ตั้งครรภ์แล้ว ต้องฝากท้องเมื่อไหร่ ฝากท้องที่ไหนดี ต้องตรวจร่างกายอะไรบ้าง ควรเจาะน้ำคร่ำไหม ต้องตรวจภาวะดาวน์ซินโดรมรึเปล่า คลอดธรรมชาติหรือผ่าคลอดดี ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ท้องแล้วต้องทำอย่างไร? คู่มือครบที่สุด สำหรับคุณแม่มือใหม่ ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนคลอด
เมื่อเริ่มตั้งครรภ์ นอกจากความตื่นเต้นดีใจแล้ว คุณแม่มือใหม่หลายคนอาจจยังไม่แน่ใจว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป ต้องไปฝากครรภ์เลยไหม หรือต้องตรวจร่างกายอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ต้องเจาะน้ำคร่ำ หรือตรวจภาวะดาวน์ซินโดรมไหม จะคลอดเองหรือผ่าคลอดดี ที่สำคัญ แต่ละขั้นตอนมีค่าใช้จ่ายเท่าไร วันนี้เราจะมาบอกข้อมูลสำคัญที่ครบถ้วนที่สุดให้ทราบกัน
เมื่อรู้ว่าท้อง...ก็ต้องฝากครรภ์
การฝากครรภ์คือขั้นตอนแรกสำหรับคุณแม่มือใหม่ทุกคน โดยการฝากครรภ์คือ การตรวจสุขภาพของแม่และเด็กเป็นระยะ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด ซึ่งคุณแม่สามารถฝากครรภ์ได้ทันทีที่รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ไม่ควรเกิน 12 สัปดาห์ โดยยิ่งฝากครรภ์เร็วเท่าไร คุณแม่และลูกก็จะได้รับการดูแลที่เหมาะสมเร็วเท่านั้น สาเหตุที่ต้องฝากครรภ์ ก็เพื่อให้แพทย์ได้ตรวจติดตามสุขภาพของทั้งแม่และลูกอย่างสม่ำเสมอ ว่ามีความเสี่ยงอะไรที่น่ากังวลไหม มีอาการผิดปกติอะไรหรือเปล่า เพื่อให้แม่และลูกปลอดภัยที่สุดจนถึงวันคลอด
ฝากครรภ์ครั้งแรก ต้องตรวจอะไรบ้าง?
ส่วนใหญ่การฝากครรภ์ครั้งแรก แพทย์จะตรวจร่างกายคร่าว ๆ ดังนี้
- ตรวจยืนยันการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่คุณแม่มือใหม่มักจะตรวจครรภ์ด้วยตนเอง เมื่อพบว่าตั้งครรภ์จึงมาพบแพทย์ ซึ่งจะต้องตรวจยืนยันอีกครั้ง พร้อมตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด
- ซักประวัติ แพทย์จะถามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม มีโรคประจำตัวหรือเปล่า มียาที่ใช้ประจำไหม ซึ่ง ต้องแจ้งแพทย์อย่างละเอียด เพราะยาบางตัวอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อทารกได้ เช่น ยารักษาสิวบางชนิดอาจทำให้ทารกพิการหรือแท้งได้เลย
- ตรวจร่างกาย การตรวจร่างกายจะแบ่งเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ
- ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น วัดความดัน ชั่งน้ำหนัก ส่วนสูง การทำงานของปอด ฯลฯ
- ตรวจภายใน เช่น ตรวจความสมบูรณ์ของรังไข่ ท่อนำไข่ ช่องคลอด ฯลฯ
- ตรวจเลือด เช่น ระดับน้ำตาล ไขมัน ความสมบูรณ์ของเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน การติดเชื้อเอชไอวี ซิฟิลิส ฯลฯ
ฝากครรภ์ ต้องไปพบแพทย์บ่อยแค่ไหน?
หลังจากฝากครรภ์ ระยะเวลาในการนัดพบแพทย์จะค่อนข้างตายตัว ดังนี้
- อายุครรภ์ 1 - 32 สัปดาห์ พบแพทย์ทุก 1 เดือน (4 สัปดาห์)
- อายุครรภ์ 32 - 36 สัปดาห์ พบแพทย์ทุกครึ่งเดือน (2 สัปดาห์)
- อายุครรภ์ 36 สัปดาห์ขึ้นไป พบแพทย์ทุก 1 สัปดาห์
ระยะเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ขึ้นอยู่กับสุขภาพของคุณแม่และลูก
วิธีเลือกสถานที่ฝากครรภ์
ปัจจัยหลักๆ ที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดในการเลือกสถานที่ฝากครรภ์มี 3 ข้อ คือ
- โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมดูแลหากเกิดความผิดปกติ
- เดินทางสะดวก ใกล้บ้านหรือที่ทำงาน เพราะต้องเดินทางไปบ่อยๆ ตลอด 9 เดือนเต็ม
- กรณีมีโรคประจำตัว อาจเลือกฝากครรภ์กับโรงพยาบาลหรือคลินิกที่รักษาอยู่เดิม เพื่อจะได้ตรวจสอบประวัติการรักษาและอาจปรับเปลี่ยนยาให้เหมาะสมในช่วงตั้งครรภ์ด้วย ทั้งนี้โรงพยาบาลหรือคลินิกที่ฝากครรภ์ ไม่จำเป็น ต้องเป็นที่เดียวกับโรงพยาบาลที่จะคลอดลูก สามารถเลือกได้ตามความสะดวก
ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์
ค่าใช้จ่ายการฝากครรภ์มีทั้งแบบรายครั้ง และแบบเหมาจ่าย ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจของโรงพยาบาลหรือคลินิกนั้นๆ โดยราคาเหมาจ่าย เริ่มต้นที่ประมาณ 12,470 บาท
ดูแลทั้งคุณแม่และคุณลูกให้ปลอดภัยแข็งแรง! เปรียบเทียบแพ็กเกจฝากครรภ์ฝากครรภ์จากโรงพยาบาลและคลินิกมากที่สุดที่นี่ พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือนและส่วนลดพิเศษสำหรับผู้อ่านรักลูกเท่านั้น
2.อัลตราซาวด์ตรวจเช็กความสมบูรณ์ของทารกในครรภ์
หลังจากฝากครรภ์เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งขั้นตอนที่แพทย์แนะนำให้ทำ คือ การอัลตราซาวด์ ซึ่งจะช่วยให้แพทย์เห็นภาพทารกในครรภ์ได้ชัดเจน สามารถตรวจพัฒนาการ เพศ คัดกรองความเสี่ยงกลุ่มดาวน์ซินโดรมในเบื้องต้น และหาความผิดปกติของทารกได้ด้วย โดยมีทั้งอัลตราซาวด์ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ ซึ่งจะแสดงภาพที่แตกต่างกันออกไป
อัลตราซาวด์ 2 มิติ 3 มิติ 4 มิติ คืออะไร ควรทำช่วงไหน?
อัลตราซาวด์ 2 มิติภาพที่ปรากฏจะเป็นแนวระนาบ เห็นเป็นสีเงาขาว-ดำ ไม่มีความลึกหรือตื้น มองไม่เห็นหน้าทารกอย่างชัดเจน สามารถอัลตราซาวด์ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 11 - 13 สัปดาห์ เพื่อประเมินอายุครรภ์ จำนวนทารกในครรภ์ หรือความผิดปกติต่างๆ ช่วงนี้บางคนจะเริ่มเห็นเพศของลูก แต่ยังไม่ชัดเจนนัก จะเริ่มชัดเมื่ออายุครรภ์ 15 สัปดาห์เป็นต้นไป
อัลตราซาวด์ 3 มิติภาพที่ปรากฏจะเป็นรูปแบบเสมือนจริง เห็นอวัยวะ รูปร่าง ใบหน้าได้ชัดเจนมากกว่า 2 มิติ โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการอัลตราซาวด์ 3 มิติ คือเมื่อมีอายุครรภ์ 26 - 32 สัปดาห์ เพราะทารกจะเริ่มมีหน้าตา รูปร่างที่ชัดเจนแล้ว
อัลตราซาวด์ 4 มิติคือการเก็บภาพอัลตราซาวด์ 3 มิติ มาเรียงต่อกันจนเกิดเป็นภาพเคลื่อนไหว หรือภาพเสมือนจริงแบบเรียลไทม์ จะเห็นพฤติกรรมของทารกภายในครรภ์ เช่น การหาว ดูดนิ้ว อ้าปาก ยกแขน หรือยิ้มได้ชัดเจน และยังสามารถตรวจความผิดปกติได้แม่นยำมากขึ้นด้วย เช่น เนื้องอกที่ผิวบางชนิด ปากแหว่ง เป็นต้น
ค่าใช้จ่ายในการอัลตราซาวด์
ค่าใช้จ่ายในการอัลตราซาวด์จะแตกต่างกันตามเทคโนโลยี แบบ 2 มิติ ถูกที่สุด ตามด้วย แบบ 3 มิติ และ 4 มิติ โดยราคาอัลตราซาวด์ 4 มิติ เริ่มต้นที่ประมาณ 2,390 บาท ต่อครั้ง
พร้อมเจอลูกของคุณหรือยัง? เปรียบเทียบและซื้อแพ็กเกจอัลตราซาวด์จากโรงพยาบาลและคลินิกที่ได้มาตรฐานวันนี้ พร้อมรับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือนและส่วนลดพิเศษสำหรับผู้อ่านรักลูกเท่านั้น
3.ถ้าอายุมากกว่า 35 ปี หรือมีความเสี่ยงอาจต้องตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม
การตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม คือการตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ด้วยการตรวจโครโมโซมว่ามีความผิดปกติหรือไม่ ซึ่งให้ผลค่อนข้างแม่นยำ และสามารถเริ่มตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 10 - 12 สัปดาห์
ใครควรตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม
- คุณแม่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป
- ครอบครัวมีประวัติโครโมโซมผิดปกติ
- เคยมีบุตรที่มีโครโมโซมผิดปกติ
- อัลตราซาวด์พบว่าทารกอาจมีโครโมโซมผิดปกติ
ตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรมมีกี่วิธี
การตรวจคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรม นอกเหนือจากการอัลตราซาวด์ มี 2 รูปแบบที่ได้รับความนิยมคือ
1. NIPD (Non-invasive prenatal diagnosis)คือวิธีการตรวจคัดกรองด้วยวิธีเจาะเลือดของคุณแม่ ที่มีดีเอ็นเอบางส่วนของลูกปะปนอยู่ จึงสามารถตรวจสอบความผิดปกติได้ โดยให้ผลแม่นยำประมาณ 98% วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ทันสมัยที่สุดและปลอดภัย ไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ซึ่งอาจมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามบริษัทที่ให้บริการตรวจ เช่น NICE Test, Panorama, myNIPS, Qualify NIPT, Harmony เป็นต้น
2. การเจาะน้ำคร่ำ (Amniotic Fluid Aspiration)วิธีการตรวจที่ให้ผลแม่นยำมากที่สุด 99% สามารถคัดกรองความเสี่ยงดาวน์ซินโดรม บอกเพศและความผิดปกติอื่นๆ ได้ถูกต้อง แต่การเจาะน้ำคร่ำก็มีความเสี่ยงอาจทำให้แท้งได้ จึงเหมาะสำหรับคุณแม่ที่ตรวจด้วยวิธีการอื่นๆ แล้วพบความผิดปกติ แพทย์จึงแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำเพื่อยืนยันอีกครั้ง
ค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองดาวน์ซินโดรม ค่าใช้จ่ายในการตรวจคัดกรองแบบ NIPA เริ่มต้นที่ 9,120 บาท ส่วนค่าใช้จ่ายในการเจาะน้ำคร่ำ เริ่มต้นที่ 9,504 บาท ขึ้นอยู่กับค่าบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลหรือคลินิกนั้นๆ
เช็กเพื่อความชัวร์ ให้ลูกปลอดภัยและสมบูรณ์แข็งแรงที่สุด
เปรียบเทียบแพ็กเกจคัดกรองดาวน์ซินโดรมจากโรงพยาบาลและคลินิกมากที่สุดที่นี่
4.วางแผนคลอด คลอดธรรมชาติ VS ผ่าคลอด
หลังจากผ่านกระบวนการทุกขั้นตอนแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการวางแผนว่าจะคลอดธรรมชาติ หรือผ่าคลอด เราจะมาเปรียบเทียบให้ทราบกัน
คลอดธรรมชาติ
คือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการคลอด โดยทั่วไปหากคุณแม่และลูกมีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง แพทย์จะแนะนำให้คลอดธรรมชาติ
ข้อดี
- คุณแม่เสียเลือดน้อยกว่า แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว
- ไม่มีปัญหาพังผืดในช่องท้อง
- ทารกได้รับภูมิคุ้มกันจากเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
- โอกาสเกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจค่อนข้างน้อย
- โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนระหว่าง หรือหลังคลอดน้อยกว่าการผ่าคลอด
ข้อจำกัด
- กำหนดเวลาคลอดไม่ได้ (อาจเป็นอุปสรรคสำหรับผู้ที่ทำงานประจำ)
- เจ็บท้องคลอดค่อนข้างนาน
- มีข้อจำกัดที่ทำให้คุณแม่บางคนเลือกวิธีนี้ไม่ได้ เช่น ลูกตัวใหญ่มากจนออกจากช่องคลอดไม่ได้ ลูกอยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะกับการคลอด รกเกาะต่ำ คุณแม่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงจะเกิดอันตราย เป็นต้น
ผ่าคลอด
คือทางเลือกสำหรับคุณแม่ที่มีข้อจำกัด ไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ เช่น แม่และเด็กอาจเป็นอันตรายขณะคลอด
ข้อดี
- ไม่ต้องรอเจ็บท้องนาน
- สะดวก สามารถกำหนดช่วงเวลาคลอดได้ตามต้องการ
- เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย สำหรับคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติไม่ได้
ข้อจำกัด
- คุณแม่เสียเลือดมากกว่า มีแผลขนาดค่อนข้างใหญ่ที่หน้าท้องและมดลูก ฟื้นตัวช้า
- มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาพังผืดในช่องท้อง
- ทารกไม่ได้รับภูมิคุ้มกันจากเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
- ทารกอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางระบบทางเดินหายใจ
- เสี่ยงเกิดอาการข้างเคียงขณะคลอด และหลังคลอด เช่น แพ้ยาสลบหรือยาระงับความรู้สึก อวัยวะข้างเคียงบาดเจ็บ แผลผ่าตัดติดเชื้อ
- การตั้งครรภ์ครั้งต่อไป ส่วนใหญ่จำเป็นต้องผ่าคลอด เพราะมดลูกมีแผลผ่าตัดทำให้ไม่แข็งแรง หากรอเจ็บท้องคลอดอาจมีความเสี่ยงที่มดลูกจะปริ แตกได้
ค่าใช้จ่ายในการคลอดลูก
ค่าใช้จ่ายในการคลอดโดยส่วนใหญ่เป็นแบบเหมาจ่าย มักรวมค่าห้องพักในโรงพยาบาลด้วย โดยแพ็กเกจคลอดธรรมชาติรวมค่าห้องพัก เริ่มต้นที่ 23,880 บาท และแพ็กเกจคลอดแบบผ่าคลอดรวมค่าห้องพัก เริ่มต้นที่ 33,950 บาท
จ่ายค่าคลอดราคาเต็มทำไม? รับสิทธิ์ผ่อน 0% สูงสุด 10 เดือนและส่วนลดพิเศษสำหรับผู้อ่านรักลูก จากโรงพยาบาลใกล้บ้านคุณ เช็กราคาแพ็กเกจคลอดเหมาจ่ายที่นี่
สำหรับว่าที่คุณแม่ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ หรือกำลังตั้งครรภ์อยู่ สามารถเลือกดูแพ็กเกจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ที่หลากหลาย ในราคาคุ้มค่า ได้ทาง HDmall.co.th หรือปรึกษาแอดมินจิ๊บได้ทุกเรื่องทางไลน์ @hdcoth
พิเศษ! สำหรับคุณแม่ที่จอง/ซื้อแพ็กเกจผ่าน HDmall.co.th รับส่วนลดสุดคุ้ม
👉จองแพ็กเกจหมวดหมู่ตั้งครรภ์เกิน 10,000 บาทขึ้นไป รับส่วนลดเพิ่ม 300 บาททันที! โค้ดส่วนลด HDRUKLUK300
👉จองแพ็จเกจคลอดทุกแพ็กเกจ รับส่วนลดเพิ่ม 1,000 บาททันที! โค้ดส่วนลด HDRUKLUK1000
- แพ็กเกจอัลตราซาวด์ 4 มิติ
- แพ็กเกจฝากครรภ์
- แพ็กเกจตรวจคัดกรองความผิดปกติของลูกในครรภ์
- แพ็กเกจคลอด เพียงแจ้งแพ็กเกจที่ต้องการและโค้ดส่วนลด กับแอดมินทางไลน์ @hdcoth ได้เลย จองด่วน! หมดเขต 31 ธันวาคม 2564 เท่านั้น
ที่มา
- HDmall, ฝากครรภ์ เรื่องสำคัญของคุณแม่ทุกคน (https://hdmall.co.th/c/what-you-need-to-know-about-antenatal-care) 20 SEP 2021.
- โรงพยาบาลพญาไท,ตรวจอัลตร้าซาวด์บ่อยๆ_จะส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์หรือไม่, (https://www.phyathai.com/article_detail/3126/th/ตรวจอัลตร้าซาวด์บ่อยๆ_จะส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์หรือไม่?) 20 SEP 2021.
- คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล, อัลตร้าซาวด์กับการวินิจฉัยทารกในครรภ์ (https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=459) 20 SEP 2021.
- คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, NIFTY Test มิติใหม่ของการตรวจโรคพันธุกรรมทารกในครรภ์ (https://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/251/NIFTYTest-ตรวจโรคพันธุกรรมทารกในครรภ์/) 20 SEP 2021.
- ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, จะคลอดธรรมชาติ หรือ ผ่าคลอด ดีนะ? (https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=430) 20 SEP 2021.