปลกใจโดยการทำความสะอาดห้องให้ลูก
85.ชมว่าขนมปังที่ลูกทาแยมอร่อยมาก
86.เขียนโน้ตส่งความรักให้ลูกในกล่องอาหารกลางวัน
87.ทำอาหารว่างเป็นรูปรอยยิ้ม
88.ทำเสียงประกอบขณะทำกิจกรรมช่วยกับลูก
89.นั่งเล่นที่พื้นกับลูก
ลืมเรื่องเหล่านี้
90.ความผิด
91.คิดทางลบว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น
92.ตอนถูกเสมอ
ให้
93.การมองลูกด้วยสายตาที่อ่อนโยน
94.ยิ้มให้เสมอเมื่อลูกเดินเข้ามาหาเรา
95.สัมผัสลูกเมื่อลูกสัมผัสเรา
96.สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นก่อนที่จะลงวินัยกับลูก หรือแก้ไขลูกเพื่อลูกจะเข้าใจในสิ่งที่เราทำ
97.เปิดโอกาสให้ลูกได้ระบายสิ่งที่คับข้องใจทุกเรื่อง
98.เล่นฉีดน้ำกับลูกในวันที่อากาศร้อน
99.กอดลูกบ่อยๆ
100...............................ข้อนี้ให้คุณพ่อคุณแม่คิดแล้วเติมเองนะคะ
ถึงแม้ว่าข้อต่างๆ เหล่านี้ดูสั้นๆ ทำง่ายๆ และดูเหมือนจะมีบางข้อที่มีวัฒนธรรมตะวันตกเข้ามามีส่วนอยู่บ้าง แต่ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่สามารถทำให้ลูกสัมผัสถึงความรักได้ไม่ว่าจะเป็นข้อที่คิดขึ้นเองหรือทำตาม/ดัดแปลงจากทั้ง 100 ข้อนี้ ความรักที่ลูกได้รับจากพ่อแม่จะถูกเก็บสะสมไว้ในใจและในความทรงจำของลูกเสมอเพื่อที่เมื่อลูกโตเป็นผู้ใหญ่ลูกจะสามารถมอบความรักเหล่านี้กลับไปสู่ตัวเอง ผู้อื่นและธรรมชาติที่อยู่รอบข้างได้ โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นแยะหากเรารู้จักรักและแบ่งปัน เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ

มีลูกสาว คุณพ่อย่อมจะเป็นคนมุ้งมิ้งหรืออาจเงียบขรึมไว้หนวดเพราะหวงลูกสาว แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นคุณพ่อในเวอร์ชั่นไหน การสื่อสารกันกับลูกสาวสำคัญมากนะคะ อย่าอายที่จะพูดกับลูก เพราะเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ลูกรับรู้อยู่ตลอดเวลา ลองนำคำพูดดี ๆ เหล่านี้ ไปพูดกับลูกสาวดูสิคะ เชื่อเถอะค่ะ ว่าจะช่วยสร้างกำลังใจให้กับลูกสาวตัวน้อยได้เป็นอย่างดีเลย
25 คำพูดดี ๆ ที่พ่อควรบอกกับลูกสาว
-
ลูกปรึกษาพ่อได้ทุกเรื่องนะ พ่อจะเป็นผู้ฟังที่ดีให้ลูกเอง
-
ลูกเป็นเจ้าหญิงของพ่อ พ่อไม่อยากคิดเลยว่าถ้าไม่มีหนูพ่อจะอยู่ได้อย่างไร
-
พ่อรักลูก ลูกรู้ใช่ไหม
-
พ่อประทับใจลูกในทุกๆ วันเลยนะ
-
พ่อเชื่อมั่นในตัวหนูนะ
-
อย่าทำให้พ่อเป็นห่วงนะ พ่อรู้ว่าลูกเป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารักมาก
-
พ่อภูมิใจในตัวลูกมากนะรู้ไหม
-
เวลาหนูพยายามจะทำอะไร หนูน่ารักมากเลยลูก
-
ความพยายามของลูก ทำให้พ่อทึ่งเสมอ พ่อดีใจที่ได้เห็น
-
ลูกทำได้เสมอนะ แต่ถ้าลูกคิดว่าทำไม่ได้ พ่ออยู่ตรงนี้นะลูก
-
ลูกอยากให้พ่อช่วยอะไร บอกพ่อได้เสมอนะ
-
ไม่ว่าลูกจะทำอะไร พ่อจะอยู่ข้างๆ ลูกเสมอนะ เพราะพ่อคือพ่อไง
-
ลูกคือเจ้าหญิงของพ่อ พ่อคอยดูทุกการเติบโตของลูกนะ มันทำให้พ่อภูมิใจ
-
ลูกอย่ากลัวที่จะผิดพลาด อย่างน้อยลูกได้ลองทำ เเละพ่อภูมิใจที่เห็นลูกทำ
-
พ่อชอบใช้เวลาอยู่กับลูกนะ มันคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตพ่อเลย
-
ทำในสิ่งที่ทำให้ลูกมีความสุข พ่อดีใจด้วยเสมอนะลูก
-
ลูกเป็นคนสวย ความสวยมันมาจากข้างใน พ่ออยากให้ลูกรักตัวเอง
-
พ่อจะคอยสนับสนุนลูกอยู่เสมอ ลูกชอบอะไร พ่อจะคอยช่วย
-
พ่ออยากให้ลูกแสดงความคิดเห็นกับพ่อ ความคิดของลูกนั้นเป็นเรื่องสำคัญมากนะลูก
-
ไม่เป็นไรนะ เราเริ่มใหม่ไปด้วยกัน
-
หนูต้องเป็นตัวเอง ในแบบที่มีความสุขที่สุด
-
หนูเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว และหนูยังสามารถเป็นคนน่ารักขึ้นอีกได้ ในทุกๆ วันนะ
-
ลูกคู่ควรกับสิ่งที่ดี ไม่ว่าใครจะเข้ามาในชีวิตลูก ลูกต้องไม่เสียพลังงานกับเขามากเกินไป
24. พ่อไม่เคยที่จะหยุดรักลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ลูกรู้ใช่ไหม
- หนูไม่ต้องเลือกผู้ชายที่เหมือนพ่อเข้ามาในชีวิต แต่หนูควรเลือกคนที่ดีกว่าพ่อนะ
คุณพ่ออ่านแล้วจำไปพูดกับลูกสาวด้วยนะคะ หรือจะลองไปพูดกับลูกชายก็ได้ ความสัมพันธ์พ่อลูกจะได้ดีขึ้นไปอีกค่ะ คุณพ่อกับลูกสาวสนิทกัน เป็นภาพที่คุณแม่อยากเห็นที่สุดเลยนะคะ

3 สัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็น พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์
คุณเป็นพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบไหน? แบบเฮลิคอปเตอร์หรือไม่ มาดูสัญญาณบ่งบอกว่าคุณกำลังเป็น พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ กันค่ะ
พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์ คือคำที่ใช้เรียกผู้ปกครองที่พวกเขาต้องการดูแลสอดส่องลูกของตนแทบจะตลอดเวลา มักจะควบคุมบงการและคอยคิดแทนลูก ทำแทนลูกแทบทุก ๆ เรื่อง
3 สัญญาณว่าคุณกำลังเป็น พ่อแม่เฮลิคอปเตอร์
1.ตัดสินใจแทนลูก
การตัดสินใจแทนลูก ไม่ว่าจะเรื่องการเรียน สิ่งของ ความถนัด หรือแม้แต่ของเล่นง่าย ๆ ก็เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่เลือกให้ลูกเองซะหมด โดยไม่ถามลูกว่า
..อยากเรียนอะไร?
..ของเล่นชิ้นไหนที่ลูกชอบ หรืออยากได้ที่สุด?
..รองเท้าสีไหนที่ลูกชอบ?
วิธีแก้ไข
คุณพ่อคุณแม่ต้องเปิดโอกาสให้ลูกได้คิดเอง เลือกเอง ถึงแม้จะไม่ใช่ของที่สวยที่สุด หรือดีที่สุดในสายตาเรา แต่อย่างน้อยก็ทำให้ลูกได้คิดได้ทำอะไรด้วยตัวเองค่ะ
2.ช่วยเหลือลูกทุกเรื่อง
ยกตัวอย่างเช่น ป้อนข้าวลูก เพราะกลัวลูกเปลื้อน , ทำการบ้านแทนลูก งานประดิษฐ์ต่าง ๆ อาสาทำให้ลูกเองเลยทุกชิ้น เพื่อให้ลูกได้มีงานดี ๆ ไปส่งคุณครู จะได้คะแนนเยอะ ๆ แบบนี้ไม่ได้แน่ค่ะ
วิธีแก้ไข
1.ปล่อยให้ลูกกินข้าวด้วยตัวเอง ถึงแม้จะเปลื้อน เลอะเทอะ แต่อย่างน้อยเขาจะได้ทำอะไรด้วยตัวเองค่ะ
2.ห้ามทำการบ้านแทนลูกเด็ดขาดนะคะ! การบ้านใคร คนนั้นต้องเป็นคนทำเอง เพียงแต่เราจะคอยสอนคอยดูอยู่ใกล้ ๆ แนะนำได้บ้างเล็กน้อยตามสมควรค่ะ
3.ติดตามลูกไปทุกที่
การดูแลลูกเป็นสิ่งที่พ่อแม่ควรทำค่ะ แต่ถ้าหากดูแลมากไป ติดตามลูกไปทุก ๆ ที่ สนามเด็กเล็ก ห้องเรียน ที่ ๆ มีลูกกับเพื่อน หรือกับคุณครู ก็จะคอยอยู่ข้าง ๆ ลูกตลอดเวลา
วิธีแก้ไข
คุณพ่อคุณแม่ต้องปล่อยให้ลูกได้มีเวลากับเพื่อนส่วนตัวบ้างนะคะ ปล่อยให้เด็ก ๆ ได้เล่นกันเองบ้าง ลูกและเพื่อน ๆ จะได้ไม่เกร็งที่ต้องมีคุณพ่อคุณแม่มาคอยดูอยู่ตลอดค่ะ
รู้ไวแก้ไขได้ทันค่ะ! รักลูกขอเป็นกำลังใจในการเลี้ยงลูกให้กับคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านนะคะ หวังว่าบทความชิ้นนี้จะช่วยเปลี่ยนความคิดของการเลี้ยงลูกแบบ ไข่ในหิน ที่ทำให้ลูกอ่อนแอ พึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา มาเป็นเด็กแข็งแกร่ง ช่วยเหลือตัวเองได้เสมอกันค่ะ
คำพูดของพ่อกับแม่นั้นมีผลต่อจิตใจและพัฒนาการของลูกมาก และถ้าหากพูดทำร้ายจิตใจลูกก็จะส่งผลเสียระยะยาว ยิ่งตอนที่ลูกกลัวบางอย่าง เช่น กลัวความมืด กลัวผี กลัวสัตว์ต่าง ๆ กลัวการเข้าโรงเรียน เป็นต้น ก่อนที่พ่อกับแม่จะพูดอะไรต้องคิดให้ดี และนึกถึงจิตใจของลูกให้มาก ๆ ค่ะ
5 คำพูดที่ไม่ควรพูด เมื่อลูกกลัวจนวิตกกังวล
-
เชื่อแม่เหอะเดี๋ยว มันจะไม่เป็นไร! คำพูดนี้มันตรงข้ามกับใจลูก มันจะต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่นี่คือสิ่งที่ลูกคิด ดังนั้นนั่งอยู่กับลูกสักพัก คุยกันว่าทำไมลูกถึงกลัว ให้กำลังใจลูก ให้ความเห็นทางบวกให้แตกต่างจากสิ่งที่ลูกคิดแล้วลูกจะเชื่อแม่จากใจจริงๆ
-
ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว! เมื่อลูกกำลังกลัว วิตกกังวลอยู่ภายในจิตใจ คำพูดนี้เหมือนการบอกปัดไม่อยากรับรู้เรื่องราวของลูก แม้จะเป็นการกลัวเล็กๆ น้อยๆ ก็มีผลกับใจลูกมาก ควรถามลูกอย่างเอาใจใส่ สนใจสิ่งที่ลูกเล่า และให้คำแนะนำที่มีทางเลือกให้ลูกตัดสินใจเอง
-
เดี๋ยวแม่จะบอกเหตุผลร้อยแปดเหตุผล ที่บอกลูกว่าลูกไม่ต้องกลัว! ลูกรู้ว่าพ่อและแม่พูดถูก แต่ตอนนี้ลูกมีความรู้สึกวิตกกังวลมากและกลุ้มใจในสิ่งนั้น จนไม่สามารถคิดอย่างชัดเจนได้ คำพูดนี้เหมือนการพูดไปลอยๆ แต่ไม่ได้บอกเหตุผลมากมายอย่างนั้นจริงๆ ควรให้คำแนะนำลูกเลย อย่าบอกปัดและเดินหนีไป
-
หยุดเป็นคนขี้วิตกกังวลสักที! นี่คือคำพูดที่ทำให้ลูกรู้สึกแย่กว่าเดิม ลูกก็อยากจะหยุดความวิตกกังวลนี้เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร คำพูดแบบนี้ยิ่งทำให้ลูกกลัว
-
พ่อแม่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกถึงกลัวมากขนาดนั้น! การพูดแบบนี้ยิ่งแย่ไปกว่าเดิม เหมือนการดูถูกความรู้สึกลูกด้วย ลูกรู้ว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจ แต่ลูกอยากให้พ่อแม่พยายามเข้าใจ ว่าลูกกำลังเผชิญอะไรอยู่ ดังนั้นการพูดคุยกันกับลูกให้มากๆ คือทางออกที่ดีจะได้เข้าใจลูกด้วย
รู้แบบนี้แล้ว อย่าเผลอพูดทำร้ายจิตใจลูกอีกนะคะ เราต้องให้กำลังใจใช้เหตุผลพูดคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางออกร่วมกัน แล้วพูดกับลูกว่า พ่อแม่จะอยู่เคียงข้างหนู ไม่ต้องกลัว หนูรู้สึกอย่างไรให้พูดกับพ่อแม่ได้ตลอดเวลา พ่อแม่จะพร้อมรับฟังลูกเสมอค่ะ
5 คำพูดให้กำลังใจที่ลูกอยากได้ยินจากแม่
คุณแม่คงลืมไปเลยใช่ไหมละคะว่า “คำพูด” นั้นเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ลูกอยากได้ยินจากปากของแม่ รู้หรือไม่ว่าคำพูดก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้จิตใจของลูก พร้อมที่จะเผชิญปัญหาที่ลูกอาจจะไม่เคยบอกคุณมาก่อน เห็นแบบนี้แล้วลองดูคำพูดที่ลูกมักอยากจะได้ยินว่ามีอะไรกันบ้าง
5 คำพูดที่ลูกอยากได้ยินจากแม่
1.แม่ยังคง “รักลูก” นะ
เชื่อเถอะว่าร้อยทั้งร้อย ลูกอยากได้ยินคำนี้จากปากของพ่อแม่มากที่สุด เพราะลูกไม่รู้หรอกว่าคุณพ่อคุณแม่รู้สึกอย่างไร เป็นเรื่องปกติสำหรับคุณแม่ที่บอกรักลูก แต่สำหรับคุณพ่ออาจจะเป็นเรื่องที่ยาก แต่..ถ้าหากได้บอกกับลูกไปแล้ว บอกได้เลยว่ามันคุ้มค่าเกินกว่าที่นึกคิดไว้แน่นอน
2.แม่ “ขอโทษ” นะลูก
การขอโทษบางครั้งมันยากที่จะพูดออกไป ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ทำผิดกับลูก ก็อย่ามัวคิดแต่ว่า ไม่ขอโทษลูกก็ไม่เป็นไร ยิ่งคุณพ่อแล้วการบอกขอโทษลูกอาจจะยากกว่าคุณแม่เสียอีก แต่คำขอโทษจากปากของคุณพ่อคุณแม่ ยังเป็นการสอนลูกในการยอมรับความผิดที่ได้ทำลงไปอีกด้วย
3.แม่ “ภูมิใจ” ในตัวลูก
คำพูดนี้อาจจะเป็นคำพูดธรรมดาสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่จริงๆ แล้วคำพูดนี้มีความหมายสำหรับลูกอย่างคาดไม่ถึง เพราะมันจะเป็นพลังทั้งกายและใจให้ลูกได้อย่างน่ามหัศจรรย์เลยทีเดียว
4.แม่ “ยอมรับ” ในสิ่งที่ลูกเป็น
คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คนอาจจะหวังให้ลูกเป็นในแบบที่ต้องการ แต่ในทางกลับกันลูกอยากเป็นในสิ่งที่คุณต้องการหรือเปล่า หลายคนอาจจะบังคับลูกให้เป็นในแบบนี้ แต่เชื่อเถอะ การให้ลูกเลือกในสิ่งที่ลูกอยากเป็น และยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นนั้น ลูกจะมีอนาคตที่ดี

5.ลูกคือ “คนสำคัญ” ของแม่นะ
ทุกคนก็อยากเป็นคนสำคัญกันทั้งนั้น โดยเฉพาะลูกของคุณที่อยากให้ตัวเองเป็นคนสำคัญสำหรับคุณพ่อคุณแม่ แต่จะมีซักครั้งบ้างไหมที่ลูกจะได้ยินคำนี้ ลองบอกลูกดูซักครั้งแล้วจะรู้เลยว่าคำนี้มีค่ามหาศาล
คำพูดเหล่านี้คุณพ่อคุณแม่อาจจะมองว่าเป็นคำพูดที่ธรรมดา จนมองข้ามมันไป แต่ในความคิดของลูกนั้นไม่ใช่แบบนั้นเลย ลองนำไปปรับใช้ที่บ้านกันดูนะคะ
..คำพูดแสนวิเศษที่ออกมาจากใจของคุณพ่อคุณแม่
..สร้างพลังให้ลูกมากมายเหลือเกิน

เชื่อว่าคุณแม่หลาย ๆ คนกำลังติดตามความน่ารักของน้องแฝดสายฟ้า-พายุ ลูกแฝดแสนซนของคุณแม่ชมพู่ อารยา และคุณพ่อ น็อต วิศรุต ทางอินสตาแกรมอยู่แน่ๆ เพราะนอกจากความน่ารักที่เป็นที่พูดถึงแล้ว การเลี้ยงดูลูกแฝดของแม่ชม ก็เรียกว่าเลี้ยงง่ายๆ ให้ติดดินอีกด้วย
น้องแฝดเสื้อผ้าก็ธรรมดา ของเล่นก็ของใช้ในบ้าน แม่ชมปล่อยให้ลูกเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติตามวัยมากๆ มาดูสไตล์การเลี้ยงลูกให้ติดดินแบบแม่ชมกันเลยค่ะ
5 วิธีเลี้ยงลูกให้ติดดิน แบบบ้าน ๆ ของ ชมพู่ อารยา ที่แม่ควรลองทำตาม
- เลี้ยงตามวัย ตามธรรมชาติ
จะเห็นเลยว่าแม่ชมเลี้ยงน้องแฝดให้อยู่กับดิน กับหญ้า ช่วงที่น้องแฝดกำลังหัดเดินต้องระวังมากขึ้น แต่แม่ชมก็ปล่อยให้น้องเดินเอง ล้มบ้าง ไม่ได้ตกใจหรือเข้าไปประคบประหงมลูกเลย จนน้องแฝดเดินได้ตั้งแต่ก่อนขวบ นี้คงเป็นเพราะการเลี้ยงลูกแบบปล่อยบ้าง ระวังบ้าง จึงทำให้น้องแฝดเดินได้เร็วขึ้น
- เล่นแบบลุยๆ บ้านๆ
หลายคลิปเรียกเสียงหัวเราะได้จริง ๆ ของเล่นหรูหราไม่ค่อยเห็นกับน้องแฝดเลยค่ะ จะเห็นก็แต่น้องแฝดเดินไปกินน้ำในก๊อกน้ำ แม่ชมก็ไม่ดุเลย น้องแฝดเล่นสายยาง แม่ชมก็เฝ้ามองด้วยความเอ็นดู เรียกว่าอะไรมีในบ้านก็เล่นไปเลย ไม่ต้องแพง
- ซื้อของเซลล์ให้ลูก ไม่ได้หรูหรา
ระดับคุณแม่ซุปตาร์ชมพู่ อารยา ไอคอนด้านแฟชั่นของไทย แต่ซื้อของเซลล์ เสื้อผ้าเซลล์ให้ลูกนะคะ แม่ชมเองก็ได้บอกกันไปแล้วว่า มักจะซื้อของใช้ราคาเซลล์ให้ลูกเพื่อเป็นการประหยัด เด็กค่อนข้างที่จะโตไว ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและรองเท้าอยู่บ่อยๆ แม่ๆ คนอื่นที่กำลังคิดจะซื้อของแพงๆ ให้ลูกต้องคิดให้ดีแล้วล่ะค่ะ
- ซื้อเสื้อผ้าเผื่อโต
ดูไอจีแม่ชมแล้ว จะว่าน้องสายฟ้ากับน้องพายุใส่เสื้อยาวแทบจะถึงเข่า เรียกได้ว่าใส่กันได้ยาวๆ ไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อยๆ และถึงจะมีน้าๆ ป้าๆ ซื้อเสื้อผ้าแพงๆ ให้น้องสายฟ้าและน้องพายุ แต่ก็ยังเห็นทั้งคู่ใส่ชุดซ้ำอยู่บ่อยๆ เลยค่ะ แม่ชมจัดให้เอง ใส่สบายก็ใส่บ่อยๆ ไปเลย
- ฝึกกินผลไม้และของง่ายๆ
แม่ชมจะติดแฮชแท็ก #fruitoftheday ในไอจีตลอด ดูแล้วอดยิ้มตามไม่ได้เลย ที่น้องแฝดกินผัก ผลไม้ รวมไปถึงอาหารต่างๆ ในสไตล์ Baby Led Weaning หรือ BLW เน้นให้ลูกกินได้ด้วยตัวเอง ให้อิสระให้การเลือกกิน เมนูข้าวเหนียว ขนมไทย น้องแฝดก็กินอย่างเอร็ดอร่อยมาแล้วค่ะ
การเลี้ยงลูกในแต่ละบ้าน ไม่มีผิดไม่มีถูก เพราะแม่รู้จักพัฒนาการของลูกดีที่สุด สำหรับใครที่ชอบการเลี้ยงลูกสไตล์นี้ของแม่ชม จะลองปรับใช้ให้เข้ากับลูกดูได้นะคะ

เลี้ยงลูกแบบ "พ่อแม่รังแกฉัน" ส่งผลเสียกับลูกอย่างแรงเลยนะคะ ทั้งในปัจจุบัน และอาจส่งผลต่อลูกตอนโตด้วย
6 พฤติกรรมพ่อแม่รังแกฉัน ส่งผลเสียต่อลูกไปจนโต
พ่อแม่ย่อมรักลูกและมีวิธีเลี้ยงลูกที่แตกต่างกันไป แต่การเลี้ยงลูกในวันนี้จะส่งผลให้เขาเป็นคนที่เติบโตไปข้างหน้า เขาจะโตมาเป็นแบบใดขึ้นอยู่ที่การเลี้ยงดูเป็นส่วนใหญ่ ลองมาสำรวจตัวเองหน่อยค่ะว่าคุณกำลังเผลอเป็น "พ่อแม่รังแกฉัน" อยู่หรือเปล่า เพราะทั้ง 6 ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะส่งผลร้ายแรงกับลูกมาก
6 พฤติกรรมของพ่อแม่รังแกฉัน
- รักลูกมากเกินไป ลูกของตนถูกทุกอย่าง ลูกของตนดีกว่าคนอื่นเสมอ ส่งผลให้ลูกกลายเป็นคนเชื่อมั่นตนเองในทางที่ผิด ชอบดูถูกคน ชอบสร้างปัญหาแต่ไม่ยอมรับว่าตนเป็นคนสร้างปัญหา
- ตามใจลูกมากเกินไป พ่อแม่ยอมทุกอย่าง ไม่กล้าขัดใจลูกเลยสักนิด ผลคือลูกจะเอาแต่ใจ มักสร้างภาระให้สังคมเมื่อไม่ได้ดั่งใจ
- ไม่กล้าห้ามปรามสั่งสอน เมื่อลูกทำผิด พ่อแม่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกทำในสิ่งที่ไม่ดี แต่ไม่สอนลูก ปล่อยเรื่องไปเฉย ๆ ผลคือลูกสูญเสียสามัญสำนึก แยกแยะถูกผิดดีชั่วไม่เป็น และกลายเป็นนักเลงอันธพาล ระรานคนเขาไปทั่ว
- ไม่ยอมให้ลูกตัดสินใจด้วยตนเอง พ่อแม่มักที่คิดแทนลูก แม้จะรู้ว่าเขาอยากทำอะไรแต่มักจะให้ทำในสิ่งที่พ่อแม่อยากทำมากกว่า ผลคือลูกกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่กล้าคิด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอะไร ส่งผลให้ไร้ภาวะผู้นำ
- ไม่รู้จักยกย่องชมเชยลูกเมื่อเขาประสบความสำเร็จ ไม่เคยชมเรื่องการเรียน หรือในการทำกิจกรรมใดๆก็ตาม ผลก็คือลูกกลายเป็นคนใจคอคับแคบ เมื่อเห็นคนอื่นได้ดีมีความสำเร็จ ลูกอาจมีพฤติกรรม หรือความรู้สึกอิจฉาคนอื่นนะคะ
-
ให้เงินลูกเพียงอย่างเดียว เอาเงินเข้าแก้ปัญหาทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเล็กน้อยก็มักใช้เงินแก้ปัญหา ผลคือลูกจะไม่รู้จักคุณค่าของเงิน ผลาญเงินเก่ง ใช้จ่ายเงินสูงแต่กลับมีคุณภาพชีวิตที่ต่ำลง
การเลี้ยงเด็กคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย พ่อแม่ต้องใส่ใจและให้ความสำคัญ ให้ความรักเขาได้อย่างถูกต้อง ไม่รักลูกจนเกินไป จนไม่ให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเองเลย แบบนี้ไม่ดีแน่ ๆ ค่ะ ขอเพียงพ่อแม่ทุกคนตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกด้วยความรัก ความเหมาะสมแล้วนั้น เราเชื่อว่า ชีวิตของลูกคุณจะดีแน่นอนค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกบ้านนะคะ

สมัยนี้คู่แต่งงานหลายคู่พอแต่งงานแล้วก็ตัดสินใจมีลูกแค่คนเดียว เพราะอยากทุ่มเททุกอย่างให้ลูกอย่างเต็มที่ ด้วยปัญหาเศรษฐกิจ และต้องการอยากเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด
มาดูคำแนะนำสำหรับใครที่ต้องการเลี้ยงลูกคนเดียวให้ดีที่สุดกันค่ะ
6 เทคนิคเลี้ยงลูกให้ดี เมื่อตั้งใจมีลูกคนเดียว
1.ให้ลูกได้พบปะกับเด็กคนอื่น ๆ
เพราะไม่มีพี่น้องให้ได้เล่นด้วย จึงอาจทำให้เด็ก ๆ ขาดเพื่อนวัยเดียวกัน ดังนั้นในช่วงก่อนเข้าเรียน อาจจะต้องพาลูกไปรู้จักเรียนรู้เจอกับเด็ก ๆ ในวัยเดียวกันบ้างเพื่อให้ลูกได้ปรับตัวเข้ากับสังคมได้ เช่น อาจจะพาไปเล่นที่สนามเด็กเล่น พาไปพบปะเพื่อน ๆ ที่มีลูกวัยเดียวกับเรา หรือไปรวมญาติในงานเทศกาลต่าง ๆ แล้วเมื่อพอโตเข้าโรงเรียนก็จะทำให้เขาปรับตัวได้ดีขึ้น และไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะว่าเขาจะมีเพื่อน ๆ มากขึ้นเองตามวัย
2.สอนลูกให้รู้จักวางตัว
เด็กน้อยที่เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวมีโอกาสที่จะกลายร่างเป็นจอมบงการสูง นั่นทำให้เขากลายเป็นเด็กที่พร้อมจะก้าวล่วงเข้ามาในเรื่องส่วนตัวของพ่อแม่ หรือผู้ใหญ่คนอื่น ๆ หากนิสัยนี้ติดตัวไปในอนาคต อาจทำให้เขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าคบได้ พ่อแม่จำเป็นต้องขีดเส้นแบ่งให้ลูกได้รู้ว่า จุดใดที่ลูกไม่ควรก้าวเข้าไปยุ่มย่ามในชีวิตของคนอื่น การที่เด็กได้เรียนรู้ถึงเส้นแบ่งเหล่านี้จะทำให้เขาเข้าใจว่าชีวิตของคนอื่น ๆ ก็มีเขตที่เขาต้องให้ความเคารพด้วยเช่นกัน
3.สอนลูกให้รับผิดชอบ
ถึงแม้จะเป็นลูกคนเดียว แต่พ่อแม่ก็ไม่ควรเอาใจจนลูกทำอะไรเองไม่ได้ เมื่อถึงวัยที่เหมาะสมก็ควรสอนให้ลูกรู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ตัวเอง มอบหมายงานบ้านให้รับผิดชอบ เพื่อให้ลูกเรียนรู้การช่วย ความมีน้ำใจ และความรับผิดชอบ
4.ไม่จับผิดลูก
ในบ้านที่มีกัน 3 คนพ่อแม่ลูก หากพ่อแม่ร่วมมือร่วมใจกันจับผิดลูก เด็กน้อยคงรู้สึกหัวเดียวกระเทียมลีบ ในกรณีนี้พ่อแม่ต้องใจกว้างพอที่จะยอมรับว่า ความผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นได้ และเป็นสิ่งที่ลูกต้องเรียนรู้ อย่าทำให้ลูกรู้สึกเหมือนพ่อแม่รวมหัวกันกลั่นแกล้งเขาเลย หากพ่อแม่ต้องการวางกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ก็ควรทำด้วยความรักและความเข้าใจในตัวลูก เพราะในท้ายที่สุดแล้ว สิ่งเหล่านี้จะไปทำลายความมั่นใจในตัวลูกของคุณในที่สุด
5.สอนลูกให้ประหยัด อย่าสปอยล์ลูก
การที่พ่อแม่ซื้อของเล่นให้บ่อย ๆ ตามที่ลูกเรียกร้อง อาจทำให้ลูกน้อยที่น่ารักของคุณกลายเป็นเด็กที่ไม่รู้จักพอ อยากได้ของเล่นใหม่ ๆ ตลอดเวลา จึงเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องระวังไม่ให้ความรักความทุ่มเทของตนเองกลายเป็นการสปอยด์ลูกให้เสียคนในที่สุด
6.ฝึกลูกให้อยู่ได้ด้วยตัวเอง
ในเมื่อลูกไม่มีพี่น้องไว้คอยช่วยเหลือในอนาคต เป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่จะต้องฝึกให้เขารู้จักรับผิดชอบ และช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อโตขึ้น ซึ่งทำได้โดยการให้เขาเรียนรู้จากความผิดพลาด พ่อแม่ไม่ต้องลงไปช่วยในทุกกรณี หรือจะลงไปช่วยก็ต่อเมื่อลูกขอความช่วยเหลือ

6 เรื่องที่อย่าบังคับลูก ถ้าลูกยังไม่พร้อม
เชื่อว่าความหวังดีหลายอย่างของพ่อแม่ กลับกลายเป็นดาบที่มาทิ่มแทงลูกน้อยให้เจ็บปวดโดยที่พ่อแม่ไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับการบังคับลูกหลายๆ เรื่องเพื่อปรับพฤติกรรมให้ได้ตามที่พ่อแม่คาดหวัง แต่ด้วยความเป็นเด็กพ่อแม่ควรมีวิธีในการฝึกหัด และค่อยๆ สอนลูกๆ แทนวิธีการบังคับซึ่งอาจส่งผลเสียกับพฤติกรรมของลูกมากกว่า มีเรื่องอะไรบ้างที่พ่อแม่ไม่ควรบังคับ ฝืนใจลูกจนเกินไปมาลองดูกันค่ะ
-
อย่าบังคับให้ลูกนอน ช่วงแรกๆ ของการฝึกให้ลูกนอนเป็นเวลานั้น ต้องยืดหยุ่น อย่าบังคับให้ลูกนอน แต่อาจใช้เทคนิคอื่นๆ แทน เช่น พาแกไปอยู่ในมุมเงียบๆ (หรือบนเตียงแกก็ได้) ห่างไกลจากสิ่งเร้าทั้งหลาย โอบอุ้มแกไว้ เล่านิทาน หรือเปิดเพลงคลอเบาๆ ให้แกรู้สึกว่ากล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย ลูกก็จะไม่ต่อต้าน เพราะไม่รู้สึกว่าวิธีปฏิบัตินี้เป็นการบังคับแต่กลับรู้สึกว่าพ่อแม่รัก
-
อย่าบังคับให้ลูกกิน สำหรับเด็กที่เริ่มกินอาหารเสริม และมีพัฒนาการการกินที่ดีขึ้นจากช่วงแรกกิน 2-3 คำก็เป็น 5-6 คำ จนถึงครึ่งถ้วย อย่างนี้ต้องชื่นชมลูก สิ่งสำคัญถ้าลูกกินได้ไม่กี่คำแล้วไม่กินต่อ อย่าตำหนิ อย่าดุ หรือคะยั้นคะยอให้กินจนหมดถ้วย และไม่ควรบังคับลูก เพราะอาจกลายเป็นความทรงจำที่เลวร้าย ส่งผลให้เป็นคนกินยากได้
-
อย่าบังคับให้ลูกเรียน เชื่อว่าหลายครอบครัวหวังดีกับลูกๆ และวาดฝัน ตั้งความหวังกับอนาคตของลูกๆ กันไว้ โดยเฉพาะเรื่องการเรียน ทำให้หลายคนพยายามอยากให้ลูกเรียนในสิ่งที่พ่อแม่หวัง ซึ่งหากลูกๆ เห็นคล้อยเห็นดีเห็นงามด้วยก็สบายไป แต่ถ้าลูกเกิดไม่ชอบแต่ทำไปเพราะความคาดหวังของพ่อแม่ก็อาจจะทำให้เขากลายเป็นเด็กมีปัญหา หรือเก็บกดได้ ดังนั้นทางที่ดีควรหมั่นสังเกตว่าลูกชอบเรียนในวิชา หรือสาขานั้นๆ จริงไหม ควรใช้วิธีพูดคุยสร้างเป้าหมายร่วมกัน เพื่อให้พ่อแม่ลูกเห็นพ้องไปในแนวทางเดียวกันอย่างสมัครใจ แต่หากลูกมีเป้าหมายของตัวเองอย่างแน่วแน่ พ่อแม่ควรเป็นฝ่ายสนับสนุน และคอยให้กำลังใจช่วยเหลือเขาดีกว่าค่ะ
-
อย่าบังคับให้ลูกแบ่งปัน ต้องค่อยๆ สอน ค่อยๆ อธิบาย เราเป็นผู้ใหญ่ยังหวงของที่มีค่ากับเราเลย สำหรับเด็กอย่ามองว่าเป็นแค่ของเล่นหรือแค่ขนม เพราะมันคือของมีค่าสำหรับเขาเช่นกัน ลองบอก “หนูจะเล่นอีกกี่นาทีดี แล้วแลกกันนะ” หรือ “รอเพื่อนเล่นเสร็จก่อนเราค่อยเล่น ตอนนี้เล่นอันนี้ก่อนดีไหมคะ” ของเล่นใหม่ๆแปลกๆ มักจะล่อความสนใจได้เสมอ
-
อย่าบังคับลูกให้ขอโทษ การบังคับลูกให้ขอโทษ ทั้งที่เขาไม่รู้สึกผิดจริงๆ หรือเขาไม่ได้ทำผิดแต่โดนบังคับ จะทำให้การขอโทษนั้นสูญเปล่า และไม่เกิดความเข้าใจในการกระทำที่แท้จริง จะยิ่งทำให้เขารู้สึกต่อต้านและไม่เชื่อฟัง ทางที่ดีควรปลูกฝังให้เขารู้สึกเข้าใจ ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น จะทำให้ลูกเป็นคนละเอียดอ่อน และรู้ถึงการกระทำของตัวเองเวลาทำให้คนอื่นโกรธ หรือเสียใจ
หากลูกไม่ยอมขอโทษ เวลาทำผิดควรสอนอธิบายให้ลูกเข้าใจด้วยความใจเย็น ว่าการขอโทษหรือการแสดงความเสียใจเป็นสิ่งที่ควรกระทำ และไม่น่าอาย เพราะทุกคนทำผิดพลาดได้ และถ้าลูกไม่ได้ทำผิดก็ไม่ควรบังคับเคี่ยวเข็ญเพื่อให้เขาต้องขอโทษในเหตุการณ์ที่เขาไม่ได้ทำเพราะเหมือนเป็นการบีบบังคับให้เขาไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง
- อย่าบังคับให้ลูกเลิกเล่นเกม เลิกเล่นอินเทอร์เน็ต สมัยนี้การบังคับไม่ได้ผลแน่นอน ถ้าถึงเวลาที่ลูกอยากใช้งาน เราควรให้เขาได้ใช้งาน แต่คอยระวังให้อยู่ในสายตาแทนการบังคับ กำหนดเงื่อนไขเวลา และกฎ กติกาในการใช้งาน เพราะถ้าบังคับลูก เขาอาจจะแอบพ่อแม่ใช้งานเอง และตอนนั้นก็คงจะยิ่งลำบากในการดูแลสอดส่อง

เพียงเริ่มจากตัวเอง ทำ 7 สิ่งนี้ ลูกก็จะค่อย ๆ กลายเป็นเด็กเก่ง น่ารัก และประพฤติตัวดีทั้งนิสัยและจิตใจได้แล้วค่ะ
7 นิสัยเลี้ยงลูก ที่พ่อแม่ควรเพิ่ม เพื่อให้ลูกเก่ง น่ารัก และเป็นคนดีได้
การจะเลี้ยงลูกให้เป็นคนเก่ง น่ารัก ประพฤติตัวดีทั้งนิสัยและจิตใจ ไม่ง่ายเลยใช่ไหมคะ เพราะการเลี้ยงเด็กหนึ่งคนไม่มีสูตรสำเร็จในการสอน เด็กต่างก็มีลักษณะเป็นตัวของตัวเอง ที่พ่อแม่ต้องเติบโตไปกับลูกในทุก ๆ วัน เพื่อที่จะสอนลูกได้ตามสถานการณ์
แต่รู้ไหมคะ ว่านิสัยของพ่อแม่บางอย่าง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่สอนลูกได้ดี หากยังไม่มีนิสัยเหล่านี้ แนะนำให้เพิ่มเลยค่ะ เพียงเริ่มจากตัวเอง ทำ 7 สิ่งนี้ ลองนำไปปรับปรุง ปรับใช้ให้เหมาะกับลูกได้นะคะ
- เพิ่มการสอนลูกให้มากขึ้น
อย่าขี้เกียจพูด แล้วทำทุกอย่างให้ลูก หรือ ตัดจบปัญหาไปแบบไว ๆ แล้วลูกไม่ได้เรียนรู้อะไร คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากลูกทำผิดพลาด ให้พูดคุยถึงปัญหา บอกวิธีแสดงออกที่ถูกต้องให้ลูกรู้ เพราะเป้าหมายของการอบรมเลี้ยงดูลูก คือการสอนให้ลูกรู้จักการปฏิบัติตัวดี และมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ควรเลิกลงโทษลูกด้วยการตี หรือการดุด่า เพราะไม่ได้ช่วยทำให้ลูกได้เรียนรู้ หรือถ้าหากทำโทษแล้ว ต้องพูดคุย อธิบายว่าทำไมถึงทำโทษลูก ให้กอดลูก ให้ลูกรู้ว่าเรารักเสมอ
- เพิ่มการมองโลกในแง่บวก
การมองโลกในมุมบวก เปลี่ยนสถานการณ์ได้จริง ๆ เช่น การอดทนคอยบอกคอยสอนลูกบ่อย ๆ คุณพ่อคุณแม่อย่ามองว่ามีแต่เหนื่อย แต่ให้มองว่าลูกจะได้เรียนรู้อะไรบ้าง หรือ เมื่อเกิดเหตุการณ์ลูกทำตัวไม่น่ารัก ให้คิดว่าลูกไม่ได้จงใจทำผิด ไม่ตัดสินลูก แต่ให้ถามไถ่สิ่งที่เกิดขึ้นว่าเพราะอะไร ทำไมเกิดเรื่องนี้ ให้ลูกได้อธิบายให้มากที่สุด และพ่อแม่ต้องรับฟังอย่างตั้งใจ เพื่อหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้นในมุมมองบวกที่เราคิดไว้

- เพิ่มเหตุผลให้มากขึ้น
ไม่ว่าเรื่องอะไรที่พ่อแม่ทำ ต้องมีเหตุผลเสมอ เช่น เมื่อลูกทำของหกเลอะเทอะ ต้องบอกให้ลูกเก็บเอง หากลูกไม่ทำให้บอกเขาว่าคนอื่นที่เดินมา หรือลูกเอง ก็อาจจะลื่นหกล้มเจ็บตัวได้ ทุก ๆ เรื่อง ควรบอกเหตุผลด้วยน้ำเสียง และท่าทีที่เรียบ แต่หนักแน่น การเพิ่มเหตุผลอย่างใจเย็น จะช่วยให้ลูกมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ได้รับมอบหมายได้มากขึ้น และควรทำอย่างสม่ำเสมอ
- เพิ่มความยืดหยุ่นในตัวเอง
กฎเกณฑ์ต่าง ๆ ในครอบครัว หรือสิ่งที่ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ได้ ให้คุณพ่อคุณแม่ลองปรับลดลงหน่อย เพื่อให้ลูกเข้าใจและปฏิบัติตามได้ง่ายขึ้น หรือลองพูดคุยกับลูกเรื่องกฎในบ้าน ว่ามีข้อไหนที่ลูกคิดว่าทำไม่ได้ หรือ กดดันจนไม่ชอบเลย เราควรปรับลดลงแค่ไหน ให้ถามความเห็นลูก เพราะการที่พ่อแม่มีความยืดหยุ่น จะทำให้ลูกมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ไม่ติดกรอบเกินไปด้วย
- เพิ่มการชมให้มากขึ้น
เวลาทุกทำผิดพลาด ก็สอนไปบ่นไป แต่พอลูกทำดีกลับไม่ชม เพราะกลัวลูกเหลิง แบบนี้ส่งผลไม่ดีต่อจิตใจลูกได้นะคะ ลูกทำตัวน่ารัก รู้จักแบ่งปัน หรือมีความพยายามทำบางเรื่องจนสำเร็จ อย่าลืมให้กำลังใจลูกนะคะ แม้เพียงคำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือการโอบกอด เพื่อให้ลูกรับรู้ว่า คุณพ่อคุณแม่รักลูกเสมอ แค่นี้ก็จะเป็นพลังที่จะช่วยให้ลูกมีกำลังใจที่จะทำดีต่อไปเรื่อย ๆ แล้วค่ะ
- เพิ่มการขอโทษ
คุณพ่อคุณแม่หลายคน เคยทำผิด หรือ ทำให้ลูกเสียใจโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่บางครั้งก็เลือกปล่อยผ่านไป และนิ่งเฉย เพราะคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ทำไมต้องขอโทษลูก แต่ต่อจากนี้ควรเพิ่มการขอโทษลูกให้มากขึ้นเมื่อทำผิดนะคะ เพราะอยากสอนลูกให้รู้จักคำว่าขอโทษ ในเวลาที่ลูกทำผิด การทำเป็นตัวอย่าง จะเป็นการสอนเขาได้ดีที่สุดค่ะ
7. เพิ่มการเป็นตัวอย่างที่ดี
คุณพ่อคุณแม่ควรทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี ให้ลูกได้เห็นเสมอ ๆ เวลาที่คุณพูดกับผู้อื่น ก็ควรใช้คำพูดและกริยาท่าทางที่สุขุมเยือกเย็น ไม่แสดงอารมณ์โกรธ หรือก้าวร้าวกับผู้อื่นต่อหน้าลูก ควรมีคำพูดที่แสดงมารยาทที่ดี เช่น ขอโทษค่ะ ขอบคุณครับ และการแสดงน้ำใจกับคนอื่น ๆ ให้ลูกได้เห็นอยู่เสมอ ๆ
ทั้ง 7 ข้อนี้ เป็นเพียงแค่ตัวอย่างที่อยากให้เพิ่มนะคะ แต่มีนิสัยดี ๆ อีกมากมายที่พ่อแม่สามารถทำเองได้ เพิ่มได้ ด้วยตัวเอง หากลองเปลี่ยนตัวเองให้ไปในทางที่ดีขึ้น เราจะได้เห็นพัฒนาการบางอย่างของลูกที่ดีขึ้นตามไปด้วย ลองปรับใช้ดูนะคะ
คำพูดต้องห้าม ที่ลูกไม่อยากได้ยินจากปากคนเป็นพ่อแม่
เด็ก ๆ ที่อยู่ในช่วงของวัยเรียนรู้ มักจะเป็นคนช่างสังเกตและจดจำรายละเอียด โดยเฉพาะคำพูดของผู้ใหญ่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องระมัดระวังคำพูดเป็นอย่างยิ่ง ไปดูคำที่ไม่ควรพูดเหล่านี้กันค่ะ
8 คำพูดที่ไม่ควรพูดกับลูก คำพูดที่ปิดกั้นพัฒนาการเด็ก
- ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง คำพูดนี้ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ไม่ชอบกันทั้งนั้นใช่ไหมคะ ฟังแล้วรู้สึกเสียความมั่นใจ ไม่ว่าคุณพ่อคุณแม่จะโมโหหรือโกรธสักแค่ไหน ก็ไม่ควรเผลอพูดคำนี้ออกมาเด็ดขาด เพราะนั้นจะทำให้เด็กไม่กล้าจะลองทำสิ่งใหม่ๆ พัฒนาการเด็กก็จะย้ำอยู่กับที่ และอาจจะไม่กล้าแสดงออกอีกต่อไป ดังนั้นควรใช้คำพูดในเชิงบวกเข้าไว้ ค่อย ๆ สอน ค่อย ๆ แนะนำและให้กำลังใจจะเป็นผลดีกว่านะคะ
- หุบปากแล้วอยู่เงียบ ๆ เด็กที่อยู่ในวัยที่กำลังหัดพูด มักจะชอบพูดไปตามประสาหรือพูดอยู่ตลอดเวลา หากเด็กพูดคำที่ไม่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่ก็ควรพูดหรือสอนกับลูกดีๆ อย่าแสดงอาการแสดงรำคาญเวลาที่ลูกถามหรือสงสัย เพราะเด็กจะไม่กล้าถาม ไม่กล้าแสดงออก และรู้สึกเก็บกด และพัฒนาการเด็กจะช้าลง ไม่มีความสุขทั้งในการเรียนและเล่นกับเพื่อน ๆ
- ต้องมีความเป็นลูกผู้ชาย คำว่าต้องมีความเป็นลูกผู้ชายนั้น ไม่ควรพูดกับลูกนะคะ เพราะจะเป็นการปิดกั้นพัฒนาการเด็ก ลูกของคุณอาจจะสับสนว่า การเป็นลูกผู้ชายนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง เด็กอาจจะรู้สึกสับสนและลังเลในสิ่งที่จะทำ และไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกหรือไม่ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรแสดงความเป็นผู้นำให้ลูกได้เห็นเป็นตัวอย่างที่ถูกต้อง
- ทำแบบนี้เดี๋ยวไม่รักนะ เพราะว่าคำพูดเหล่านี้จะไปกระทบความรู้สึกเบื้องลึกในจิตใจลูก อย่าคิดว่าเป็นแค่คำพูดธรรมดาเอง ไม่มีอะไร ลูกคงรู้อยู่แล้วว่าพ่อแม่รัก แต่ในความเป็นจริง คำพูดเหล่านี้เป็นตัวบั่นทอนความรู้สึกของลูกมากที่สุด
- ทำไมน่ารำคาญอย่างนี้ คำพูดนี้ก็เช่นเดียวกันกับคำพูดว่าไม่รักแล้ว เพราะจะบั่นทอนความรู้สึกเชื่อมั่น อาจจะทำให้เขารู้สึกไม่แน่ใจว่าตกลงพ่อแม่ยังรักเขาหรือเปล่า ซึ่งความมั่นคงทางจิตใจของเด็กเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ การรู้จักแบ่งปัน การรู้จักตัวเองและคนอื่น
- ทำไมไม่ได้เหมือนลูกคนอื่นๆ การเปรียบเทียบลูกกับพี่ๆน้องๆ หรือเด็กคนอื่นๆ จะทำให้เด็กสูญเสียความมั่นใจ ขาดความเชื่อมั่น ไม่ควรพูดจาเปรียบเทียบลูก ถึงแม้จะทำไปโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่เด็กอาจจะเก็บไปคิดน้อยใจ ติดค้างอยู่ในใจได้
- อย่าทำแบบนี้เดี๋ยวตำรวจจับ การขู่ด้วยการหลอก เช่น หลอกผี หรือเอาตำรวจมาขู่ การขู่เป็นการใช้คำพูดเพื่อสื่อออกมาว่า เมื่อทำแบบนี้แล้วจะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง ซึ่งภาษาที่พ่อแม่สื่อสารกับลูกเป็นสิ่งสำคัญในการลำดับความคิดของเด็ก การบอกเหตุและผลที่สอดคล้องกัน ทำให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ดีกว่า และพัฒนาการทางสมองและการเรียนรู้ก็จะดีตามไปด้วย แต่การขู่ด้วยเรื่องไม่เป็นเหตุผลก็จะทำให้เด็กขาดการเรียนรู้แบบเป็นเหตุเป็นผล และเมื่อโตขึ้นก็อาจจะยิ่งไม่เชื่อฟัง เพราะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง
- ล้อเลียนเรื่องน่าอาย หรือ ปมด้อย การนำปมน้อยมาล้อเลียน หรือเรื่องน่าอายของลูกๆ มาเล่า มาล้อให้คนอื่นฟัง พ่อแม่อาจจะไม่ได้คิดอะไร แต่ทราบไหมคะว่า อาจทำให้เกิดความเจ็บปวด เสียใจ เป็นปมที่ฝังอยู่ในใจลูกไปตลอดได้ค่ะ
และยังมีอีกหลายคำพูดนะคะ ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนำมาพูดให้ลูกได้ยิน เพราะนอกจากจะไม่เกิดผลดีกับเด็กแล้ว อาจส่งผลกับพัฒนาการของลูกด้วยค่ะ

หลายๆ คนสงสัยกันว่าทำไมนาย ณภัทร เสียงสมบุญ ถึงนิสัยดี โตขึ้นมาเป็นเด็กน่ารัก แถมยังกลายเป็นหนุ่มในฝัน ของสาวๆ กว่าค่อนประเทศอีกด้วย เราเลยมีเคล็ดลับการเลี้ยงลูกของซิงเกิ้ลมัมคนเก่งแม่หมู พิมพ์ผกา เสียงสมบุญ กับวิธีการเลี้ยงลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษมาฝากกันค่ะ
- เริ่มจากความคิด ถ้าเราคิดว่าลูกขาดความรัก ลูกจะเป็นอย่างที่เราคิด แต่ถ้าเราคิดว่าลูกเป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษ เขาก็จะโตมาเป็นผู้ชายเพอร์เฟ็กต์อย่างที่เราต้องการ
-
ให้เวลากับลูก ต้องคุยกัน ต้องกอดกัน คุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่วางท่าว่าเป็นแม่เขา แต่เราเป็นเหมือนเพื่อนกัน
-
ไม่เป็นแม่ที่จู้จี้จุกจิก
-
ไม่พูดถึงพ่อในแง่ไม่ดี
-
เปลี่ยนนิสัยตัวเอง พยายามเล่าให้ลูกฟังทุกครั้งว่าวันนี้แม่ทำอะไรมาบ้าง เพราะหวังว่าวันหนึ่งเขาจะเล่าเรื่องของเขาให้ฟังเหมือนกัน
-
สอนลูกด้วยธรรมะ แต่ไม่บังคับลูกให้สวดมนต์หรือปฏิบัติธรรม เพราะถ้าบังคับเขาจะเกลียด แต่พอเราทำให้เขาดูเป็นตัวอย่างไปเรื่อยๆ เขาก็อยากทำตามเราไปเอง
-
สอนเรื่องศีล 5 หมั่นถามลูกเรื่องการใช้ชีวิตว่าผิดศีลหรือไม่
-
สอนแผนที่ชีวิต กฎไตรลักษณ์ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
- ทุกอย่างย่อมมีการเปลี่ยนแปลง บนโลกนี้ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป
- ความทุกข์ เป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องเจออยู่แล้ว ทุกปัญหามีเอาไว้ให้แก้ไข
- การไม่มีตัวตน ทุกๆ อย่าง สุดท้ายวันหนึ่งก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี
ทั้งหมดที่แม่หมูสอนและทำให้ลูกชายดูมาตั้งแต่เด็กๆ คุณพ่อคุณแม่ลองทำและสอนลูกได้นะคะ ทุกวันนี้น้องนาย ณภัทร ก็เป็นสุภาพบุรุษ จิตใจดีตามที่แม่หมูต้องการแล้วค่ะ แถมยังเป็นขวัญใจแฟนๆ ทั่วประเทศอีกด้วย
ข้อมูลจาก : goodlifeupdate ภาพ : IG naphat_nine